บทที่ 2 ตอนที่ 1

1222 Words
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ดึงสติชายหนุ่มที่นั่งเอามือท้าวคางกับโต๊ะทำงานให้กลับมาสู่ห้วงเวลาปัจจุบันอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ใจเขายังคงติดอยู่กับห้วงอดีตไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มในวัยสามสิบห้ากะรัตถอนหายใจยาวๆ กระชับสูทให้เข้าที่นิดหนึ่งก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และกล่าวเชิญผู้มาเยือน “คุณทอเลเมียสครับ...นี่ครับบัตรเชิญไปงานเลี้ยงครบรอบวันเกิดของคุณหนูอรุโณรีย์ คุณทรงภูมิให้ผมนำมาให้คุณ เพื่อเป็นตัวแทนของท่านไปร่วมในงานครับ” “อืม...จะมีงานวันไหน” ทอเลเมียสปรายตามองเลขาหนุ่มของประธานบริษัทที่กำลังยื่นบัตรเชิญตั้งบนโต๊ะให้เขา แล้วยืนกำมือไว้ด้านหน้าอย่างสงบ เขายังอยู่ในอาการเหม่อลอยถามออกไปอย่างส่งๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจ “อาทิตย์หน้าครับ วันที่สิบหกเมษายนครับ” “หึ...ผมรู้แล้วล่ะ ผมไม่เคยลืมหรอกขอบคุณมาก ฝากบอกท่านด้วยว่าผมจะทำหน้าที่แทนท่านให้ดีที่สุด” ชายหนุ่มผู้อยู่ในตำแหน่งเหนือกว่ากล่าวอย่างลืมตัว แต่เขาก็ไม่ได้ยี่หระอะไร พยักหน้าให้ผู้รั้งตำแหน่งเลขาของผู้มีพระคุณออกไปทำธุระอย่างอื่นต่อได้ “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ...” เลขาหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยในคำพูดนั้น ไม่เคยลืมเหรอ มันหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ แต่เขาก็มีมารยาทพอที่เก็บเอาความสงสัยเล็กๆ น้อยๆ นั่นไว้                “ครับ...เชิญครับ...”                                                                                             พิศณุออกไปแล้ว ห้องทั้งห้องตกอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาอีกครั้ง ทอเลเมียสเอื้อมมือไปหยิบการ์ดเชิญขึ้นมาเปิดดู ด้วยรอยยิ้มที่แสยะสมเพช ด้านในเป็นกระดาษสีชมพูแผ่นเล็กๆ ที่มีกลิ่นหอมรัญจวน แต่สิ่งที่ตรึงตาเขาให้จับจ้องนิ่งงัน คือรูปเจ้าของวันเกิดที่มีรอยยิ้มสดใส บ่งบอกถึงความชื่นมื่นในชีวิตอันผาสุก พร้อมตัวหนังสือที่ระบุวันเวลา และสถานที่ในการจัดงาน ซึ่งเป็นฉากด้านหลังของหญิงสาว...คฤหาสน์ใหญ่หลังงาม บ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเขา... ชายหนุ่มกัดฟันกรอดแทบขยำกระดาษแผ่นน้อยยับคามือ ราวกับมันคือตัวแทนของคนในภาพ อยากโยนทิ้งเสียแต่ก็เปลี่ยนใจค่อยๆ แกะออกดูอีกหน                ดวงหน้างดงามของเจ้าของการ์ดเชิญ มิได้หันเหจิตใจที่มีแต่ไฟแค้นของเขาให้ทุเลาลงเลย ยิ่งเปรียบเหมือนน้ำมันที่ราดรดความพิโรธให้ลุกโชนมากขึ้น นานนับยี่สิบปีแล้วเชียวหรือที่ เขาได้แต่ยืนมองชีวิตที่รุ่งเรืองของพวกมัน โดยที่ไม่อาจทำอะไรได้เลย คำสาบานคงเป็นเพียงลมปากที่ ล่องลอยหลอกหลอน และไม่เคยได้เป็นจริงเสียที                ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอีกครั้งผ่อนคลายความโกรธเกรี้ยว ลำดับเหตุการณ์หลังจากคืนวิปโยคไหลวนมาให้ทบทวน ตลอดระยะกว่าสองทศวรรษมานี้ หาได้มีแม้แต่วินาทีเดียวที่ความเจ็บปวดในใจจะเบาบาง และกว่าจะได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้เขาต้องใช้ทั้งความพยายาม สติปัญญา รวมไปถึงเล่ห์เหลี่ยมสารพัด เพื่อเอาตัวรอด เพื่อผลักดันให้ตัวเองอยู่ในจุด พอที่จะสามารถต่อกรกับศัตรูตัวฉกาจได้ เพื่อทวงความยุติธรรมที่ถูกหลงลืมไปกับกาลเวลา                ในคืนนั้นที่เมื่อเขาหนีรอดออกมาจากคฤหาสน์ได้ เด็กหนุ่มในวัยสิบห้าที่ไร้ญาติขาดมิตร ต้องระเหเร่ร่อนหาที่ซุกหัวนอนตามซอกซอยเปลี่ยว เงินหรือของมีค่าติดตัวก็ไม่มี ข่าวการเสียชีวิตของคนในบ้านเขา เป็นข่าวหน้าหนึ่งให้ติดตามอ่านทันทีหลังวันเกิดเหตุ เนื้อหาข่าวกลับถูกบิดเบือนความจริงไปอย่างสิ้นเชิง โดยมีใจความว่า       หนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศชั้นแนวหน้า คลั่งโหดไล่กระหน่ำยิงคนทั้งบ้าน ไม่เว้นแม้แต่ภรรยาคู่ชีวิตรวมกว่าสิบศพ ก่อนจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด มันช่างเป็นอะไรที่น่าตลกขบขันทั้งน้ำตาเสียเหลือเกิน ไม่มีใครเอะใจถึงมูลเหตุแม้แต่น้อยเลยหรือไร ว่าทำไมพ่อเขาถึงต้องทำแบบนั้นทั้งๆ ที่ไม่มีปัญหาอะไรเลยทั้งเรื่องในครอบครัวและธุรกิจ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สรุปด้วยว่าเป็นการฆาตกรรมฆ่ากันเองของคนในบ้าน ถือเป็นการปิดคดีอย่างสมบูรณ์แบบ ทอเลเมียสเพิ่งมารู้ทีหลังว่า ทุกอย่างมันง่ายดายเข้าแผนไอ้คนชั่วไปเสียหมดเพราะเบื้องหลังของมัน มีนักการเมืองระดับแนวหน้าของประเทศคอยหนุนอยู่ ซึ่งพวกมันนี่แหละ ที่ร่วมมือกันทำเลวทรามทั้งหมด เพื่อผลประโยชน์ที่จะได้รับจากธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของพ่อเขา ซึ่งไม่ได้ให้ความร่วมมือในตอนแรก จึงต้องถูกฆ่าปิดปากอย่างเลือดเย็น และฮุบเอาทุกอย่างเป็นของพวกมันไป เด็กหนุ่มที่กลายเป็นคนเร่ร่อนไร้ถิ่นฐาน ต้องไปขออาศัยวัดอยู่ขอข้าวก้นบาตรพระกินไปวันๆ แลกกับการช่วยทำงานหลวงพ่อเจ้าอาวาส เขาแอบไปแวะเวียนที่คฤหาสน์เสมอด้วยใจที่ยังมีความผูกพัน จึงได้รู้ว่าตัวเองก็ถูกตามล่าด้วยเช่นกันเนื่องจากพวกมันตรวจสอบไปยังสถานทูต และพบว่าเขากลับมาจากเยอรมันตั้งนานแล้ว ไอ้คนใจอำมหิตมันคิดจะฆ่าล้างตระกูลเขาให้สิ้นซาก แม้แต่เด็กกำพร้าสิ้นไร้ไม้ตอก มันก็ไม่คิดละเว้น รัชตะจึงต้องหนีตายอีกครั้ง และคราวนี้เขาได้เปลี่ยนชื่อนามสกุลเสียใหม่เป็น ทอเลเมียส นิโคไลคัส ซึ่งเป็นชื่อภาษากรีซที่มารดาตั้งให้ และนามสกุลก็เป็นของมารดาก่อนแต่งงานกับบิดาเขานั่นเอง ชื่อและนามสกุลนี้มีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ และบอกกับใครๆ ว่าเขาเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุแต่เขาได้สัญชาติไทย และสามารถพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ตามกฎหมาย เมื่อสิ้นบุญของพ่อแม่ ก็ต้องระหกระเหินทำงานรับจ้างทั่วไปเพื่อหาเงินประทังชีวิต                                 เพราะต้องคอยระวังเรื่องถูกตามล่าและอยู่ในที่แจ้งไม่ได้ เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะเข้าไปสมัครงานในบ่อนการพนัน ทำงานทุกอย่างเท่าที่จะใช้แรงแลกกับเงิน ทอเลเมียสเป็นเด็กฉลาด หัวไว เมื่อได้คลุกคลีกับการพนันหลายรูปแบบ เขาก็เริ่มเรียนรู้วิธีการต่างๆ เกี่ยวกับมันเพื่อหาประโยชน์ให้กับตัวเอง แต่การเดินทางไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับเขา เพราะต้องคอยหนีการตามล่าไปเรื่อย และต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อพอมีความรู้ในอาชีพด้านมืด จากเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ย่างเข้าสู่หนุ่มวัยฉกรรจ์ เขาก็ได้ผันตัวเองไปคุมบ่อนคาสิโนทางภาคเหนือสุดของชายแดนประเทศ ที่นี่ปลอดภัย ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรเขาได้... แต่...ภารกิจที่ผูกมัดชีวิตเขามันก็พลอยอยู่ห่างไกลออกไปด้วย แต่ทอเลเมียสก็ไม่เคยคิดย่อท้อ เขารู้ว่าสักวันหนึ่งจะต้องเป็นวันของเขา และเขา...ก็ตั้งตารอมันแทบทุกวินาทีของการหายใจเข้าออก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD