บทที่ 9 ตอนที่ 3

1430 Words
“ว่ายังไง...เรียบร้อยดีไหม” “ครับ...เป็นไปตามที่คุณต้องการทุกอย่างครับ...” ปลายสายรีบตอบรายงาน “แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ไหน” “คิดว่าคงกลับไปแล้วครับ...ผมขับรถล่อมันไปอีกทางอย่างที่คุณสั่งรอจนถึงเมื่อคืนถึงได้ออกจากรถแสดงตัวให้พวกมันเห็นว่าในรถไม่ได้มีคุณกับคุณผู้หญิงคนนั้นอยู่พวกมันก็ตกใจกันใหญ่เลย แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาทำอะไรผมคงเพราะมัวแต่ห่วงจะตามหารถคันที่คุณกับคุณผู้หญิงอยู่ ผมเห็นพวกมันรีบขับรถออกไปอย่างเร็วก็สั่งให้ลูกน้องที่เหลือคอยติดตามปรากฏว่าพวกมันขับตามหาวนรอบหัวหินกันทั้งคืน พอไม่เจอวี่แววอะไรคงจะตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วครับ” “ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกอิฐ ถ้าไม่เจอเอพริลแล้วกลับไปพวกมันต้องเจออะไรบ้างนายก็รู้ ฉันว่ามันคงยังวนเวียนอยู่ในหัวหินนี่แหละบางทีอาจจะดักซุ่มรอดูเงียบๆ รอให้เราชะล่าใจจนปรากฏตัวให้มันเห็นเองก็เป็นได้นะ” ต้นสายเสนอความคิดเห็น “แล้วคุณจะให้ผมทำอย่างไรต่อครับ จัดการเก็บเลยไหมครับ” “ไม่ต้อง! อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่บอดี้การ์ดที่วงศ์ศาสตร์ให้ตามมาดูเอพริลไม่ได้มีพิษภัยอะไร แต่มันเกะกะรำคาญลูกตาฉันเท่านั้นเองก็เลยให้นายช่วยไล่ไปซะ ปล่อยๆ มันไปก่อนเถอะ” “ครับ...แล้วถ้าทางโน้นรู้ขึ้นมาล่ะครับจะทำยังไง” “เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก ไอ้เฒ่านั้นกำลังได้ใจกับลูกค้ารายใหญ่ของมัน คิดว่าคงต้องดูแลเอาใจทางโน้นเต็มที่ไม่มีเวลามาวุ่นวายกับทางนี้หรอก” “ถ้าคุณแน่ใจอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ ส่วนเรื่องพวกบอดี้การ์ดสองสามคนนั้นผมจะเอาเงินปิดปากมันสักก้อนกันพลาดไปก่อนดีไหมครับ” บอดี้การ์ดส่วนตัวนามว่าโยธินเสนอ เพราะเขาไม่วางใจว่าถ้าหากทุกอย่างยังไม่เรียบร้อยดีพอ เรื่องที่กังวลที่สุดก็คือกลัวเจ้านายตัวเองจะไปมีปัญหากับวงศ์ศาสตร์เข้า ด้วยทางนั้นก็กว้างขวางอยู่ไม่ใช่น้อย อีกทั้งคนหนุนหลังก็มีอิทธิพลใหญ่เสียด้วย “ดีแล้ว...จัดการตามนั้นเลยนะอิฐ ทำยังไงก็ได้แต่ต้องปิดวงศ์ศาสตร์ไว้ให้มากที่สุด”                                                           “ออ...อีกเรื่องครับ แล้วพวกคนรับใช้ที่บ้านล่ะครับเราจะทำยังไง”                                                                                                     “เรื่องนี้มันเป็นปัญหาของฉัน ฉันจะจัดการเอง เดี๋ยวจะบอกให้เอพริลโทรฯ ไปบอกว่าเธอไม่สบายต้องรอให้หายดีก่อนแล้วค่อยกลับ ออ...ช่วยซื้อยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบแล้วก็ยาแก้ไข้แล้วก็เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ในรถมาให้ด้วยฉันคงไม่ออกไปไหนให้เป็นที่จับตาสักสองสามวันจนกว่าจะกลับไปทำงานตามปกติ” “อ๋อครับ...แผลที่เท้าอักเสบจนเป็นไข้เลยเหรอครับคุณนาซี ผมว่ากลับไปหาหมออีกรอบดีกว่าไหมปล่อยไว้แบบนั้นอีกตั้งหลายวันมันจะดีเหรอครับ” ปลายสายเสนอความเห็นด้วยความเป็นห่วงผู้ที่มันให้ความนับถือ โดยหารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใดเลย “ทำตามที่สั่งก็พอ...”                                                               