“ใจเย็นนะเอพริล...ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด”
อรุโณรีย์ไม่ได้ตอบสนองหรือรับรู้ต่อคำพูดนั้นหรอก ยามนี้เธอเบลอไปหมดแล้วได้แต่นอนหายใจเหนื่อยหอบเหมือนคนวิ่งระยะทางไกลมาเป็นกิโล มือที่ถูกมัดรวบเหนือศีรษะกำจิกอย่างไม่รู้จะระบายความรู้สึกออกจากตัวด้วยวิธีไหน เธอไม่อาจปัดป้องหรือแม้แต่เรียกร้องบอกว่าสิ่งไหนต้องการไม่ต้องการ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทอเลเมียสทนมองภาพอันชวนภิรมย์นั้นอยู่อีกเพียงไม่นานเขาก็โน้มตัวลงไปฝากฝังใบหน้าตรงกลางร่องอกคู่สวยอีกครั้ง เรียวลิ้นตวัดไล่จากฐานข้างหนึ่งเรื่อยขึ้นไปจนถึงรอบปานสีชมพูดอมน้ำตาลอ่อนๆ ก่อนจะรวบเอาเม็ดถันที่เกร็งเครียดเข้าไว้ในอุ้งปาก ดูดกลืนราวกับคนหิวโซมาแสนนาน ลมหายใจอุ่นๆ รินรดผิวทรวงอกสล้างจนเจ้าตัวเผลอยกตัวให้เชยชมได้ถนัดยิ่งขึ้น และเขาก็ทำเช่นนั้นสลับกันไปมาเร็วรัวและเน้นหนักตามอารมณ์ที่พุ่งฉิว
เสียงหวานครางหวิวอย่างคนไร้สติ ทุกครั้งที่เขารุกทั้งด้านล่างและด้านบนมันทำให้อารมณ์ดำมืดในตัวเธอแผ่ซ่านครอบงำสำนึกส่วนดีขึ้นมาเรื่อยๆ จนตอบสนองรับการปรนเปรอนั้นอย่างลืมอาย
องค์คุลีเรียวของชายหนุ่มฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำหวานที่เอ่อล้นไม่ขาดสาย สื่อให้เห็นถึงความพร้อมในการจะให้เขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ ทอเลเมียสเองที่บัดนี้ตรงใจกลางก็คับพองเต็มที่ไม่คิดรีรอให้เวลาสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์อีกแล้ว เขาดึงนิ้วร้ายออกจากช่องหลืบสาวแล้วจับตัวตนถูไถไปตามร่องชื้นฉ่ำโยกตัวขึ้นลงเพื่อสร้างความคุ้นเคยที่แนบแน่น
“คุณ...คุณนาซี...” ช่องท้องที่บิดเกลียวจนต้องเขม่วและกลั้นให้หายใจเป็นระยะทำให้อรุโณรีย์ที่หลับตาพริ้มครางเสียงหวิว เธอยกสะโพกเข้าหาสิ่งแปลกปลอมที่กำลังสัมผัสแนบชิดอยู่ตรงจุดซ่อนเร้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ที่รับตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือสิ่งนั้นมันคงช่วยปลดปล่อยอารมณ์ประหลาดที่วิ่งพล่านอยู่ในตัวได้ และหากยังหาทางออกในเร็วๆ นี้ไม่ได้เธอคงขาดใจแดดิ้นคาเตียงอย่างแน่นอน
เสียงเรียกอย่างโหยหาทำให้ทอเลเมียสยิ่งได้ใจ เขายังลากวนและหยอกเอินร่องสาวอย่างกระหายก่อนจะลากลงมาถึงหลืบทางแห่งสรวงสวรรค์แล้วกดเน้นเบาๆ ในคราแรก แม้เพียงเศษเสี้ยวของตัวตนที่ได้เจาะผ่านมันทำให้ชายหนุ่มครางกระหึ่มด้วยความวาบหวาม ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าสิ่งที่พองโตในกำมือเขาได้เข้าไปครอบครองเธอจนสุดปลายทางมันจะหฤหรรษ์รัญจวนมากมายขนาดไหน
