เพราะเรื่องของกอบัวเป็นเหตุ จากวันนั้นที่ไอเดนรับวิวาห์ไปบ้านจนวันนี้ นับเวลาร่วมอาทิตย์เข้าไปแล้วที่ ทั้งสองไม่คุยกัน ทำเอาเพื่อนฝูงของทั้งสองฝ่ายต่างพากันงง เนื่องจากไอเดนเองก็ไม่ทักวิวาห์ ส่วนวิวาห์ก็ทำได้เพียงมองตามร่างสูงที่เดินวนเวียนเท่านั้น
"วิวาห์ มึงกับไอ้เดน มันยังไงวะ พวกมึงทะเลาะกันหรอ"
แก้วใสนั่งมองปฏิกิริยาของทั้งคู่ที่ ตอนนี้หมางเมินราวกับว่าไม่รู้จักกัน วิวาห์เงยหน้ามองเพื่อน แล้วเหลือบสายตาไปที่กลุ่มของไอเดนที่นั่งอยู่
"ชั่งเถอะ แล้วแต่มัน"
ไม่รู้เธอจะอธิบายอะไรกับเพื่อน ครั้นจะบอกว่า ผิดใจเรื่อง กอบัว เดี๋ยวเพื่อนพรานซักถามให้ยุ่งยากขึ้นอีก ใบหน้าสวยงุดต่ำลง ถึงแม้ว่าภายนอกจะบอกว่าช่างมัน แต่ภายในใจความรู้สึกที่มีนั้น มันคับแน่นจนแทบระเบิด อยากจะเดินไปถามให้รู้แล้วรู้รอดว่า จะเอายังไง แต่ทว่า เธอกับไอเดนอยู่ในสถานะเพื่อน ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะเป็นแบบนี้ ก็คงต้องปล่อยไป
ส่วนไอเดนเอง ก็รู้สึกว่าตัวเองพูดแรงกับ วิวาห์ไปจริงๆ แต่ทำยังไงได้ก็เพื่อนเล่นใส่ร้ายแฟนตัวเองก่อน ถ้าหากจะให้ไปขอโทษ วิวาห์ก็ต้องขอโทษกอบัวด้วยเหมือนกัน
"เชี้ยเดน มึงกับวิวาห์ มีปัญหากันหรือวะ"
ใช่ว่าเพื่อนทั้งสองจะไม่สังเกต คู่นี้ไปไหนมาไหนด้วยกันออกจะบ่อย ตัวติดกันยังกับปลาท้องโก๋ อยู่ๆไม่พูดไม่ถามกัน มันยิ่งผิดปกติเข้าไปใหญ่ เมื่อเพื่อนถาม ไอเดนก็เหลือบมามองทางกลุ่มของวิวาห์ที่นั่งอยู่ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่วิวาห์หันไปมอง สองสายตาสบตากันเพียงชั่วครู่ก่อนที่ต่างฝ่ายจะหลบหนี มองกลับไปที่เดิม
"ทำตัวเอง"
ประโยคที่ไอเดนพูดขึ้น ทำเอา ทาม และ ดีเรย์ถึงกับงง ชายหนุ่มทำเหมือนว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเขากับวิวาห์ ไม่มีความหมายพูดแล้วก็ทำหน้านิ่ง ทำเอาเพื่อนทั้งสองต้องหันไปมองทาง วิวาห์แทน
การที่เขาทั้งคู่ไม่คุยกันมันทำให้วิวาห์เองก็ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของไอเดน เพราะปกติจะไปไหนมาไหน ไอเดนจะมาชวนตลอด ยิ่งตอนนี้พวกเขาอยู่ปีสี่เหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะจบหลังสูตร อีกสองอาทิตย์ข้างหน้าจะต้องเตรียมฝึกงาน เมื่อจบแล้วคงต้องแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบ เพราะวิวาห์และ ไอเดนมีธุรกิจของที่บ้าน มันแน่นอนอยู่แล้วว่า ทั้งสองก็ต้องกลับไปช่วยพ่อแม่ของตัวเอง ถ้าหากฝึกงานก็คงไม่ได้เจอกันทุกวันแบบนี้
"วิวาห์เลิกเรียนแล้ว กลับบ้านเลยหรือเปล่า"รุ่งถามขึ้น
"กลับเลย ไม่รู้จะไปไหน กลับไปอ่านหนังสือดีกว่า"
หญิงสาวตอบเพื่อน แล้วก็จัดเก็บข้าวของบางอย่างใส่กระเป๋า วันนี้วิวาห์เธอก็ขับรถมาปกติเหมือนทุกครั้ง เธอเตรียมตัวจะลุกออกจากที่พร้อมเดินไปที่หน้าประตูห้อง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ไอเดนเองก็ เดินออกไปพอดี ทั้งคู่หยุดยืนรอให้อีกคนออกก่อน แต่เหมือนว่าทั้งสองจะใจตรงกัน พอหยุดก็หยุดพร้อมกัน พอจะก้าวเท้าก็ก้าวพร้อมกัน จนกระทั่ง
"ออกไปก่อนสิ"
สองเสียงประสานกันขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้เธอและไอเดนได้สบตากันอีกครั้งและไอเดนเองที่เป็นผ่านเดินออกไปก่อน สายตาที่มองวิวาห์เหมือนเธอเป็นอากาศ ไม่รู้ว่าจะโกรธอะไรเธอขนาดนั้น
ไอเดนออกไปแล้ววิวาห์ก็เดินตามไป แต่ชายหนุ่มกับเดินไปที่คณะบัญชี วิวาห์รู้ดีว่า ไอเดนคงไปหากอบัว ส่วนเธอก็หยุดมองดูตามร่างสูงที่เดินลับตาไปแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
รู้ว่าเพื่อนคงรักผู้หญิงคนนั้นมากถึงยอมตัดความสัมพันธ์กับตัวเอง วิวาห์น่าเศร้าลงเล็กน้อยเธอเลือกที่จะเดินไปซื้อน้ำดื่มก่อนที่จะเดินมาที่รถ ไม่รู้ว่าทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับเธอ รถไอเดนดันมาจอดข้างๆอีก เธอมองหาเจ้าของก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปนั่ง ไม่นานเจ้าของออดี้สีดำคันนี้ ก็เดินกอดคอมากับแฟนสาว หน้าตาของไอเดนดูมีความสุขเขายิ้มพลางเอามือลูบหัว กอบัว จนกระทั่งมาถึงรถ วิวาห์ที่นั่งอยู่ด้านในเธอก็มองไอเดนอยู่แบบนั้น ส่วนไอเดนเขาก็เห็นว่าวิวาห์มองแต่ไม่ได้ใส่ใจ ก่อนที่จะมาเปิดประตูรถแล้วส่งร่างเล็กขึ้นไปนั่ง ส่วนตัวเองก็ขึ้นมานั่งฝั่งคนขับแล้วก็ขับรถออกไปโดยไม่สนใจรถอีกคันที่จอดอยู่
"วิวาห์แกเป็นอะไรเนี่ย เหอะ!"
วิวาห์ที่เห็นทั้งสองไปด้วยกันแล้ว อาการหน่วงในใจก็เริ่มรุนแรง เธอไม่รู้หรอกว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มันรู้สึกจุก จุกจนแทบหายใจไม่ออก แทนที่จะดีใจกับเพื่อนที่มันมีความสุข แต่กับรู้สึกว่าตัวเองจะหายใจไม่ออกอยู่แบบนั้น เธอสูดอากาศเข้าไปเลี้ยงปอดจนลึกพร้อมกับค่อยๆพ้นมันออกมาช้าๆ สองมือที่เอื้อมไปจับพวงมาลัย ดูเหมือนว่าเหงื่อมันจะซึมจนรู้สึกได้ เธอตั้งสติสักพัก ก่อนจะเคลื่อนรถออกจากที่
วิวาห์ขับรถมาด้วยความคิด คิดถึงวันเก่าๆที่ไอเดนกับเธอไปไหนมาไหนด้วยกัน เสียงหัวเราะของมัน ปากหมาที่มันชอบจิกกัดเธอแต่นั่นคงไม่มีอีกแล้วถ้าหากว่าเขาดีกัน เธอก็เหมือนหมาตัวนึง
วิวาห์เคลื่อนรถเข้าบ้านอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าโรงจอด ใบหน้าที่ไม่มีแม้รอยยิ้มให้เห็น ไม่รู้ว่ากี่วันแล้วที่เธอเป็นแบบนี้ วิวาห์ก้าวขาเข้าบ้านมองไปโดยรอบ อย่างว่าตอนนี้พ่อกับแม่เธอคงมีประชุมปกติแม่ของเธอจะเข้าบ้านก่อนแต่วันนี้ไม่เห็น เธอเดินขึ้นบ้านด้วยอาการที่หงอยเหงาเล็กน้อย ไม่รู้มาก่อนเลยว่าชีวิตที่ไม่มีรสชาติมันเป็นแบบนี้นี่เอง การที่ไม่มีอีกคนเข้ามายุ่งในชีวิต มันจะทำให้ชีวิตเธอเองขาดสีสัน