คุณเคยแอบรักใครไหม รักมาตั้งแต่เด็ก รักจนยอมทุกอย่าง รักโดยที่ไม่ต้องครอบครองก็ได้ ขอแค่เขามีความสุขก็พอ
มันอาจจะดูเหมือนคนโง่ แต่ถ้าใครไม่มาอยู่ในจุดนี้ไม่มีทางเข้าใจ
การรักใครสักคนแบบงมงายมันเป็นยังไง
“มันจะกลับมาแล้วนะ” ภามเพื่อนชายของฉันเกริ่นขึ้นมา มันที่ว่าฉันรู้ดีว่าหมายถึงใคร
“เหรอ” ฉันทำทีไม่ใส่ใจ ทั้งที่ในใจรู้สึกตื่นเต้นจนอยากกระโดดโลดโผน
“อืม ไปรับมันด้วยกันไหมล่ะ” ภามถามต่อ
“มึงก็รู้ว่ามันเกลียดกู กูกับมันคือคนไม่รู้จักกัน” ฉันบอกระหว่างที่มือสาละวนกับการเก็บการรื้อชุดเจ้าสาว
“มันอาจจะหายโกรธแล้วก็ได้ มันถึงได้กลับมา” พีคเพื่อนชายอีกคนเดินเข้ามาในร้านแล้วพูดขึ้น
พูดเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้
“กูรู้จักมันดี คนอย่างมันเกลียดคนฝังใจ แล้วยิ่งคนที่ทำให้มันเจ็บ มันยิ่งไม่คิดชายตามอง”
“แต่นี่มัน 5 ปีแล้วโว้ย มันอาจจะคิดได้แล้วมั้ง” พีคแย้งขึ้น
“ถ้าพูดตามหลักความเป็นคนทั่วไป ถ้ากูเป็นมัน กูก็ไม่หายโกรธหายเกลียดนะ นั่นแม่งความรู้สึกคนทั้งคนเลยเว้ย ไหนจะโดนแก้แค้นทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอีก” ภามมันพูดในแง่ของความรู้สึก
ซึ่งฉันก็คิดแบบภามนั่นแหละ
“แล้วนี่จะอยู่ยังไง บ้านก็ติดกัน แม่ก็เป็นเพื่อนกัน แล้วครอบครัวมึงสองคนก็ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วย” แฟนของภามเอ่ยถาม
“ก็อยู่แบบคนไม่รู้จักกันไง” ฉันพูดด้วยท่าทีที่สบาย ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้สบายอย่างที่คิดหรอก
“แล้ว...”
“แม่แจงจ๋า” ลูกสาวตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาฉัน เพื่อนของฉันจึงเงียบปากลง
“ว่าไงคะคนสวย” ฉันนั่งลงที่พื้นพรมพร้อมกับอุ้มลูกสาวมานั่งที่ตัก
“คิดถึงจังเลยค่ะ” จัสมินหอมที่แก้มของฉันทั้งสองข้างและลงท้ายด้วยการจุ๊บที่ปาก
“แม่ก็คิดถึงค่ะ” ฉันว่าจบก็จุ๊บลงที่ริมฝีปากเล็ก ๆ ของลูกสาว
“วันนี้ดื้อไหม” ฉันเอ่ยถามน้องสาวของพีคที่อาสารับจัสมินมาจากที่โรงเรียนให้ แพทเธอเป็นครูโรงเรียนที่จัสมินเรียน
เนื่องจากพรุ่งนี้มีถ่ายพรีเวดดิ้ง ฉันจึงค่อนข้างวุ่นวายกับการดูและจัดเตรียมอุปกรณ์ จึงฝากให้แพทมาส่ง
แต่ก็ไม่วายกลุ่มเพื่อนแวะมาชวนคุย สรุปแล้วงานก็อาจจะไม่เสร็จตามเป้าที่วางไว้
โดยปกติเพื่อนฉันก็แวะมาทุกวันอยู่แล้วด้วยแหละ อ้างว่าแวะมาเล่นกับลูกสาวฉัน
แต่จุดประสงค์จริง ๆ คือหาคนเลี้ยงเหล้า
ซึ่งนั่นก็คืออีแจงคนสวยคนนี้
‘แจง’ คือชื่อที่เพื่อนเรียกกันจนติดปาก มีคนบอกว่าคนชื่อแจงสวยทุกคน ฉันว่าอันนี้เรื่องจริงนะ
ฉันมีคนที่แอบรักมานานหลายปี จะว่าแอบก็คงไม่ใช่ เพราะเจ้าตัวรู้อยู่แล้วว่าฉันรักเขา
เพียงแต่เขาไม่คิดจะรักฉัน สักนิดเขาก็ไม่รัก แถมยังบอกว่าความรู้สึกที่ฉันมีให้เขามันเหี้ยอีกต่างหาก
ผู้ชายอะไรปากหมาโคตร
ฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่เลี้ยงลูกและดูแลลูกมาเองตั้งแต่ที่ลูกสาวอยู่ในท้อง
ฉันตั้งท้องเมื่อ 5 ปีก่อน ลุ้นว่าจะท้องไหมด้วยความสุ่มเสี่ยง ที่ว่าสุ่มเสี่ยงเพราะเรามีอะไรกันแค่ครั้งเดียว และฉันอยากท้องกับเขา
จะเรียกว่าฟลุ๊คก็ได้มั้ง เพราะการตั้งท้องครั้งนี้มันเกิดจากความบังเอิญของพ่อจัสมินที่พลาดเมา แล้วคิดว่าฉันคือแฟนของเขา
และถึงแม้เขาจะคิดว่าฉันเป็นแฟนเขา ฉันก็ไม่คิดขัดขืน เพราะฉันอยากได้เขา จะว่าแรดก็ว่าได้นะ ก็ฉันรักของฉันนี่นา
ฉันไม่กินยาคุมกำเนิด เพราะคิดแค่ว่าถ้าท้องก็โชคดีที่มีตัวแทนของคนที่รักมาอยู่ด้วย
จะว่าฉันโรคจิตก็อาจจะใช่แหละมั้ง ฉันน้อมรับ
แต่ฉันก็ไม่คิดเรียกร้องอะไรจากเขาอยู่แล้ว
แม่ฉันก็ถามนะตอนท้องแรก ๆ ว่าพ่อเด็กคือใคร ฉันก็บอกไปว่าเมาแล้วมั่วจำหน้าไม่ได้ สิ่งที่แม่ให้มาหลังจากคำตอบที่ฉันให้คือตบหน้าฉันจัง ๆ เมื่อได้ฟังคำตอบชุ่ย ๆ จากปากลูกสาวแสนสวยเช่นฉัน
‘งามหน้านัก เป็นถึงเจ้าของร้านพรีเวดดิ้งที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ลูกสาวเสือกท้องไม่มีพ่อ น่าอายที่สุด’
นั่นคือคำตัดพ้อหรือคำด่าของแม่ฉันเมื่อตอนนั้น
แต่ตอนนี้น่ะเหรอ
“จัสมินหลานยายมาแล้วเหรอลูก ยายทำสังขยาฟักทองของโปรดไว้ให้หนูด้วยนะคะ”
ก็อย่างที่เห็นเลยค่ะ เห่อหลาน หวงหลาน หลานฉันสวย หลานฉันดี หลานฉันเก่ง ใครห้ามแตะ
ถ้าใครพูดว่าหลานยายแจ๋มไม่มีพ่อ ยายแจ๋มไปด่าถึงหน้าบ้านเลยล่ะ จนคนแถวนี้ไม่กล้าแตะจัสมินละ
ยังดีที่จัสมินหน้าเหมือนฉัน คนแถวบ้านเลยไม่มีใครเอะใจว่าเป็นหลานเจ้าของร้านทองบ้านข้าง ๆ
“ไหนว่าทำงานพรุ่งนี้ นี่มึงแดกกะจะตื่นพรุ่งนี้เย็นๆเลยเหรอแจง” เสียงของใครสักคนในกลุ่มเพื่อนของฉัน ทักท้วงกับการดื่มแอลกอฮอล์ของฉันในวันนี้
ส่วนฉันจำไม่ได้หรอกว่าเสียงนี้เป็นเสียงของเพื่อนคนไหน เพราะตอนนี้สมองฉันเริ่มจะทำงานช้าลงเรื่อย ๆ
“ฉลองล่วงหน้าให้กับผู้ชายที่กูโคตรรักไง มันกำลังจะกลับมาแล้วเห็นไหม ในที่สุดมันก็จะกลับมา หลังจากที่มันหนีกูไป 5 ปี ป่านนี้มีเมียไปแล้วมั้ง มันจะรู้ไหมว่ากูคิดถึงมันมากแค่ไหน มันจะรู้ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกูก็โคตรเสียใจเหมือนกัน แต่มันคงไม่อยากรู้หรอก เพราะมันเกลียดกู มันบอกว่ามันโคตรเกลียดกู แต่กู... โคตรรักมัน กูรักมันพวกมึงได้ยินไหมว่ากูรักมัน กูโคตรรักมันฉิบหาย กูไม่สวยตรงไหนวะ ทำไมมันไม่รักกู กูไม่เข้าใจ...”