โทรศัพท์ถูกกดวาง ร่างสูงใหญ่หันมองตรงประตูห้องน้ำอีกครั้งแต่มันก็ยังปิดอยู่เช่นเดิม ทอเลเมียสยิ้มร้ายมุมปากอย่างที่ชอบทำเป็นนิสัยก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงกว้าง อันที่จริงเรื่องที่วงศ์ศาสตร์ให้คนคอยติดตามนั้นอยู่ในความคาดหมายของเขาอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพราะจิ้งจอกเฒ่าคงไม่ไว้ใจเขาถึงขนาดปล่อยให้ลูกสาวที่มันหวงนักหวงหนามาอยู่กับเขาตามลำพังได้อย่างสบายใจหรอก ชายหนุ่มจึงให้ลูกน้องใช้รถอีกคันที่เหมือนกับคันของเขาแล้วนำมาสับเปลี่ยนตอนที่เข้าโรงพยาบาลไปทำแผลที่ฝ่าเท้านั่นเอง เมื่อรถคันที่เขาใช้ในตอนแรกขับออกไป พวกมันก็ตามติดอย่างไม่ลดละเพราะจำทะเบียนและลักษณะของรถได้ แต่กว่าจะรู้ว่าถูกหลอกเข้าให้ก็ปาเข้าไปค่อนคืนเสียแล้ว ทุกอย่างที่ถูกวางแผนไว้ตั้งแต่แรก จึงยังคงดำเนินไปตามนั้นอย่างไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้น สมันเนื้อหวานตัวน้อยถูกเขากลืนกินเสียทั้งตัว และไม่แน่หรอกว่า...เขาจะอิ่มเพียงเท่านั้นในเมื่อเวลาแห่งความบันเทิงมันยังไม่จบเลยนี่ เวลามาถึงแล้ว...ดวงวิญญาณของทุกคนกำลังชี้ช่องทางในการแก้แค้นให้กับเขาแล้ว ต้องรีบตักตวงเอาไว้นะทอเลเมียสเอ๋ย “อ้าว...ไม่เรียกผมล่ะเดินออกมาเองทำไม” เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมๆ กับหญิงสาวที่ยังใช้ผ้าห่มคลุมตัวค่อยๆ ย่างเท้าออกมา ดูเหมือนเธอไม่ค่อยถนัดนักเขาจึงรีบวางเท้าลงที่พื้นและเดินไปหาทันที ก่อนจะตวัดอุ้มร่างบางขึ้นมาแนบอกและพากลับไปที่เตียงนอน “ผมให้คนไปซื้อยากับเสื้อผ้ามาให้คุณแล้วนะ คุณอยากทานอาหารในห้องนี้หรือจะออกไปทานที่ห้องอาหารดีล่ะจะได้กินยาแล้วพักผ่อน” “เอ่อ...ในนี้ดีกว่าค่ะ...” “ผมก็คิดว่างั้น...” คนได้เปรียบยังยิ้มเย้าส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ ก่อนจะวางเธอลงบนที่นอนเบาๆ ใจอยากจะดึงไอ้ผ้าที่ห่อหุ้มนั้นออกให้รู้แล้วรู้รอด แต่ช่างเถอะ...ไม่อยากกวนใจอะไรหญิงสาวมากนักดูท่าเธอคงยังเครียดเรื่องบิดาอยู่ อยากรู้นักถ้าได้รู้ความจริงทุกอย่างว่าบุพการีที่ตัวเองเทิดทูนไว้เหนือเกล้า แท้จริงแล้วหาใช่คนดีประเสริฐล้ำอย่างที่ภูมิอกภูมิใจเอานักหนา มันจะเกิดอะไรขึ้น ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เสื้อผ้ากับยาคงมาแล้วล่ะ” หญิงสาวรีบพลิกตัวหลบด้วยความอายทันทีที่ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตู เธอจึงไม่รู้ว่าคนที่นำของทั้งหมดมาให้หาใช่พนักงานโรงแรมแต่เป็นชายหนุ่มรูปร่างล่ำสันในชุดสูทสีดำสนิทต่างหาก “เอพริล...มาเปลี่ยนผ้าก่อนนะ ผมสั่งอาหารไปกับพนักงานแล้วเดี๋ยวเขาจะเอามาให้เราในห้อง คุณจะได้กินยาเสียที” อันที่จริงสั่งลูกน้องไปบอกพนักงานอีกที “ค่ะ...คุณ...ออกไปก่อนได้ไหมคะ” ทอเลเมียสเม้มปากจ้องมองคนขอ นี่แม่คุณจะอายอะไรกันนักหนาเนี่ย เมื่อคืนก็เห็นก็จับไปถึงไหนต่อไหนหมดแล้วนี่ “ผมจะเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ...” เขาบอกกลับค่อนข้างฉุนเฉียว ตอนนี้ทั้งหิวทั้งเจ็บไหนยังต้องมาคอยเอาอกเอาใจคุณหนูเพิ่งเสียสาวอีก เป็นอะไรที่คนอย่างเขาไม่เคยคิดทำเลยจริงๆ วันนั้นทั้งวันอรุโณรีย์ได้แต่นอนซมจับไข้อยู่แต่ในห้องโดยมีชายหนุ่มต้นเหตุคอยดูแลไม่ห่าง อาหารการกินก็รับประทานเข้าไปได้เพียงน้อยนิดเนื่องจากความเจ็บป่วยทางด้านร่างกายเล่นงานอย่างหนัก หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกรุมทุบตีเนื้อตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังหนาวจัดในบางครั้งและร้อนจนเหงื่อแตกซิกในบางครา ลำคอก็แห้งผากปวดแสบปวดร้อนไปเสียหมด โดยเฉพาะตรงจุดพึงสงวนนั้นเจ็บจนแทบขยับขาไม่ได้เลย ช่างเป็นอะไรที่ทรมานเหลือเกินขนาดรับประทานยาเข้าไปแล้วแต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก สิ่งเดียวที่พอจะทำให้หัวใจไม่เหี่ยวแห้งนักก็คงเป็นชายหนุ่มที่เอาใจใส่ดูแลกันอยู่ข้างๆ ตลอดเวลานี่แหละ เขาให้ความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างแสนประหลาดในขณะที่ร่างกายกำลังอ่อนล้าโรยแรงเต็มที แม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นจากการกระทำของเขาก็เถอะ แต่นี่ใช่ไหม...ที่เขาเรียกว่าความรักที่สมบูรณ์แบบ เธอได้สิ่งที่รอคอยนั้นมาไว้อยู่ในอ้อมกอดนี้แล้วใช่หรือไม่ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD