“ยิม” เอสะกิดผมที่นั่งเช็คทองอยู่ในร้าน
“ครับ” ผมขานรับ แต่ตายังจ้องทองในมือที่มีหลายต่อหลายเส้น
“แต่งงานกันไหม” ผมหยุดทุกการกระทำ เมื่อเอพูดประโยคนี้ออกมา
คำนี้คือคำที่ผมรอคอยมานาน ในที่สุดเธอก็พร้อม
“เอพร้อมแล้วใช่ไหม” ผมหันไปถามพร้อมรอยยิ้ม
“เอท้องอะดิ ไม่แต่งก็คงไม่ได้แล้วมั้ง” เอก้มหน้าพูด
“ถามจริง” ส่วนผมถามย้ำในสิ่งที่ได้ยินมา เพราะผมไม่มั่นใจว่าตัวเองหูฝาดไปรึเปล่า
“ใช่ไง ตกลงเราแต่งงานกันนะ”
“แต่งสิ แต่งเลยเดี๋ยวยิมให้แม่จัดการทุกอย่างให้นะ” ผมวางของในมือแล้วเดินมาโอบกอดเธอด้วยความดีใจ ในที่สุดเธอก็จะมาเป็นคนของผมแบบเต็มตัว
และยังตั้งท้องลูกของผมอีกต่างหาก...
“แกมั่นใจได้ยังไงว่าเด็กในท้องเป็นหลานฉัน” พ่อของผมถามเสียงแข็ง
ผมเลือกที่จะคุยกับครอบครัวในเวลาที่ร้านปิด และเอก็กลับแล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องทำงาน
“มั่นใจสิครับ ยังไงผมก็จะแต่ง ผมรับผิดชอบในการกระทำของผม และผมก็รักเธอมาก” ผมยืนกราน
“แต่แม่...”
“แม่ครับ ยิมรักเอ ยิมรักเอมาก ยังไงยิมก็จะแต่งกับเอ แม่ก็เคยเอ็นดูเอมากไม่ใช่เหรอครับ” ผมรีบพูดแทรกแม่
“ก็นั่นมันก่อนที่พวกฉันจะรู้เรื่องทราม ๆ ของผู้หญิงคนนั้นไง” พ่อของผมสวนกลับแทนแม่
“นั่นคนรักของผมนะพ่อ และเธอก็กำลังตั้งท้องหลานพ่ออยู่” ผมเผลอขึ้นเสียงกับพ่อ
“เอาล่ะ เอาล่ะ พอเถอะคุณ ในเมื่อลูกรักผู้หญิงคนนั้น ก็ปล่อยลูกทำเถอะ ถือซะว่าความสุขของลูก” แม่ของผมรีบห้ามปราม
“เหอะ ฉันเลี้ยงแกยังไงฮะ ทำไมแกถึงควายได้ขนาดนี้!” พ่อตะโกนลั่นบ้านก่อนจะเดินขึ้นห้องไป
“พ่อก็แค่เป็นห่วงยิมน่ะ อย่าถือสาพ่อเขาเลย วางแผนงานอะไรยังไงก็บอกแม่มานะ ส่วนชุดแต่งงานก็เอาร้านน้าแจ๋มเพื่อนแม่นั่นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปคุยกับน้าแจ๋ม แม่ขึ้นไปคุยกับพ่อก่อนนะ” แม่ของผมเดินมาแตะที่ไหล่ของผมก่อนจะเดินขึ้นห้องไป
เหลือผมที่นั่งอยู่แค่คนเดียว
ผมคิดว่าผมทำถูกนะ
ผมเชื่อว่าเด็กในท้องเป็นลูกผม
ผมคิดว่าเอคงไม่เลวขนาดหลอกเรื่องเด็กได้หรอกมั้ง…
“ไม่หน้าด้านไปหน่อยเหรอวะ” นี่เป็นเสียงไอ้แจงที่พูดขึ้นมา และไอ้แจงมันกำลังพูดกับว่าที่เจ้าสาวของผม
วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนที่ร้านเหล้า ก็เลยพาเอมาด้วย พร้อมกับบอกเพื่อน ๆ ในกลุ่มว่าเราจะแต่งงานกัน
เอขอออกมาสูดอากาศข้างนอก ผมก็ให้ออกมา แต่รู้สึกแปลก ๆ ตรงที่ไอ้แจงมันบอกขอมาเข้าห้องน้ำ แล้วมันหายมานาน ผมก็เลยเดินออกมาตามหาเอ เพราะกลัวไอ้แจงมันจะปากเสียและลงมือทำร้ายเอ
ผมคิดว่าผมไม่ได้คิดไปเอง เพราะสายตาที่ไอ้แจงมันมองเอตอนอยู่ในร้านไม่ได้มีความเป็นมิตรเลย
“หน้าด้านอะไร พูดให้มันดี ๆ นะแจง แล้วใครกันแน่ที่หน้าด้าน” เอพูดขึ้น ซึ่งตอนนี้ผมยังไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งสอง
“ใครด้านกูไม่รู้ แต่ที่กูรู้คือมึงควรเลิกกับไอ้ควายยิมได้แล้ว เลิกหลอกมันสักที มึงไม่มีหัวใจบ้างหรือไง มึงไม่สงสารมันบ้างเหรอ มันดีกับมึงมาตลอด ยอมให้มึงหลอกมาตลอด ทำไมมึงไม่สงสารมันบ้าง ยกเลิกงานแต่งงานซะ” จู่ ๆ ไอ้แจงก็พูดเรื่องที่ทำร้ายจิตใจผมมากที่สุด
มันกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงวะ ในเมื่อมันก็รู้ว่าผมรักเอมากแค่ไหน
“อย่ามาเสือกแจง นี่มันเรื่องของกูกับยิม เป็นแค่เพื่อนอย่าเสร่อ ถ้าจะเตือนเพื่อนก็ควรเตือนตั้งนานแล้ว อย่ามาหวงก้างตอนนี้ เพราะกูเอากับยิมมาหลายปีแล้ว และยิมมันรักกูมาก มึงควรตัดใจจากผู้ชายคนนี้ตั้งนานแล้วนะ คงไม่ต้องให้กูสาธยายนะว่าเอากี่ท่าต่อกี่ท่า เพราะกูจำไม่ได้”
“มึงแม่งทำแบบนี้ได้ไงวะ มึงดึงไอ้ควายยิมมาเกี่ยวทำส้นตีนอะไร มึงไม่แฟร์”
“แล้วทำไม ทำไมจะดึงไม่ได้ เจ็บเหรอแจง เหอะ! หลายปีที่ผ่านมากูก็เคยเจ็บ แต่คงเจ็บน้อยกว่ามึงตอนนี้ว่ะ ขอโทษนะ ผู้ชายคนนี้มันโง่เอง”
“อีเหี้ย!”
“ทำเหี้ยอะไรเมียกูแจง” ผมรีบเดินเข้าไปจับมือที่กำลังง้างจะฟาดลงที่หน้าของเอไว้
“กูก็จะตบมันไง” ไอ้แจงมันพยายามดึงมือออกจากมือผม
“แล้วมีสิทธิ์เหี้ยอะไรมาตบมาเมียกู” ผมสะบัดแขนไอ้แจงออกแล้วหันไปมองมันตาขวาง