“ไอ้รุจ มึงจะเอายังไงกับชีวิต งานก็ไม่ไปทำ แล้วมาดื่มเหล้า เมามายเป็นวัน ๆ แบบนี้นะ” อาทิตย์เดินเข้ามาในบ้านของวิษรุจพร้อมกับคำบ่น
“มึงมานั่งดื่มเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”
“โอ๊ย ไม่เอาหรอก” ปากปฏิเสธ แต่มือก็ไล่เก็บเอาข้าวของเครื่องใช้ของวิษรุจที่ตกอยู่เกลื่อนขึ้นไปพาดไว้บนเก้าอี้ แล้วยกจานชามที่สกปรกเอาไปล้างให้ หลังจากนั้น อาทิตย์ก็กลับมาดึงตัวของวิษรุจเพื่อให้เขาไปอาบน้ำ
“หยุดดื่ม กูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้ ไอ้รุจคนเก่งของกูหายไปไหนวะ” เพื่อนรักมองหน้า
“ใคร ๆ ก็อกหักกันได้ แต่มึงจะยอมเป็นไอ้ขี้แพ้มานั่งซมซานอยู่ตรงนี้ไม่ได้ กูขอประกาศให้มึงเลิกเป็นทาสหัวใจของยายนิ้งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
“ดะ เดี๋ยวก่อน ไอ้อาทิตย์มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู แล้วมึงจะเอาเหล้าของกูไปไหน”
อาทิตย์เดินถือขวดเหล้าที่เหลือตรงไปนอกชายคาบ้าน ก่อนจะเทมันลงไปกับพื้นดินตรงนั้น
“ไอ้เชี่ย...มึงอย่านะไอ้ทิตย์”
อาทิตย์ยกนิ้วชี้หน้า
“ถ้ามึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ละก็ให้ลุกไปอาบน้ำ แล้วไปนอนซะ”
"เออ... ก็ได้วะ” เขาไม่สบอารมณ์ และตอนนี้ก็ยอมรับว่าเมามาก ๆ
วิษรุจเดินตุปัดตุเป๋เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะทิ้งทั้งตัวลงไปนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงโดยไม่ไปอาบน้ำตามคำสั่งของเพื่อน
“ฮัลโหลนิ้ง นี่พี่เอง”
(“พี่อาทิตย์ พี่รุจเป็นยังไงบ้างคะ”)
“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจยาว
"แผลทางกายเริ่มหายดีแล้ว แต่แผลที่อยู่กลางใจน่าจะยังอีกนาน แต่นิ้งไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ พี่จะดูแลไอ้รุจมันให้เอง อาจจะหายช้าหน่อย แต่มันคงจะดีขึ้นในเร็ววันนี้”
(“นิ้ง... เอ่อ... นิ้ง...”)
กุหลาบแก้วไม่รู้จะพูดอย่างไรเหมือนกัน ตอนนี้ถ้าเธอพูดอะไรออกไปก็คงเหมือนกับคนแก้ตัว
"ไม่ต้องคิดมากหรอกนิ้ง พี่เข้าใจ คนไม่ได้รัก ทำยังไงมันก็รักยาก แล้วเรื่องที่นิ้งแต่งงานเงียบ ๆ และจดทะเบียนเป็นเรื่องจริงใช่ไหม”
(“ค่ะ”) ช่างเป็นคำตอบที่ชัดเจนและหนักแน่นเหลือเกิน
“พี่ขออวยพรให้ชีวิตคู่ของนิ้งมีความสุข รักกันยืนยาวนะ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร”
(“ขอบคุณพี่อาทิตย์มากค่ะ ยังไงนิ้งขอฝากพี่รุจด้วยนะคะ บอกพี่รุจด้วย นิ้งยังรอให้พี่รุจกลับมาช่วยนิ้งทำงานเหมือนเดิม และนิ้งมีเรื่องงานที่จะปรึกษาพี่รุจมากมายเหลือเกินค่ะ”)
คนต้นสายมองเข้าไปในห้องนอนของเพื่อน
“พี่จะพยายามนะนิ้ง ให้เวลาไอ้รุจมันทำใจสักหน่อยแล้วกัน”
(“ขอบคุณค่ะพี่อาทิตย์”)
“รุจ กูเข้าใจมึงว่ะรุจ รักเขาข้างเดียวเหมือนข้าวเหนียวนึ่ง มันติดมือนุงนังไปหมด สู้โว้ยเพื่อน” อาทิตย์พูดกับเพื่อน ทั้ง ๆ ที่วิษรุจนอนหลับไปแล้วเพราะความเมา
“เย้ สอบเสร็จแล้ว” เสียงอึกทึกดังไปทั้งตึก
"จะไปไหนยายรุ้ง”
"ฉันก็จะรีบกลับบ้านน่ะสิ วันนี้จะได้ไปเที่ยว กทม.”
“ผับใหม่ที่เปิดในเมืองน่ะหรือ” เพื่อน ๆ หมายถึงชื่อผับที่เปิดใหม่
“เปล่าจะไปกรุงเทพฯ”
“เฮ้อ... อิจฉาจัง ได้ข่าวพี่ชายแกแต่งงานกับเซเลบชื่อดังหรือ”
ทอรุ้งขยิบตาให้ ก่อนจะเดินไป
“อ้าว รุ้ง ไหนแกว่าจะไปกินเลี้ยงฉลองสอบเสร็จกับพวกเราไง” เพื่อน ๆ ตะโกนตามหลัง
“ไม่เอาแล้ว ยกยอดไปรวมกับเทอมหน้าก็แล้วกันนะ”
“ยายรุ้ง” เพื่อน ๆ ได้แต่ตะโกนตามหลัง เด็กสาวที่เดินแกมวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
บนรถที่กำลังแล่นบนถนนมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ
“พี่ต๊ะโทร. มาบอกว่าแม่ดีขึ้น ตอนนี้รับแม่ออกมาอยู่ที่บ้านแล้ว”
"ดีใจด้วยนะโต ก็ฉันบอกนายแล้วไง ว่าแม่นายต้องหาย” กฤตนันท์ยิ้มกว้าง แม่จะต้องดีขึ้น ๆ มากไปกว่านี้อีก
“เออ... แล้วเธอหอบกระเป๋าใบหนาใหญ่มาซะขนาดนั้น จะไปไหนอีก”
“นายไม่รู้อะไร ฉันซื้อตั๋วเครื่องบินจะไปหาพ่อกับแม่ที่เชียงใหม่ละ”
"อิจฉาเนอะ”
“นายก็ตามไปสิ ไปเล่นสงกรานต์ด้วยกันที่นั่น สนุกมาก” สีหน้าเธอเบิกบานเป็นที่สุด
"ถ้าแม่ดีขึ้นนะ แล้วฉันจะลองขอพี่ต๊ะดู”
“ฉันสัญญานะว่าจะพานายเที่ยวตระเวนให้รอบเมืองเชียงใหม่เลย”
“พูดแล้วนะ”
“เออสิ รับปากแล้ว คนอย่างฉันรับผิดชอบคำพูดเสมอ”
ทอรุ้งหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า ข้อความที่เธอส่งให้วิษรุจเป็นร้อย ๆ เขาเปิดอ่าน แต่ไม่ตอบเธอแม้แต่ประโยคเดียว
คนใจร้าย คนอุตส่าห์เป็นห่วง ชิ...
อย่าให้เจอนะ จะ...
แค่คิดสาวน้อยก็หน้าแดง เธอคิดถึงและเป็นห่วงวิษรุจมากขนาดนี้เลยหรือ
"เป็นอะไร ทำไมนั่งหน้าแดง" กฤตนันท์ถาม
"เปล่า" เด็กสาวทำเสียงสูง
"ทำตัวประหลาด สงสัยมีแฟนอะดิ"
"ก็มันคนน่ารักนะแก มันก็ต้องมีคนมาจีบบ้าง" ทอรุ้งโม้
"จริงเหรอ ขี้โม้นะเราเนี่ย" เด็กหนุ่มขยี้หัวของเธอแรง ๆ
"โอ๊ย นายนี่จริง ๆ เลย หัวฉันยุ่งหมดแล้ว" เธอทำหน้างอน
"หัวยุ่งยังไงก็น่ารัก"
"นายโต นี่นายจะจีบฉันเหรอ"
"โห... ยายเว่อร์ใครจะจีบเธอ ฝันอยู่หรือเปล่า ตื่นได้แล้ว สเปกของฉันต้องเป็นสาวหน้าหวาน ปากนิด จมูกหน่อย"
"หื้อ... ที่นายกำลังพูดถึงเนี่ย มันตัวฉันชัด"
"เหอะ ๆ แม่คนหลงตัวเอง" สายตาหยัน ๆ มีแววหยอกล้อเล่น
"นี่นายจำผู้ชายตัวโตคนนั้นได้ไหม คุณวิษรุจนะ"
"จำได้ ทำไมเหรอ"
"จะว่าไป เขาก็น่าสงสารนะ"
"แล้วไง หรือเธอจะอาสาดามหัวใจของเขาให้" กฤตนันท์จ้องหน้า
"ใครว่า"
เขาเอานิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากของเธอเบา ๆ
"เธอกับเขามันคนละรุ่นกัน ระวังตัวเหอะ โดนหลอกฟันไม่รู้ด้วย ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง หรือเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้นนะ ฉันขอเตือน"
"เอ๊ะ นี่นายเป็นคนยังไงกันแน่ ที่นายพูดเมื่อกี้ดูถูกกันชัด ๆ"
"ก็เพราะฉันรู้นิสัยของเธอไง ยายใจอ่อน นิสัยขี้สงสาร และเห็นใจคนแบบนี้แหละที่มักจะตกเป็นเหยื่อ"
"หน้าฉันดูโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ ชิ... ยังไงฉันก็เรียนเก่งกว่านายละกัน"
กฤตนันท์หัวเราะ
"เตือนเนี่ยก็เพราะรักหรอก"
"หรา..." เธอลากเสียงยาว ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง เพราะไม่อยากคุยด้วย
ภายในหัวใจของเด็กสาวหวั่นไหวเหลือเกิน สายตาของวิษรุจที่มองดูกุหลาบแก้วเต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร
เธอจะมีวันได้รับความรักจากเขาแบบนั้นหรือเปล่าหนอ
บ้าไปแล้วยายรุ้ง เธอคิดแบบนี้ได้อย่างไร
ทอรุ้งคิดอยู่คนเดียว และสะบัดหัวเหมือนคนบ้า
"อ้าว ๆ เป็นอะไรมากไปหรือเปล่าเนี่ย แค่เพื่อนเตือนนี่นะ ถึงกับออกอาการ" โตว่าให้
ทอรุ้งหันขวับมาจ้องหน้าเขา ทำตาเหมือนซอมบี
"มันเรื่องของฉัน... งอน..." ริมฝีปากแทบชิดจมูก
"รุ้ง ถ้าแกมีลูก ฉันขอตัวนะ มันคงน่ารักน่าฟัดน่าดู"
"ไอ้บ้าโต ฉันไม่ใช่หมานะ"
แล้วเสียงทะเลาะหยอกเย้าก็ดังโวยวายเต็มรถ
"คุณหนูครับ ถ้าไม่เลิกทะเลาะ ประเดี๋ยวผมจะจอด แล้วจะให้หาทางไปกันเองนะครับ กระผมรำคาญ" ลุงสง่าใช้เสียงสูง
"ขอโทษค่ะ"
"ขอโทษครับ"
"แยก ๆ อย่าเห็นว่ายุ่งกันอีกนะครับ" ลุงสง่ายิ้มเย็น