แล้วฉันก็เริ่มโวยวาย เริ่มพร่ำเพ้อ พูดพล่ามถึงเรื่องที่กักเก็บไว้ในใจ
ซึ่งฉันจะเป็นเฉพาะช่วงเวลาที่เมามาก ๆ แต่ถ้าในวันที่สติดี ๆ เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางออกจากปากของอีแจงแสนสวยแน่นอน
“ถ้ามึงเห็นมันตอนนี้ มึงอาจจะไม่รักมันแล้วก็ได้ มันไม่ใช่ไอ้ยิมแสนดีที่มึงเคยรู้จักแล้วแจง” แว่ว ๆ เสียงของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนพูดขึ้นมา
ซึ่งฉันจับประโยคได้ประมาณเท่านี้ แต่ฉันก็ตีความหมายไม่ได้ เพราะสติฉันตอนนี้ไม่สามารถแยกแยะอะไรได้แล้ว
“แค่เป็นไอ้ควายยิม ยังไงกูก็รัก” นี่คือประโยคสุดท้ายก่อนที่ฉันจะกระดกแก้วเหล้าอีก 1 ช็อต
แล้วจากนั้นฉันก็น็อคยาว
ซึ่งคนเก็บซากก็คือเพื่อนของฉันนี่แหละ
‘มากับเพื่อนปลอดภัยแน่นอน’
นี่คือคติประจำใจฉัน...
“โตจนมีลูก แต่เรื่องเมานี่เลิกไม่ได้” นี่เสียงยายแจ๋มแน่ ๆ ฉันรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง เพื่อตัดความรำคาญใจ
กลับมานอนบ้านได้คงไม่พ้นเพื่อน แต่เรื่องปวดหัวหลังนอนตื่นนี่ห้ามกันไม่ได้จริง ๆ
รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดเลย
“ยัง ยังนิ่ง บ่นขนาดนี้ยังไม่ลุกจากที่นอน จนเขาไปถ่ายงานเสร็จกลับมา ลูกสาวเจ้าของร้านยังนอนเน่า ตื่นโว้ยไอ้แจง จะค่ำอีกรอบแล้ว แกซ้อมตายหรือไง” ยายแจ๋มยังคงส่งเสียงโวยวายอยู่ข้างหูอีแจงแสนสวย
ฉันเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยรู้สึกแบบเดียวกับฉัน
อยากนอนต่อแต่โดนปลุกด้วยเสียงอันทรงพลัง
“แม่...ขออีกนิดเมื่อคืนหนักไปหน่อย” ฉันเอื้อนเอ่ยเพื่อต่อเวลา
แต่ก็ต่อไปงั้นแหละ เผื่อฟลุ๊ค เพราะยายแจ๋มแกไม่สนใจคำขอของฉันอยู่แล้ว
ซ้ำยังด่าสวนกลับด้วยอีกต่างหาก
“ใครสั่งใครสอนให้กินจนเพื่อนต้องหิ้วปีกมาล่ะ นี่ดีนะเพื่อนแกพวกนี้คบตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นแกคงได้ลูกเพิ่ม ลุก! อย่ามาเนียนนอนต่อ ไปรับจัสมินกลับจากข้างบ้านด้วย เมื่อเช้าร้องจะไปเล่นที่นั่น ป่านนี้ยังไม่ยอมกลับ ฉันไปรับสามสี่รอบละ ยังไงก็ไม่ยอมกลับ แกลุกไปรับหลานฉันได้ละ”
นี่ไงสาเหตุที่มาปลุกฉัน เพราะเอาหลานกลับบ้านไม่ได้ ยายแจ๋มเขาจะเป็นแบบนี้ประจำ ถ้าจัสมินไปเล่นที่ร้านทอง จัสมินจะไม่อยากกลับ
ซึ่งยายแจ๋มไม่กล้าบังคับหลานสาวสุดที่รัก จึงมักจะมาสั่งให้ฉันไปบังคับลูกกลับ
ประมาณว่าให้ฉันเป็นแม่ใจร้าย ส่วนตัวเองเป็นยายใจดี
“ถ้าไปรับให้ กลับมาแจงขอนอนต่อ ห้ามกวนแจงนะ แจงปวดหัว ฝากจัสมินด้วย” ฉันลุกขึ้นมาต่อรองด้วยท่าทางสะลึมสะลือ
“เออ ไปเอาหลานฉันกลับมาก่อนเถอะ แล้วแกจะนอนสามวันสามคืนฉันก็ไม่ว่า” ยายแจ๋มทิ้งท้ายด้วยคำประชดก่อนจะเดินออกจากห้องนอนฉันไป
จัสมินชอบไปเล่นร้านทองข้างบ้าน เพราะผู้ใหญ่ทั้งสองใจดี ก็อย่างที่รู้กันว่าลูกชายเจ้าของร้านทองไปเรียนต่อต่างประเทศ ท่านทั้งสองจึงเหงามาก และพอจัสมินคลอด ท่านทั้งสองก็คลายเศร้าได้มาก ด้วยรอยยิ้มของจัสมิน
ท่านสองคนเอ็นดูจัสมิน
แต่ทั้งสองคนไม่รู้หรอกว่าจัสมินคือหลานแท้ ๆ ที่เกิดจากลูกชายคนเดียวของท่าน
ซึ่งฉันไม่คิดจะบอก เพราะมันไม่มีความจำเป็นต้องบอก ในเมื่อพ่อของลูกเกลียดฉัน เขาก็คงไม่ยอมรับจัสมินอยู่แล้ว
ฉันเดินลงมาจากห้อง แล้วเดินออกมาทางหลังบ้าน แล้วก็เดินข้ามรั้วมาฝั่งบ้านของไอ้ควายยิม ต้องบอกก่อนว่าบ้านเราทำรั้วข้ามหากันมานานแล้ว
เนื่องจากแต่ก่อนฉันกับไอ้ควายยิมเราสนิทกันตั้งแต่เด็กไง
ฉันเดินเข้าประตูหลังบ้านของไอ้ควายยิม เป็นประจำเหมือนที่เคยมารับลูกบ่อย ๆ เวลาลูกมาเล่นที่นี่
แล้วคือสภาพฉันหัวฟู ฟันยังไม่แปรง หน้าไม่ล้าง เครื่องสำอางของเมื่อคืนยังคงเหนอะที่ใบหน้า
สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวและกางเกงบอล เรื่องชุดเพื่อนฉันคงเปลี่ยนให้เหมือนที่เคย
“จัส จัสมินคะกลับบ้านได้แล้วค่า ค่ำแล้ว” และเมื่อเดินเข้ามาในบ้านทางประตูด้านหลัง ฉันก็แหกปากร้องเหมือนที่เคยทำนั่นแหละ ส่งเสียงไปก่อนตัว
แต่พอเดินมาถึงกลางบ้าน ปากที่แหกก็อ้าค้างทันที
เพราะคนที่ฉันหลงรักมานาน นั่งอยู่ที่โซฟา และมองมาที่ฉันก่อนจะยักคิ้วให้หนึ่งทีพร้อมสายตาที่เฉยชา
ไอ้ควายยิมมันเปลี่ยนไป ที่ว่าเปลี่ยนฉันหมายถึงร่างกาย ส่วนนิสัยฉันไม่รู้ว่าเปลี่ยนไหม
ร่างกายของมันมีรอยสักเต็มไปหมด ทั้งที่เมื่อก่อนมันเคยบอกว่าไม่ชอบศิลปะพวกนี้
ยิมที่ฉันรักไม่ใช่แบบนี้