หลังจากวันนั้นนับดาวก็ไม่ได้เจอเก้าทัพอีกเลย หรือพรหมลิขิตจะไม่มีอยู่จริง ๆ กันนะเด็กสาวได้แต่คิดถึงเขาอย่างเศร้าใจ ตอนนี้นับดาวมาทำงานที่ผับของขุนพลได้เกือบสองเดือนแล้วซึ่งรายได้ในแต่ละวันรวมทิปด้วยทำให้ตอนนี้นับดาวมีเงินเก็บเกือบสี่หมื่นบาท อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนสดใสร่าเริงยิ้มง่ายทำให้พี่ ๆ ที่มาเที่ยวต่างพากันรู้สึกเอ็นดูเธอเป็นพิเศษจึงพากันเปย์ทิปให้เธอเยอะทีเดียวในแต่ละคืน
แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้โชคดีเหมือนเฉกเช่นทุกวัน...
“อะนับนี่ของโต๊ะเก้า”
พี่คิวพนักงานจัดชุดเหล้าในร้านยื่นถังน้ำแข็งกับเหล้าราคาแพงให้นับดาวที่รับมาอย่างแข็งขัน เด็กสาวรีบเดินไปยังโต๊ะหมายเลขเก้าตามที่คนพี่บอก โต๊ะตรงนั้นล้วนมีแต่ชายฉกรรจ์พลันให้หญิงสาวหยุดชะงักเพราะผู้ชายที่นั่งล้อมรอบโต๊ะแต่ละคนดูไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไร แต่เมื่อคิดได้ว่ามันคืองานเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจแล้วเดินนำถังน้ำแข็งกับเหล้าไปวางเอาไว้บนโต๊ะก่อนที่จะรีบปลีกตัวออกมาทันที
แต่เพียงแค่หันหลังเพื่อที่จะเดินจากมามือที่หยาบกระด้างของใครบางคนก็ฉุดข้อมือของเธอเอาไว้จนนับดาวถึงกับเซไปปะทะที่ตัวของผู้ชายคนนั้นด้วยความไม่ทันระวังทันที
“จะรีบไปไหนจ๊ะน้องสาว คืนนี้สนใจไปต่อกับพี่ไหมจ๊ะ”
ผู้ชายที่กระชากข้อมือของนับดาวยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูหอมกรุ่น นับดาวพยามย่นคอหนีด้วยความหวาดกลัวจับใจกับสถานการณ์ที่เธออยากหลีกหนีออกไปให้ไกล ปกติแล้วแทบไม่ค่อยจะมีใครกล้าทำรุ่มร่ามกับบรรดาเด็กเสิร์ฟสาว ๆ เพราะที่ร้านมีกฎว่าห้ามแขกลวนลามพนักงานในร้านอย่างชัดเจน
คำสั่งเฮียขุนพลใครก็ห้ามขัดแต่กลับใช้ไม่ได้กับผู้ชายที่กำลังจับมือเธอเอาไว้แน่นจนยากที่เธอจะสะบัดหลุดออกโดยง่าย
“ปล่อยหนูนะคะพี่” เสียงเล็กของนับดาวร้องบอกพี่ผู้ชายหน้าหล่อคนหนึ่งที่กำลังจับแขนเธอไว้ไม่ยอมปล่อยด้วยความกลัวปนขยะแขยง ดวงตากลมโตพยายามสอดส่ายมองหาพี่ ๆ ที่อยู่ไกลออกไปเพื่อจะร้องขอให้ช่วย แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับนับดาวเลยสักนิด
“จะเล่นตัวไปทำไมวะ ขายเท่าไรว่ามา”
ตะวันจับแขนสาวน้อยที่มาเสิร์ฟน้ำแข็งเขาเอาไว้แน่น ตัวเล็ก ๆ ผิวขาวผ่องโคตรน่ารักเลย วันนี้เขาต้องได้เธอไปนอนกอดสักคืน ยิ่งได้สูดกลิ่นกายหอม ๆ ความปรารถนาในกายก็พุ่งขึ้นจนยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้กระทำการลวนลามสาวน้อยคนนี้ได้ทั้ง ๆ ที่กฎของผับก็ระบุชัดเจนว่าห้ามลูกค้าลวนลามพนักงานเสิร์ฟสาว ๆ ภายในร้านเด็ดขาด
“หนูไม่ได้เล่นตัวนะคะ แต่หนูมาทำงานหาเงิน ปล่อยเดี๋ยวนี้นะบอกให้ปล่อย” นับดาวพยายามสะบัดแขนตัวเองออกจากมือใหญ่ แต่สะบัดอย่างไรก็ไม่หลุดสักที เพราะมือที่จับเธอไว้นั้นแน่นราวกับคีมเหล็ก รู้สึกเจ็บระบมที่ข้อมือเล็กจนน้ำตาแทบไหล เพราะพี่ผู้ชายคนนี้จับมือเธอเอาไว้แน่นโดยที่ไม่ถนอมเลยสักนิด
“หมื่นนึงเอาไปเลยสำหรับคืนนี้” ตะวันแสยะยิ้มก่อนจะเสนอราคาให้สาวน้อยตรงหน้าด้วยค่าตัวที่สูงมาก ทำมาเป็นขัดขืนจะโก่งราคาค่าตัวหรือไงวะ รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับท่าทางของเด็กสาวที่พยายามขัดขืนดึงมือเล็กนุ่มนิ่มออกจากมือใหญ่ของเขา
“จะกี่บาทก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละค่ะ หนูมาทำงานไม่ได้มาขายตัว”
นับดาวตะโกนใส่หน้าตะวันก่อนที่จะสะบัดออกจนมือขาวของเธอแดงเถือกไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หลุดจากพันธนาการที่น่าขยะแขยงนี้สักที
“หึ กะหรี่อัปเกรดเหรออีหนู”
ทุกประโยคของหนุ่มสาวของทั้งสองคนดังไปกระทบโสตประสาทของใครบางคนที่นั่งดื่มอยู่ข้าง ๆ เพียงแค่โซฟากั้น พอจบประโยคนั้นของตะวันเก้าทัพที่ลุกเดินมาถึงพอดีก็ฟาดขวดเหล้าลงไปที่หัวของอีกฝ่ายเต็มแรง เขาแอบฟังอยู่นานแล้วในเมื่อผู้หญิงเขาไม่ยินยอมก็ปล่อยเขาสิ ไม่ใช่มาพูดจาเหี้ย ๆ ใส่เขา
เพล้ง
เสียงขวดเหล้าฟาดลงบนหัวตะวันเต็มแรงจนแตกกระจาย หัวเขาแตกเลือดไหลอาบใบหน้าเต็มไปหมด ทำเอาตะวันรีบปล่อยมือสาวน้อยที่เขาจับเอาไว้ทันที มือใหญ่เปลี่ยนมากุมหัวเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด ส่วนเพื่อนที่มาด้วยกันรีบกรูเข้ามาดูทันทีที่เพื่อนโดนฟาดจนเลือดอาบ
“โอ๊ย ไอ้เหี้ยมึงเป็นใครกล้าดีอย่างไรมาตีกู” ตะวันตะโกนร้องด่าผู้ชายตรงหน้าที่อยู่ ๆ ก็เดินมาตีหัวเขาเสียงดังลั่นร้านทำเอาคนที่นั่งแถวนั้นต่างพากันมองมาอย่างให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ผู้หญิงเขาไม่ยอม มึงไม่ควรบังคับเขานะ”
เก้าทัพค่อย ๆ ดึงมือนุ่มนิ่มของเด็กสาวให้มาหลบที่หลังของตัวเองโดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยสักนิดว่าผู้หญิงที่กำลังก้มหน้าอยู่คือนับดาวก่อนที่เขาจะใช้สายตาคมดุมองตะวันอย่างพร้อมที่จะฟาดต่อ ได้นะเขาไม่ติดพร้อมเสมอกับพวกหน้าตัวเมียที่ชอบรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ผู้หญิงเป็นเพศแม่พวกมันไม่สมควรมารังแกหรือตอแย
“แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วยไอ้เวร” ตะวันตะโกนด่าแสกหน้าเก้าทัพด้วยความโมโห เก่งนักรึไงรู้จักไอ้ตะวันคนนี้น้อยไปเสียแล้ว
“พวกมึงจัดการมัน” ตะวันร้องสั่งเพื่อนที่มาด้วยกันให้จัดการเก้าทัพก่อนที่เพื่อนของตะวันทั้งสี่คนจะลุกขึ้นเตรียมจัดการเก้าทัพ แต่เก้าทัพกลับควักปืนที่เหน็บเอวขึ้นมาจ่อไปที่มันทั้งสี่คนจนพวกมันหยุดชะงักไปในทันที
“พวกมึงเข้ามากูยิง ลองไหม” เก้าทัพแสยะยิ้มร้ายให้เพื่อนตะวันทั้งสี่คนรวมถึงลากสายตาดุ ๆ กลับมามองตะวันอย่างท้าทาย เก้าทัพพกปืนไปไหนมาไหนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะเขาคือลูกชายมาเฟียใหญ่แถมยังมีพี่เขยเป็นมาเฟีย รอบ ๆ ตัวเขาเต็มไปด้วยศัตรูในที่มืดที่เขามองไม่เห็นทั้งนั้น
“กูกำลังคันมือพอดี มึงเลือกเอาจะไปจากที่นี่แบบครบสามสิบสองประการหรือเหลือแต่วิญญาณเฝ้าผับ”
เก้าทัพเอ่ยบอกฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับมือที่เตรียมจะลั่นไกใส่ แต่ตะวันก็ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ในทันที สู้คนที่ไม่มีอาวุธตะวันพร้อมกระทืบสุดใจ แต่ให้สู้กับคนที่กำลังเตรียมลั่นไกเขาขอยอมศิโรราบแต่โดยดี
“โอเค ไป...กูไปแล้วไม่อยู่แล้ว ไปเว้ยพวกมึง” ตะวันบอกเก้าทัพด้วยความกลัวสายตาคมกริบที่มองมายังเขาบอกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาและเขาไม่ควรไปต่อกรด้วย เมื่อพวกมันไปหมดแล้วนับดาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลังก็เอ่ยขอบคุณคนใจดีเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
