"ปิดบังอย่างนั้นเหรอครับ... นี่แม่รู้เรื่องผมกับขนมผิงแล้วใช่มั้ย"
เขาเอ่ยถามตามตรง คุณหญิงวางดอกไม้ลงก่อนจะเงยหน้ามองลูกชายพร้อมกับยิ้มออกมาทันที
"เรื่องอะไรล่ะ"
คุณหญิงทำหน้าตีมึนเพราะอยากให้ลูกสารภาพออกมาเองมากกว่า อย่างน้อยจะได้รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเด็กสาว
"แสดงว่าแม่รู้แล้ว ผมคงไม่ต้องพูดแล้วมั่ง"
"เราต้องพูดสิ เพราะแม่อยากรู้ว่าหนูผิงมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร"
พ่อเลี้ยงคาวีอึ้งไปอย่างพูดไม่ออก ถ้าบอกว่าเป็นเด็กเลี้ยงเขาได้ถูกแม่โวยวายแน่นอน แต่ลักษณะของท่านในตอนนี้เหมือนรู้อยู่แล้วน่าจะไม่ตกใจอะไรมาก
"มันเป็นข้อตกลงของผมกับผิงครับแม่ ผมไม่อยากอธิบายมากแต่เอาเป็นว่าแม่เลิกทำแบบนี้เถอะ"
"บอกแม่ก่อนว่าหนูผิงอยู่กับลูกในฐานะอะไร"
คุณหญิงยังต้องการคำตอบที่แน่ชัด จะได้ตัดสินใจถูกว่าจะเอายังไงต่อกับสองคนนั้น เธอไม่ชอบใจมากนักที่ลูกชายทำเหมือนไม่ให้เกียรติผู้หญิงไม่ใช่เฉพาะหนูผิงเท่านั้นกับใครเธอก็ไม่ชอบทั้งนั้น
"ผมเลี้ยงดูเธออย่างที่คนอื่นเขาทำกัน อนาคตถ้าผมจะมีครอบครัวเราสองคนก็จะจากกันด้วยดี นี่คือข้อตกลงของผมกับผิง"
เขาเอ่ยออกมาอย่างยอมรับความจริง เราสองคนตกลงกันแบบนั้นจริงๆและเธอก็ยอมไม่ว่าอะไร เขาจึงไม่เคยถามว่าเธอโอเคในสถานะนี้หรือเปล่า
"แล้วหนูผิงเธอก็ยอมรับสภาพแบบนี้เหรอ"
"ถ้าไม่ยอมรับเธอก็คงไม่อยู่มาถึงขนาดนี้หรอกครับ แม่ไม่ต้องห่วงหรอกนะยังไงผมก็ต้องแต่งงานมีหลานให้แม่อุ้ม แต่รอหน่อยแล้วกันครับยังคงไม่ใช่ตอนนี้"
"แล้วทำไมถึงไม่คิดว่าที่ผู้หญิงเขาทนเพราะเขารัก ไม่ใช่เขาทนเพราะให้เงินทองหรือเลี้ยงดู"
คุณหญิงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ นี่ตกลงลูกชายของเธอเป็นอย่างที่คนสนิทพูดจริงๆ เขาแค่เลี้ยงดูไว้คลายความเหงารอเวลาที่เจอตัวจริง ถ้าเป็นแบบนี้คนที่น่าสงสารที่สุดคือขนมผิง และเธอพอดูออกว่าเด็กสาวรักและเป็นห่วงลูกชายเธอมากอยู่ คนเราก็อยากมีความสุขถ้าไม่รักใครจะทนขนาดนี้ สามปีนะไม่ใช่เวลาน้อยๆ ถ้าลูกชายยืนยันแบบนั้นเธอจะไม่พิสูจน์อะไรอีกแล้ว
"ผิงเขารู้สถานะตัวเองครับแม่ เขาจะมารักผมได้ยังไง"
"ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้แม่ขอให้พ่อเลี้ยงเลิกยุ่งกับน้อง ปล่อยให้ขนมผิงมีอิสระแล้วไปเจอคนที่รักเธอจริงๆ"
พ่อเลี้ยงคาวีอ้าปากค้างอย่างตกใจ เข้าใจว่าคุณแม่ต้องยอมปล่อยผ่านสิไม่ใช่มาออกคำสั่งห้ามแบบนี้
"ที่ผมมาคุยกับแม่ไม่ได้ต้องการคำตอบแบบนี้นะครับ"
"พอเถอะลูก น้องยังเด็กอย่าไปตัดอนาคตขนมผิงแบบนั้นเลย ปล่อยให้น้องไปเจอโลกภายนอก ให้น้องไปฝึกงานที่อื่นตามที่เธออยากจะไป เราไม่มีสิทธิ์ที่จะกักขังใครไว้กับตัวเองแบบนี้ ถือว่าแม่ขอลูกจะไปมีใครใหม่ก็ได้แต่ขนมผิงคือหลานของป้าพา คนเก่าแก่ที่อยู่กับเรามานาน ป้าพาดูแลลูกมาตั้งแต่เด็กเพราะฉะนั้นเหมือนแม่อีกคนของลูก อย่าทำให้หลานเค้าเสียใจเลย"
คุณหญิงเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปทันที พ่อเลี้ยงคาวีนั่งนิ่งอย่างพูดไม่ออกทำอะไรแทบไม่ถูก นี่ตกลงว่าเขาต้องจบความสัมพันธ์กับขนมผิงลงอย่างนั้นใช่มั้ย...
