“คุณ...คุณนาซี...อื้อ...” กลีบปากสั่นระริกที่วอนขอถูกประทับตราตรึงให้เงียบสนิท กลืนน้ำเสียงครางฮือลงคอ เขาจงใจป้อนจูบอันหอมหวนอย่างหนักหน่วง
ทอเลเมียสดูดเม้มริมฝีปากสีชมพูคล้ายคนหิวโหยราคะมาแสนนาน ลิ้นร้ายของเขาชอนไชเข้าหาความหวานในโพรงปากสาว ไม่ยอมเว้นจังหวะให้เธอเอ่ยคำอุทธรณ์ได้อีกแล้ว วงแขนแกร่งกอดรัดร่างบางเข้าหาตัวมือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังคนตัวเล็กอย่างต้องการสำรวจ
อรุโณรีย์ราวกับถูกพิษไข้โจมตี ภายในกายร้อนรุ่มและเริ่มอ่อนระทวยอย่างไม่อาจต้านทาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความอ่อนต่อประสบการณ์ แต่ส่วนหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า...เพราะเธอให้ใจเขาไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงโอนอ่อนต่อสิ่งแปลกใหม่ที่ชวนสยิวนี้โดยง่ายดาย
“เอพริล...คุณหวานเหลือเกิน...” ชายหนุ่มพร่ำพลอดไม่ได้ศัพท์ในขณะที่คนตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขน จึงประคองให้เธอนอนโดยที่ตัวเองพลิกมาอยู่ด้านบนอย่างระมัดระวังบาดแผลไปด้วย อรุโณรีย์แม้จะนอนราบหายใจหอบเหนื่อยแม้สติจะยังไม่ขาดหายไปเสียทีเดียวแต่ร่างกายของเธอกลับเหมือนถูกเขาร่ายพิธีกรรมสะกดมิให้ขัดขืน ได้แต่นอนรอรับในสิ่งที่เขาปรนเปรอด้วยความหวาดหวั่นปนใคร่รู้ ทอเลเมียสที่คุกเข่าคร่อมอยู่ด้านบนยังจดจ้องพัวพันลิ้นร้ายเข้าหาความหวานไม่หยุดหย่อน มือสองข้างค่อยๆ ร่นเสื้อตัวจิ๋วขึ้นมาเหนือทรวงอกงาม ละใบหน้าจากการจูบไล้ริมฝีปากเจ่อมาเพ่งมองความงดงามตรงหน้า
“สวย...”
“พอค่ะพอแล้ว...นี่มัน...” อรุโณรีย์เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อเขาถอนจูบเสื้อผ้าถูกถลกเปิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เธอจึงพยายามใช้มือเล็กๆ ปัดป้องและดิ้นขัดขืนด้วยแรงอันน้อยนิดที่ยังเหลืออยู่
“อ๊ะ! เอพริล...อย่าดิ้นสิผมเจ็บแผล...” ร่างใหญ่หนาฟุบลงบนตัวหญิงสาวทันทีพร้อมเสียงโอดครวญ ทำให้เธอตกใจและนิ่งงันตามคำสั่งโดยอัตโนมัติความที่ใจห่วงกลัวบาดแผลเขาจะปริขาด
“คุณ...คุณนาซีปล่อยเอพริลก่อนสิคะ เอพริลอึดอัด”
“รังเกียจผมเหรอเอพริล หรือว่ากลัวผมจะเลี้ยงคุณไม่ไหว” คนเจ้าเล่ห์ถามกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล มือร้ายทำหน้าที่ปัดป่ายเส้นผมที่ปรกหน้าอย่างอ่อนโยนพร้อมๆ กับลมหายใจอุ่นร้อนที่เกิดจากความปั่นป่วนของกระแสเลือดในร่างกาย ใช่...เขารู้สึก...ต้องการ
“มันยังไม่ถึงเวลานะคะ...เราไม่ควรทำแบบนี้...มันผิด...”
“ผิดที่ผมต้องการคุณเหรอ...ผิดที่ใจผมมันปรารถนาแต่คุณ...อย่างนั้นเหรอ”
“มันเร็วไป...”
“ผมไม่ต้องการเวลาเอพริล...ผมรอวันนี้มาแทบทั้งชีวิต...” และจะไม่รออีกแล้ว สิ้นเสียงกลีบปากบวมเจ่อก็ต้องผจญกับจูบอันดูดดื่มร้อนเร่าอีกครั้ง
อรุโณรีย์พยายามเบี่ยงหลบหลีกแต่ก็ไม่สามารถหลุดรอดไปได้ยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าในตัวให้ฮึกเหิม ตะกละตะกลามในการต้อนกินเหยื่อเพิ่มขึ้นเสียอีก
หัวใจดวงน้อยเต้นแข่งกับลมหายใจถี่รัวของตัวเอง ในสมองของหญิงสาวสับสนระหว่างความถูกต้องกับความรู้สึก กระนั้นคำพูดหวานหูว่าเธอคือคนที่เขารอมาแทบทั้งชีวิตยังกึกก้องท่ามกลางความปลาบแปลบเสียวซ่านทุกอณูเนื้อ หารู้ไม่ว่าคำลวงนั้นมันแฝงไว้ด้วยความหมายลึกล้ำเกินกว่าที่เธอจะคาดคิดถึงมากมายนัก ใบหน้าคมสากที่เต็มไปด้วยหนวดเคราครึ้มเพิ่งเริ่มขึ้นละจากการควานหาความหวานในโพรงปากสาวขบเม้มเรื่อยลงมาจากปลายคางมนถึงลำคอระหง ไรฟันขาวกัดขบเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวและระบายความกระสันซ่านภายในตัว เสื้อตัวน้อยถูกร่นสูงจนเต้าอวบสองข้าง ภายใต้บราสีหวานออกมาล่อตาล่อใจอย่างชัดเจน ทอเลเมียสไม่รีรออะไรอีกแล้วเขารีบดึงหวังถอดสิ่งกีดขวางออกจากตัวเธอ แต่หญิงสาวกลับพยายามต่อต้านโดยการไม่ยอมยกแขนขึ้นปิดกั้นความสะดวก แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรค ชายหนุ่มฉีกมันเสียสุดแรงจนเสื้อขาดกระจุย แล้วโยนทิ้งเสียอย่างไม่ไยดี คนใต้ร่างรีบเอามือปิดปทุมถันด้วยความหวงแหน สีหน้าแดงก่ำตื่นตระหนกในสิ่งที่เขาทำและกำลังทำ
“เอามือออกเอพริล...ผมขอร้อง...คนดี...” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นกระซิบแหบพร่า สายตาที่ฉ่ำปรือเต็มไปด้วยราคะของเขาจ้องมองจนหญิงสาวคิดว่าตัวเองแทบจะละลายอยู่แล้วรำไรกระนั้นก็ยังไม่ยอมทำตามคำขอ ทอเลเมียสจึงเป็นฝ่ายจับท่อนแขนเล็กให้ออกจากกันแล้วตรึงไว้กับที่นอนเสีย เพียงเท่านี้ความอวบอัดของวัยสาวก็เผยให้เขาเห็นได้ไม่ยาก ทว่ามันยังมีบราเจ้ากรรมคอบปกปิดไว้ให้รำคาญตาอยู่ดี
“อ๊ะ...คุณนาซีไม่น่ะคะ...ไม่...” ไม่ทันเสียแล้ว ยกทรงตัวสวยถูกดึงทึ้งและลอยละลิ่วตามเสื้อลงไปกองอยู่บนพื้น มือเล็กข้างที่ถูกปล่อยเพราะชายหนุ่มต้องปลดพันธนาการเต้าอวบถูกจับตรึงไว้เช่นเดิม เมื่อเธอยังพยายามปัดป่ายช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากเงื้อมมือพยัคฆ์ร้าย แม้ใจจะโอนอ่อน แม้ร่างกายจะร้อนรุ่มและคล้อยตาม แต่จิตสำนึกถึงความดีงามลึกๆ ก็ยังไม่เลือนหายไปเสียทีเดียว
หารู้ไม่ว่า ความไม่ประสีประสาที่คอยหลบเลี่ยงและต่อต้านแบบเป็นธรรมชาติไม่มีการเสแสร้งของเธอนั้นมันทำให้เลือดแห่งความกระหายในตัวของชายหนุ่มฉีดพล่าน และต่อให้หญิงสาวดิ้นรนมากเพียงใดก็ไม่มีวันรอดพ้นจากกรงสวาทที่เขาคร่อมขังเธอไปได้เลย ยิ่งขัดขืนยิ่งอ่อนล้า ยิ่งต่อต้านเรี่ยวแรงก็ยิ่งหดหาย
“อืม...เอพริล...” “...” อรุโณรีย์กัดฟันข่มอารมณ์ซ่านเสียวที่กำลังปะทุเมื่อยามชายหนุ่มใช้ปากครอบครองปลายยอดถันแล้วตวัดเลียทิ้งความเปียกชื้นให้ท้าลมแอร์จนขนอ่อนๆ ทั่วกายสาวลุกชัน
“คุณนาซี...อย่าทำเอพริลเลยนะคะ”
“แบบนี้เขาเรียกว่าการแสดงความรักเอพริล แล้วคุณจะรู้ว่ามันดีแค่ไหน...”
สิบคำร้องขอร้อยคำอ้อนวอนก็ไม่ได้รับความปรานีใดๆ จากเขา หญิงสาวเริ่มอ่อนแรงและอ่อนเปลี้ยจากการเล้าโลม สิ่งเดียวที่ทำได้คือปล่อยความอัดอั้นตันใจกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตา เสียงกระซิกเบาหวิวจากคนใต้ร่างทำให้ทอเลเมียสรู้ว่ายามนี้เหยื่อกำลังร่ำไห้เพราะเธอเริ่มจะพ่ายแพ้ให้แก่สิเน่หาที่เขาปรนเปรอ
ชายหนุ่มแสยะยิ้มมุมปาก ก้าวแรกของการเอาคืน...หลังจากที่รอมายี่สิบปีเต็มๆ
“ผมขอโทษเอพริล แต่ผมหยุดไม่ได้...ผมต้องการคุณ...”
น้ำคำของเขาพัดผ่านเข้าหูของหญิงสาวเพียงเสียงแว่วๆ เท่านั้น สมองเธอตึงตันคิดอะไรไม่ออกเกินกว่าจะจับใจความคิดตามได้ มือใหญ่อีกข้างของเขากำลังตะปบคลำช่อปทุมอีกข้างแล้วขยำเคล้นอย่างไม่คิดปรานี หัวแม่มือกดเน้นตรงยอดถันแล้วสะกิดเขี่ยราวกับเป็นของเล่นชิ้นโปรด เช่นเดียวกับเต้าอวบอีกข้างที่กำลังถูกครอบครองโดยอุ้งปากอุ่นๆ ของเขา
ลิ้นหนาเปียกชื้นตวัดรัวตรงยอดเม็ดบัวงามบางครั้งก็ตวัดเข้าปากแล้วดูดกลืนเสียทั้งสรรพางค์อย่างคนหิวกระหายเต็มที หลายครั้งที่เขาเผลอใช้แรงมากไปร่างบางด้านล่างก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก ทอเลเมียสยันตัวขึ้นแล้วจัดการถอดเสื้อยืดที่ตัวเองสวมใส่ หญิงสาวที่นอนราบสะอื้นไห้อยู่เบื้องล่างทำให้เขาร้อนรุ่มราวกับอยู่ในเตาหลอมไม่มีผิดเพื้ยน และเมื่อรู้สึกโล่งๆ ไม่มีร่างใหญ่ที่ทับทาบอรุโณรีย์จึงหันหน้าและลืมตาที่ฉ่ำปรือด้วยหยาดน้ำกะพริบถี่ๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า
ชายหนุ่มในสภาพเปลือยท่อนบน แผงอกแน่นปึกไปด้วยกล้ามเนื้อสนั่นหน้าท้องแบนราบไร้ไขมันส่วนเกิน สองแขนล่ำสันมีกล้ามเป็นมัดๆ บ่งบอกถึงความเป็นชายชาตรีอย่างสมบูรณ์แบบ นั่นไม่ชวนตะลึงเท่ากับ...รอยสักที่มีอยู่เต็มพื้นที่ผิวเนื้อ
“...” หญิงสาวจ้องมองตาค้าง เธอมักเห็นรอยสักเหล่านี้แว็บๆ ยามที่เขาใส่เสื้อเผยบริเวณช่วงอก บนสุดพอจะรู้ว่าเป็นอักษรภาษาอังกฤษที่เป็นนามสกุลของเขาสักอย่างมีศิลปะแลดูสวยงาม แต่ไม่นึกเลยว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ทอเลเมียสก็สรรค์สร้างประติมากรรมเหล่านี้ไว้ด้วย
ลวดลายของรอยสักที่เห็นท่ามกลางแสงสลัวเป็นรูปสัตว์หรือกราฟิกอื่นๆ มีสีสันลงตัว ตรงกลางหน้าอกเป็นรูปดอกบัวใหญ่สีชมพูสด ขับกับผิวขาวเนียนชนิดผู้หญิงหลายคนยังอาย อาจเพราะหลากหลายเชื้อชาติที่ปะปนอยู่ในตัวเขา
และถัดขึ้นไปก็เป็นชื่อนามสกุลภาษาอังกฤษ ตรงลำแขนใหญ่นั้นด้วยล้วนแล้วแต่มีสีสันของรอยสักเลื้อยรอบพันเกี่ยวเกือบทั่วทั้งแขน
“ผมไม่ไหวแล้ว...เอพริล...”