“อื้อ...เจ็บ...เจ็บ...” แม้ถูกรุกรานเพียงน้อยนิดแต่ส่วนบอบบางก็เริ่มปริแยกจนเจ้าของร่างเขยิบถอยหนีพร้อมเสียงอุทานเบาๆ ใบหน้าแดงก่ำที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตาส่ายไปมาริมฝีปากเม้มสนิทจนรู้สึกเจ็บแปลบ กระนั้นเธอก็ยังถูกเขาจับกดไว้ไม่ให้ถอยห่างไปได้มากกว่าที่ทำ
ทอเลมียสซึ่งพับข้อเท้าไปด้านหลังรู้สึกเจ็บนิดๆ ตรงแผลเพราะเผลอลืมตัวขยับโดยไม่ระวัง เขารีบจัดแจงยืดขาให้ตรงทั้งสองข้างแล้วโถมทับตัวเองลงบนร่างบางอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งอาวุธร้ายที่อยู่ในอุ้งมือก็พร้อมแล้วเช่นกันที่จะทำงานของมันให้ลุล่วงสำเร็จ
มัจจุราชหนุ่มเดินหน้าดันความแข็งขึงเข้าหาช่องทางแห่งความฉ่ำชื้นซึ่งเจ้าตัวพยายามส่ายหนีอยู่ตลอดเวลา แต่ก็หาได้หลุดรอดจากเงื้อมมือเขาไม่ เขาถูไถอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจรุกครั้งเดียวสุดกำลังทั้งมือก็จับสะเอวคอดรั้งเข้าหาตัวรับกับการจู่โจมในคราเดียว
“อื้อ!!” อรุโณรีย์สะดุ้งหงายเฮือกโก่งตัวคู้จนศีรษะแหงนไปทางด้านหลัง น้ำตาไหลรินพร้อมกับเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดเหลือคณา เสมือนร่างกายของเธอแตกปริออกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งยังร้าวระบมจนต้องกลั้นหายใจชั่วขณะ แขนขาเกร็งแข็งไปโดยอัตโนมัติ เธอกลืนก้อนเจ็บจุกลงคอหลับตาลงไล่หยาดน้ำให้ไหลเอ่อออกมาไม่ขาด
“เจ็บ...คุณนาซีเอพริล...เจ็บ...”
“เดี๋ยวมันจะดีขึ้นเอง ผมรับรองทนหน่อยนะเอพริลครั้งแรกทุกคนก็เป็นแบบนี้ล่ะ”
แล้วทุกคนหรือเปล่านะที่ต้องมาเจอแบบเธอ
“อื้อ!..” คนตัวเล็กยังส่งเสียงร้องสะอื้นเป็นระยะยามที่เขาขยับตัว ทอเลเมียสเองก็พอจะรู้ถึงอาการของเธอว่าคงเจ็บไม่น้อย ขนาดตัวเขาเองก็ยังร้าวระบมไม่ต่างกันเลยด้วยถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก ด้วยขนาดที่ต่างกันมากมายนักอีกทั้งเป็นครั้งแรกของหญิงสาวด้วยความทุลักทุเลจึงมีอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มจึงหยุดจู่โจมชั่วครู่เพื่อให้ทั้งเธอและเขาได้ปรับตัวสักครู่
“คนดีไม่ร้องนะ...จะเจ็บแค่ครั้งนี้เท่านั้นผมสัญญา...” คำปลอบอ่อนโยนปนแหบพร่าของเขาพอจะทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมาบ้างว่าอย่างน้อยชายหนุ่มก็ยังเป็นห่วงเธออยู่ แต่หารู้ไม่ว่าภายในใจเขานั้นกลับกระหยิ่มและมองเธออย่างสาแก่ใจเพียงใด
“หยุด...หยุดก่อนได้ไหมคะ...”
“ไม่ทันแล้วที่รัก ผมต้องขาดใจตายแน่ๆ” พูดจบชายหนุ่มก็เริ่มขยับตัวเบาๆ อีกครั้งให้เธอเคยชินแล้วจึงเร่งจังหวะการขับเคลื่อนเข้าออกตามลำดับ
มือที่ถูกมัดด้วยเศษชั้นในไม่มีความหมายอีกแล้วชายหนุ่มจึงเอื้อมไปปลดปล่อยพันธนาการให้กับเธอ ข้อมือแดงเถือกจากการถูกจองจำเป็นรอยตวัดจับท่อนแขนแข็งแรงของเขาเอาไว้โดยอัตโนมัติกำจิกเล็บเข้าไปถึงเนื้อแน่นนั้นอย่างต้องการหาที่ปลดปล่อยความทรมานที่ตั้งเจ็บปวดและซ่านสยิว ทอเลเมียสผละจากร่างเล็กมาจับโคนขาสองข้างให้สูงขนาบลำตัวเขา สายตาคมกล้าแลเห็นโลหิตแดงฉานบริเวณจุดเชื่อมต่อเปรอะเปื้อนไปถึงแนวขาด้านในทั้งของเขาและเธอ มันอาจจะมากกว่าปกติหน่อยแม้จะเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์ นั่นเพราะเขาไม่ได้ถนอมเธอเลยตอนที่รุกล้ำ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่คิดหยุด สองแขนสอดเข้าใต้โคนขาแล้วโยกไปด้านหน้าเพื่อความสะดวกในการโรมรัน อรุโณรีย์หลับตาปี๋กัดฟันข่มความปวดร้าวสุดฤทธิ์แต่ก็ไม่อาจหยุดน้ำตาที่ไหลออกมาได้ ไม่เคยรู้เลยว่าครั้งแรกมันจะทรมานเจียนจะขาดใจเช่นนี้
อาการเกร็งตัวของหญิงสาวเป็นอุปสรรคการเสพสังวาสสำหรับชายหนุ่มเล็กน้อย เขาจึงใช้สองมือที่อยู่ด้านหน้าคลึงนวดทรวงอกงามเบาๆ หัวแม่มือสะกิดบี้ยอดถันที่แข็งเกร็งรับการสัมผัสอันหวามวาบ สำหรับเธอมันไม่ได้ช่วยให้ความเจ็บคลายตัวลงหรอก เพียงแต่อารมณ์กระสันเสียวที่เลือนหายไปเพราะอาการปวดร้าวได้หวนกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนความรู้สึกจะรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่านัก
ทอเลเมียสมองมองใบหน้างามแดงระเรื่อ เพราะพิษแห่งสวาท ริมฝีปากช้ำบวมเจ่อจากน้ำมือของเขานั้นอย่างหิวกระหาย น้ำเสียงใสหวานที่หวีดร้องออกมาเป็นระยะตามจังหวะรุกเร้า ยิ่งเพิ่มความดิบเถื่อนในตัวให้โชติช่วง เหงื่อกาฬผุดพรายตามใบหน้าและลำตัวของเขาจนเปียกชุ่ม แต่ความเหน็ดเหนื่อยไม่ได้อยู่ในความรู้สึกของเขาเลยสักนิด
ยามนี้เขาอยากกลืนกินคนตรงหน้าเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แม่คุณช่างมีรสชาติหวานหอมยิ่งนักสมแล้วที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดิบดี มันไม่แปลกเลยที่เขาอดใจไม่ไหวหนึ่งเดือนสำหรับการต้อนเหยื่อเนื้อหวานเข้าปาก นับว่าเป็นเวลาที่มากเกินไปเสียด้วยซ้ำ
อารมณ์ซ่านสยิวที่ปะทุกรุ่นอยู่ในกายสาวมันกำลังวิ่งพล่านต้องการหลุดพ้น อรุโณรีย์ส่ายสะโพกมนร่อนรับการรุกของเขาทุกจังหวะอย่างลืมตัว สัญชาตญาณมันสอนให้เธอรู้จักโหยหาและเรียนรู้วิธีเร่งให้เขาช่วยปลดปล่อยซึ่งชายหนุ่มเองก็รับรู้ได้ถึงอาการเหล่านี้เช่นกัน เขาจึงละมือจากการครอบครองปทุมถัน ดึงแขนที่สอดอยู่ใต้ขาออกปล่อยให้วงขาเป็นอิสระส่วนตัวเขาเองก็โน้มทับบนร่างงามอย่างเต็มที่