หญิงสาวไปช่วยป้าพาล้างผักอยู่ในครัวเพราะคุณหญิงคุยกับลูกชายไม่อยากให้ใครรบกวน
ถ้าเอ็งต้องเลิกยุ่งกับพ่อเลี้ยง จะทำใจได้มั้ยไอ้ผิงเอ้ย"
ขนมผิงเงยหน้ามองป้าของตัวเองก่อนจะนิ่งคิดซักแป๊บแล้วฝืนยิ้มออกมา
"ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะจ๊ะป้าพา ผิงไม่ได้เป็นเจ้าของเขาซักหน่อย อีกอย่างผิงทำใจไว้แล้วด้วย"
"ดีแล้ว เอ็งยังเด็กยังสามารถเจอผู้ชายอีกมากมาย จะไปเป็นตัวจริงของใครก็ได้ หลานป้าพาออกจะสวยขนาดนี้มีแต่คนรักคนหลงแน่นอน"
ป้าพาลูบผมหลานสาวอย่างเอ็นดู หลานสาวเธอเป็นเด็กน่ารักและเอาใจใส่คนอื่นเก่งมากใครเห็นก็รักก็หลงทั้งนั้นแหละ
"หนูผิงไปเดินเล่นกันมั้ย"
"ได้ค่ะคุณหญิง"
ขนมผิงวางทุกอย่างลงก่อนจะเดินไปจับมือท่านไว้แล้วเดินออกไปพร้อมกัน พ่อเลี้ยงคาวีเดินออกมาจากห้องรับแขกมองคุณแม่และหญิงสาวก่อนจะคิดหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"อ่อ หนูผิงต่อไปนี้ไม่ต้องมานอนกับฉันแล้วนะ ตั้งแต่คืนนี้ไปกลับไปนอนที่บ้านได้แล้ว ส่วนฝึกงานถ้าอยากไปฝึกที่อื่นก็เลือกเลย เราเรียนการตลาดมาไปฝึกงานบริษัทคุณพ่อที่กรุงเทพมั้ยล่ะ ฉันพาไป"
พ่อเลี้ยงคาวีตาโตอย่างตกใจ นี้จะพาไปอยู่กรุงเทพเลยเหรอ แบบนี้มันจะเกินไปรึเปล่า
"ผิงฝึกงานที่นี่ก็ดีแล้วครับแม่ ไปกรุงเทพทำไมแล้วไหนจะป้าพาอีกคงจะห่วงหลานสาวน่าดู"
"ไม่เห็นดีเลย เรียนการตลาดมาจะมาฝึกงานที่ไร่ทำไม บริษัทดังๆเยอะแยะแม่ฝากให้ก็ได้ในเมืองเยอะแยะเลย จริงมั้ยลูก"
"เอ่อ... คือผิง"
เธอเกรงใจพ่อเลี้ยงคาวีอยู่บ้าง ยังไงเขาก็ยังดูแลเธออยู่จะพูดอะไรออกไปแล้วเขารู้สึกแย่เธอก็ไม่อยากจะพูดออกมา
"ไปเถอะไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้วลูก พ่อเลี้ยงเขายอมปล่อยให้หนูเป็นอิสระแล้ว ต่อจากนี้ตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง"
ขนมผิงเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคุณท่านจะทราบเรื่องที่เธอกับพ่อเลี้ยงมีความสัมพันธ์กันมากเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง
"คุณหญิงหมายถึงอะไรคะ"
"หมายถึงว่าพ่อเลี้ยงสารภาพหมดแล้วว่าเขากำลังเลี้ยงดูหนูอยู่ แต่ตอนนี้เขายอมปล่อยแล้วเราเป็นอิสระจะทำอะไรก็ได้ จะมีแฟนใหม่ก็ได้แล้ว"
คุณหญิงยิ้มออกมาทันที ขนมผิงเงยหน้ามองชายหนุ่มตัวชาไปทั่วทั้งตัว ตกลงว่าตอนนี้เขาไม่ต้องการเธอแล้วใช่มั้ย... แบบนั้นก็ดีจะได้จบๆกันไปซะเธอจะได้เจ็บแค่ตอนนี้
"ผมไม่ได้พูดแบบนะ.."
"ผิงขอโทษสำหรับเรื่องนี้นะคะคุณหญิง ต่อจากนี้ไปผิงจะเลิกยุ่งกับพ่อเลี้ยงและจะไม่มาที่นี่อีก อย่าโกรธหนูเลยนะคะ"
"ฉันไม่ได้โกรธเลย สบายใจได้นะ"
ขนมผิงยิ้มออกมาก่อนจะเบือนหน้าหนีเพราะเจ้าน้ำตาตัวดีมันอยากจะไหลออกมาประจานตัวเองเสียตอนนี้
"ผิงขอกลับบ้านนะคะ"
ขนมผิงรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ทุกอย่างมันจบลงแล้วในวันนี้ สุดท้ายพ่อเลี้ยงคาวีก็ไม่ได้ต้องการเธอแต่แรก เจอกันเขาพูดยังไงสุดท้ายก็ยังยืนยันคำเดิม เด็กเลี้ยงก็คือเด็กเลี้ยง ไม่มีทางได้เป็นตัวจริงหรอก
"ฮึก!"
ขนมผิงวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที คุณหญิงหันมามองลูกชายที่ตอนนี้ยืนอึ้งอยู่มองตามเด็กสาวไปทำอะไรไม่ถูก เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยมีแต่แม่เท่านั้นที่เอออออยู่คนเดียว
"ผมไม่ได้พูดเลยนะว่าจะเลิกยุ่งกับผิง"
"ที่แม่ทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้ลูกเอาเปรียบผู้หญิง ถ้าไม่คิดจะรับผิดชอบไม่คิดจะแต่งงานด้วยก็ปล่อยน้องไปเถอะ"
"แต่ผิงยังเด็กนะแม่ จะแต่งงานอะไรเธอยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ"
เขาไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้เธอยังเด็กเกินไป เขาคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะมีขนมผิงเป็นเมียแต่งเพราะเธอยังเด็กมากห่างกับเขาเป็นสิบปี แต่สามปีที่อยู่ด้วยกันมาเธอก็พิสูจน์ได้ว่าตัวเองสามารถเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขาได้ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กก็เถอะ แต่ยังไงเรื่องแต่งงานตอนนี้ก็ยังไม่ได้.. ขนมผิงยังเด็กเกินไป
"อย่างน้อยก็ควรจะรับผิดชอบ ไม่ใช่ให้ใครมานินทาว่าเป็นเด็กของพ่อเลี้ยงคาวี ถึงเวลาแต่งก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนนี้คบกันหลบๆซ่อนๆแบบนี้ ไม่ให้เกียรติครอบครัวฝ่ายหญิง แย่ที่สุด คิดเองแล้วกันถ้าจะรับผิดชอบแม่จะให้คบต่อ แต่ถ้ายังยืนยันว่าจะไม่ให้เป็นเมียแต่งก็เลิกยุ่งห้ามคบ ให้เวลาคิดซักวันสองวันแล้วกัน แต่ระวังน้องหนีนะ แม่เตือนแล้วนะ"
คุณหญิงพูดจบก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ลูกชายได้คิดไตร่ตรองเรื่องราวที่ได้คุยกันในวันนี้ แต่ดูลักษณะแล้วน่าจะรักแหละ หวังว่าคงไม่โง่จนเกินไปก็เท่านั้น