“ขอบคุณนะคะพี่ที่ช่วยหนู”
เสียงเล็กที่สั่นด้วยความกลัวบอกขอบคุณอีกฝ่าย น้ำเสียงนี้ช่างคุ้นเคยนักในความรู้สึกของเขา แต่เก้าทัพกลับคิดไม่ออกว่าเจ้าของน้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้คือใครกัน เขาไม่พูดตอบอะไร แต่กลับหันหลังไปมองสาวน้อยที่ก้มหน้าลงด้วยความกลัว
“คราวหน้าระวังตัวด้วยนะ คิดจะทำงานในที่อโคจรเธอต้องรู้จักเอาตัวรอดให้เป็นนะรู้ไหมสาวน้อย ส่วนค่าเสียหายเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เสียงนุ่มทุ้มบอกนับดาวก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งที่เดิมส่วนนับดาวได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างไปอย่างรู้สึกขอบคุณผู้ชายที่เธอเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง ผู้ชายตัวหอมที่เดินห่างออกไป แต่กลิ่นหอมยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกของเธอไม่จางหาย
เธอจะจำเขาเอาไว้ไม่มีวันลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเขาเคยช่วยเธอถึงจะไม่เห็นหน้าเขาชัดก็เถอะ หน้าสวยหวานยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเก็บกวาดโต๊ะอย่างมีความสุข
อย่างน้อยชีวิตที่อาภัพของเธอก็ยังมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้น หัวใจดวงน้อยรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่จะรีบเก็บกวาดโต๊ะให้สะอาดเรียบร้อยแล้วกลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อ
“แม่ง อย่างโหดว่ะไอ้เก้า มึงจะเฟียร์สไปไหนวะ” พอร์ชเอ่ยแซวเพื่อนยิ้ม ๆ เมื่อเก้าทัพเดินกลับมาที่โต๊ะ ความเฟียร์สของเก้าทัพไม่เคยมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัวเพื่อนเขาก็ตีหัวคนเลือดอาบไปแล้ว
“ขัดลูกตาฉิบหายว่ะ แม่งพวกเหี้ยเดนสังคม” สบถคำหยาบใส่เพื่อนก่อนที่จะหยิบแก้วเหล้าที่ชงค้างไว้ขึ้นมาดื่มดับความหัวร้อน แม้ว่างานอดิเรกของเขาคือการทำขนมที่ช่วยให้เขาเป็นคนใจเย็นในระดับหนึ่ง แต่มันไม่ได้ทำให้เขาหายหัวร้อนได้เลยสักนิด
สาวน้อยคนนั้นน่าสงสารชะมัด
“ถ้ามันพร้อมวอร์มึงจะทำไงวะกูถามจริง” ดาร์คถามเพื่อนด้วยความจริงจัง เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าพวกมันไม่กลัวเก้าทัพจะทำอย่างไร คำถามของเพื่อนทำเอาเก้าทัพแสยะยิ้มมุมปากน้อย ๆ ก่อนที่จะพูดออกไปโดยไม่หยุดคิดเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ยิงทิ้งไง ไม่เห็นยากเลย” บอกเพื่อนเสร็จก็กระดกเหล้าที่เหลือเข้าปากจนหมดแก้วก่อนจะลุกขึ้นหยิบเงินออกมาปึกหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ
“ฝากเคลียร์ค่าเสียหายที กูกลับบ้านก่อนนะ วันนี้กูนอนบ้านเดี๋ยวแม่ขาของกูจะรอนาน พอดีน้าอ้อยฝากขนมมาให้แม่ด้วย บายเพื่อนเลิฟ”
เก้าทัพส่งจูบให้เพื่อนสนิททั้งสอง ทิ้งให้ดาร์คกับพอร์ชขนลุกเบา ๆ กับการกระทำนั้น ส่วนเก้าทัพหัวเราะออกมาน้อย ๆ ก่อนจะเดินจากไป นับดาวที่มาแอบมองเพื่อที่จะรอเจอหน้าผู้มีพระคุณถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เพราะผู้ชายที่ลุกเดินจากโต๊ะไปก็คือพี่ชายใจดีของเธอ...พี่เก้าทัพ
ใบหน้าสวยหวานยิ้มกว้างออกมาด้วยความรู้สึกดีใจที่พรหมลิขิตที่เธอเฝ้ารอคอยในที่สุดก็เกิดขึ้นจริง ผู้ชายที่เธอคอยเฝ้าคิดถึง คนที่เธอคะนึงหาในที่สุดเขาก็มาให้เธอได้เจออีกครั้ง
รักแรกพบของเธอพี่เก้าทัพ