ตอนที่ 3 ใช่คนในคำทำนายไหม

2318 Words
อนามิกานึกถึงขั้นตอนการสืบหาที่เต็มไปด้วยอุปสรรคแล้วก็ทอดถอนใจ หล่อนเริ่มจากการดูรูปรับปริญญาเมื่อห้าปีที่แล้วของพรีมพริมาเพื่อดูว่าเจ้าตัวจบรุ่นไหนแล้วไปตามหาเว็บบอร์ดของรุ่นในอินเตอร์เน็ตแต่ก็เจอเพียงเว็บบอร์ดเก่าที่ร้างไปแล้วหลายปีจะถามข้อมูลในเว็บบอร์ดเลยก็ไม่ได้ เจอสมาชิกเว็บบอร์ดห้าหกคนที่โพสต์อีเมลไว้หล่อนก็จัดการส่งอีเมลหา แล้วเฝ้ารออย่างมีความหวังสองวันถัดมามีอีเมลตอบกลับมาพร้อมกับเบอร์โทรของคุณหมอรุ่นเพื่อนพี่พรีม อนามิกาโทรหาเขาทราบว่าเขาไปทำงานที่รพ. ห้วยนางเลิ้งจังหวัดนราธิวาส แต่ยังไม่ทันที่จะถามข้อมูลหมอต้นได้สักอย่าง ระหว่างที่คุยอยู่นั้นเสียงระเบิดก็ดังตูมตามสัญญาณขาดหายไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างคุณหมอคนนั้นจะรอดหรือเปล่า หล่อนจึงลองมาส่งอีเมลหาเขาและรอหนึ่งวันเต็มๆ เจ้าตัวก็ไม่ตอบกลับมา อนามิกากรีดร้องแทบสลบเมื่อความหวังเดียวนั้นหายไปต่อหน้าต่อตาไม่ใช่ว่าเป็นห่วงว่าคุณหมอคนนั้นจะเป็นอันตรายแต่ห่วงว่าจะหาหมอต้นไม่เจอ อนามิกาจึงตัดสินใจเดินทางไปที่โรงพยาบาลห้วยนางเลิ้งเพื่อดูให้แน่ใจ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของทุกคนแต่หล่อนก็มุ่งมั่นที่จะไปเพราะหากจะรอหาทางอื่นเวลามันก็วิ่งไปทุกวันอนามิการอไม่ได้ คานที่เหยียบอยู่มันร้อน อนามิกาอยากเจอคู่แท้ไวๆ พอไปถึงที่โรงพยาบาลห้วยนางเลิ้งหล่อนก็ต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่หมอคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากแค่อยู่ใกล้พื้นที่เกิดระเบิดของผู้ก่อการร้าย จึงโดนสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยแต่โทรศัพท์และโน๊ตบุคพังจึงติดต่อหล่อนไม่ได้ อนามิกาจึงเจรจากับหมอคนนั้นเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังทั้งหมดและไม่ต้องแปลกใจคุณหมอคนนั้นมีท่าทีประหลาดใจกับความศรัทธา (ชาวบ้านเขาเข้าใจว่างมงาย) ในการดูดวงของหล่อน แต่อนามิกาก็ไม่ได้แคร์สื่อ หล่อนเพียรพยายามที่จะสอบถามต่อไป เขาจึงยอมให้ข้อมูลหมอต้นมาทุกอย่างสมใจอนามิกาแต่ว่าให้เบอร์ไม่ได้เพราะมือถือเสียไป อนามิกาได้ข้อมูลมาแล้วก็บินกลับกรุงเทพๆ ด้วยความปลอดภัย แล้วหล่อนมิรอช้าที่จะไปหาหมอต้นที่ที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนั้นเลย พี่พรีมคืนดีกันกับหมอต้นได้เร็วเท่าไหร่หล่อนก็จะสมหวังได้เร็วเท่านั้น หกทุ่มหนึ่งนาที แม้ว่าจะไม่เชื่อเรื่องที่ร่างทรงเจ้าแม่แสงสีทองทำนายแต่นพ.ธานุวัตน์หมอหนุ่มแห่งวอร์ดเด็กก็อดมองกลอนประตูห้องไม่ได้ วันนี้เป็นวันที่เจ็ดนับตั้งจากวันที่เขาพามารดาไปดูดวงที่ตำหนักเจ้าแม่สิบแปดมงกุฎนั่นมา วันนี้เขาเลือกที่จะเข้าเวรที่โรงพยาบาลเพราะกลัวว่าหากกลับบ้านไปมารดาเขาจะอินกับคำทำนายจัดจนหาผู้หญิงมีไฝที่หลังใบหูมาเปิดประตูห้องเขาให้สอดคล้องกับคำทำนาย มันคงจะยุ่งน่าดูเขาเลยตั้งใจว่าหนีมานี่จะพ้นภัย(อันเนื่องมาจากความต้องการลูกสะใภ้อย่างแรงกล้าของมารดา) หมอหนุ่มผวามองประตูห้องทำงานทุกๆ ห้านาทีราวกับจะมีคนมาเคาะแม้จะบอกตัวเองว่าไม่เชื่อคำทำนายนั้นสักนิด อ่ะ เอาเป็นว่าจริงๆ แล้วเขาเชื่อนิดหน่อยก็ได้ (ไม่ต้องทำหน้าสะใจแทนเจ้าแม่ขนาดนั้นก็ได้ เขาเชื่อแค่นิดเดียวเองจริงๆ นะ) เห็นโบราณบอกว่าจิ้งจกทักยังเชื่อ แล้วนับประสาอะไรกับคนตัวโตๆ ที่มาทักแม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นสิบแปดมงกุฎก็ตามที เพราะคำทำนายนั่นทำให้เขาลุ้นนิดหน่อยจนนอนไม่หลับแค่นั้นเอ๊ง ไม่มีอะไรจริงๆ แต่พอมาคิดตามหลักความน่าจะเป็นแล้วความเป็นไปได้มันติดลบมากๆ โอกาสที่เขาจะเปิดประตูห้องมาเจอผู้หญิงในคืนนี้ไม่มีเลย เพราะพยาบาลเจ้าหน้าที่จนถึงคนเข็นเตียงหามเปลที่เข้าเวรวอร์ดเด็กคืนนี้ล้วนเป็นผู้ชายทั้งสิ้น (แมนไม่แมนไม่เกี่ยวนะเพราะเขาคิดว่าคู่แท้เขาคงไม่ใช่ตุ๊ด) หรือถ้าจะเจอก็คงเจอว่าคนไข้ที่เป็นผู้หญิงก็อายุไม่เกินสิบขวบเพราะฉะนั้นคงโตไม่ทันแต่งงานปลายปีนี้แน่ เขาคิดพลางเอ็ดตัวเองที่เสียเวลาว้าวุ่นกับเรื่องสาระขนาดนี้ไปหลายนาทีก่อนจะเดินมาที่เตียงนอนสำหรับแพทย์เวรล้มก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างไร้กังวลอีกต่อไป ปัง! ปัง! ปัง ! เสียงเตาะประตูห้องดังๆ ทำให้คนที่ยังหลับไม่เต็มตารีบลุกจากเตียงมาสวมเสื้อกาวน์เตรียมออกดูคนไข้ วันนี้ใครจะเป็นอะไรอีกนะ น้องลูกหมีชักกลางดึก น้องแพนด้าร้องให้ปวดหัว หรือน้องแมวงอแงหาแม่ เขาเดาเล่นๆ แต่พอเปิดประตูออกมากลับไม่ใช่พยาบาลเวรอย่างที่เขาคิด เพราะที่เขาเห็นคือ... ผู้หญิงสาวหน้าตาน่ารักที่เห็นแล้วต้องสะดุด ดวงตากลมโตของหล่อนมองมาที่เขาตาไม่กระพริบ แว่บหนึ่งเขาอดนึกถึงคำทำนายของเจ้าแม่ไม่ได้หมอหนุ่มขนลุกเกรียว เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนต่อหน้าเขาเป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่เขาหมายตาไว้ตั้งแต่เห็นหล่อนคุยกับแม่เขาเจ็ดวันที่แล้ว ผู้หญิงน่ารักที่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าหล่อนงมงายให้ร่างทรงจอมปลอมนั้นหลอก ผู้หญิงที่ถามหาเนื้อคู่ไม่อายคนทั้งตำหนัก ผู้หญิงคนนี้เป็นเนื้อคู่เขาเหรอ แม้จะนึกลบหลู่ในใจ แต่เขากลับนึกภาพที่หล่อนและเขาสวมชุดวิวาห์เดินคู่กันในสิ้นปีอย่างที่เจ้าแม่ทำนาย อืม... มันก็ไม่เลวแฮะ “ฉันมาหาหมอต้นค่ะ หมอต้นอยู่มั้ย” คำถามของอนามิกาทำเอาคนที่จินตนาการไปเลยเถิดได้สติ อยากเขกหัวตัวเองที่คิดอะไรเป็นตุเป็นตะ เรื่องออกจะงมงายชัดๆ เนื้อคู่เขาจะมาถามหาผู้ชายอื่นกลางดึกได้ยังไงกัน “ไม่อยู่ครับ” อนามิการู้สึกว่าเสียแรงเมื่อได้ยินประโยคนี้ เมื่อครู่นี้เพิ่งวิ่งหนีพยาบาลหนุ่มร่างยักษ์ที่ไม่ยอมให้คนนอกเข้ามารบกวนหมอ กว่าจะหาห้องพักแพทย์เวรเจอก็เหนื่อยเพราะต้องหลบๆ ซ่อนๆ แอบเข้ามา ที่จริงจะมาหาหมอต้นพรุ่งนี้ก็ได้ แต่อนามิกาใจร้อนกลัวว่าจะสายไปเหมือนที่เจ้าแม่บอกจึงตรงดิ่งจากสุวรรณภูมิมาที่โรงพยาบาลเลย หากแต่พอเลิกสนใจคนที่ตนเองนั้นจะมาหา หล่อนก็พิจารณาคนตรงหน้าใหม่อีกครั้ง แล้วหล่อนก็รู้สึกว่าดวงหน้าของคนคนนี้นั้นดูคุ้นเคย... “อ้าวคุณลูกหนู” ตอนนั้นที่ดูดวงกับเจ้าแม่ หล่อนไม่ได้มองหน้าเขาชัดและใกล้ชิดขนาดนั้นแต่วันนี้หล่อนเห็นเขาใกล้ๆ ใบหน้าห่างกันไม่ถึงศอก หล่อนจึงใช้เวลานึกอยู่เป็นนาน นี่มันลูกชายสุดหล่อของคุณหญิงธาริณีนี่นา “คุณรู้จักผมด้วยเหรอ” หมอหนุ่มถาม หน้าเขาแดงนิดหน่อยเพราะชื่อลูกหนูเป็นคำที่มารดาเรียกเขามาตั้งแต่เด็กพอไปเรียนเพื่อนก็ล้อว่าเป็นตุ๊ดบิดาเขาจึงตั้งชื่อใหม่ให้ว่า ธิม เวลาที่คนอื่นรู้ว่าเขาชื่อลูกหนูเขาจะอายมากๆ อย่างที่เห็น “เปล่าหรอกค่ะ ฉันคงจำคนผิดแมนๆ อย่างคุณคงไม่มีชื่อว่าลูกหนูหรอก” อนามิกาเปลี่ยนมาทำฮึดฮัด หล่อนเชิดหน้าขึ้นเมื่อนึกได้ถึงวาจาเชือดเฉือนของคนตรงหน้าที่บอกว่าหล่อนงมงายเชื่อคำทำนายเรื่องเนื้อคู่ของเจ้าแม่ในวันนั้น “ใช่ครับ จริงๆ แล้วผมชื่อธิม” หึย โกหกชัดๆ แม่นายยังเรียกนายว่าลูกหนูให้ฉันได้ยินอยู่เลย เอาเป็นว่าเจ๊ากันที่ฉันทำเป็นไม่รู้จักนายก็ได้ อนามิกาคิดในใจ “เอ่อ หมอต้นไม่อยู่เหรอคะ” อนามิกากวาดสายตาทั่วห้อง หล่อนไม่มีเวลามาสนเขามากหรอกหล่อนต้องปฏิบัติการตามรักคืนใจพี่พรีมให้ไว “ผมแลกเวรกับเขาน่ะ ตอนนี้คงอยู่บ้าน” “คุณรู้มั้ยคะว่าบ้านเขาอยู่ไหน” “เอ่อ ผมว่าไว้พรุ่งนี้คุณค่อยมาเจอเขาที่นี่จะสะดวกกว่านะครับ” “คือฉันรีบน่ะค่ะ ไปหาเขาที่บ้านก็ได้ ฉันมีเรื่องสำคัญจริงๆ” อนามิกาใจร้อน “บ้านหมอต้นอยู่ใกล้ๆ นี่เองครับมันจะดูไม่เหมาะถ้าคุณจะไปหาเขาที่นั่นถ้าคุณมีเรื่องสำคัญผมจะตามเขามาที่นี่ก็ได้ครับ” “งั้นคุณก็โทรตามเขามาเลยค่ะ ฉันรอที่นี่ก็ได้” “เดี๋ยวก่อนสิครับคุณต้องบอกผมก่อนว่าคุณจะพบหมอต้นเรื่องอะไร ไม่อย่างนั้นเหตุผลไม่เพียงพอผมให้หมอต้นมามันได้ว๊ากผมตาย” เขาพูดถึงเพื่อนสนิทที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่หนักไปทางร้ายมากกว่า อนามิกาชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง อย่างน้อยก็คิดว่ามันไม่เสียหายอะไรถ้าเขาเห็นว่ามันไร้สาระมากๆ จนไม่ช่วยอนามิกาอาจจะหาทางใหม่ก็ได้หรืออาจจะไม่ก็ไม่รู้ ตอนนี้มีคนรู้เรื่องทั้งหมดสามคนแล้ว ถ้าหากอนามิกาต้องเล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟังเพื่อขอความช่วยเหลือล่ะก็หล่อนจะยอมขึ้นคานแล้วเพราะหล่อนอายที่จะเล่าเต็มทีแล้ว จะไม่ให้อายได้ยังไงเล่า แต่ละคนที่ได้ฟังทำท่าจะหัวเราะหล่อนที่หล่อนทุ่มเทเป็นบ้าเป็นหลังเพื่อตามหาคู่แท้ จนอนามิกาอยากจะถามเหลือเกินว่า คนกลัวขึ้นคานมันผิดตรงไหนยะ และแน่นอนว่าคนตรงหน้าหล่อนนี่ก็เป็นอีกคนที่ทำหน้าแปลกใจเป็นอย่างมากกับเรื่องเล่าของหล่อน... แต่หล่อนเลือกที่จะเล่าแล้วจึงได้แต่ข่มความอายเอาไว้ในใจ “คุณจะทำให้คนที่เลิกกันแล้วสองคนมาคืนดีกัน เพื่อจะให้ตัวเองมีเนื้อคู่ตามที่หมอดูทำนาย ผมเข้าใจถูกไหมครับ” “ก็ประมาณนั้นน่ะค่ะ” หล่อนเกาหัวเขินๆ “แปลก” เขาพูดขึ้นมาลอยๆ “เอ่อ คุณไม่ต้องโฟกัสเรื่องเนื้อคู่ฉันมากก็ได้ค่ะ เน้นๆ เอาเรื่องเพื่อนคุณดีกว่า อย่าคิดว่าช่วยฉันสิ คิดว่าช่วยเพื่อนคุณไง แล้วเรื่องมันเป็นยังไงเล่าให้ฉันฟังบ้างสิคะ” “ผมจำได้ว่าไอ้ต้นโกรธพรีมมากๆ” ธานุวัตน์ย้อนความหลัง แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าทั้งสองเลิกกันด้วยเหตุอันใด คงต้องให้อนามิกาถามหมอต้นเอง เพราะเขาเกริ่นๆ เรื่องนี้กับมันทีไรเป็นต้องโดนว้ากกลับพ่วงมาด้วยอารมณ์ร้ายปานทอร์นาโดเดือนห้าอีกสองสามวันเต็มๆ จนเขาไม่คิดที่จะถามเรื่องนี้อีก นานๆ เข้าก็เลือนไปจนเลิกติดใจถาม แต่ถ้าเป็นอนามิกาถามคงไม่โดนอะไร “นั่นล่ะค่ะ โกรธมากก็เพราะรักมาก เราต้องทำให้เขากลับมารักกัน” ตอนนี้อนามิกาใช้คำว่าเราแล้ว เพราะคิดว่าเขาได้ฟังแล้วต้องช่วย หลังจากที่ได้คุยกันมาธานุวัตน์ก็ตั้งใจที่จะช่วยเหลือเต็มที่ แต่ไม่ใช่เพราะคิดว่าคนตรงหน้าเป็นเนื้อคู่เรื่องนั้นเขายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่ แต่ที่เขาสนใจคือเรื่องราวความรักของหมอต้นและหมอพรีมที่มันจบลงไปตอนเรียนแพทย์ปีสุดท้ายทั้งๆ ที่สองคนนี้รักกันหวานชื่นเป็นที่อิจฉาของคนในรุ่น แต่อยู่ดีๆ กลับเลิกรากันไปมองหน้ากันก็ไม่ติดโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม้แต่เขาที่เป็นเพื่อนสนิทยังไม่กล้าถามเลย และเรื่องนี้เป็นเหตุให้หมอต้นเป็นคนอารมณ์ร้ายตั้งแต่วันนั้นมา เขาอยากจะช่วยให้สองคนนั้นกลับมาคืนดีกันเผื่อว่าถ้าเข้าใจกันกับคนรักแล้วอารมณ์เย็นขึ้นมาบ้างเท่านั้นเอง? “ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวผมโทรตาม หมอต้นมาคุยกันดีกว่านะ” “ดีเลยค่ะ” หล่อนพยักเพยิดเห็นด้วยกับเขา หมอต้นจึงยอมลุกไปโทรหาเพื่อนให้หล่อน “ฮัลโหล มีอะไรเหรอไอ้ธิม” ปลายสายงัวเงียขึ้นมารับโทรศัพท์ “ฮัลโหล ไอ้ต้นเหรอ มาหาฉันที่ห้องพักแพทย์เวรหน่อยว่ะมีเรื่องด่วน มาตอนนี้เลยนะ” เขาบอกเพื่อนแล้ววางสายไม่รอให้ปลายสายได้ด่าทออะไรกลับมา เพราะมีความผิดโทษฐานที่แลกเวรกันแล้วยังโทรไปเรียกมากลางดึกรบกวนเวลานอน แต่ที่เขาทำเพราะเขาคิดว่าตติยะพักที่คอนโดใกล้ๆ โรงพยาบาลนี่เองจะมาคงไม่เสียเวลามาก “คุณจะดื่มอะไรก่อนมั้ย กาแฟ นม โกโก้” “โห นี่มันห้องพักแพทย์เวรหรือร้านกาแฟกันแน่นี่ ฉันขอโกโก้ก็แล้วกันค่ะ” อนามิกาหัวเราะอารมณ์ดีเพราะภารกิจหล่อนใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหวานสดใสแล้ว... ธานุวัตน์มองหล่อนด้วยสายตาพร่างพราย ถ้าเขาขอหล่อนเปิดดูหลังใบหูข้างขวาหล่อน หล่อนจะว่าอะไรมั้ยนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD