“อ๋อ...เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ รับรองว่าหนูพยายามเต็มที่แน่ๆ” น้ำเสียงเชื่อมั่นของเธอเรียกรอยยิ้มจากชายวัยกลางคนได้เป็นอย่างดี และนั่นก็ทำให้ร่างบางรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อยที่ชายตรงหน้าเธอนั้นไม่ได้ดุอย่างที่เขาแสดงออกในตอนแรก
‘มิน่าล่ะ พี่เนเธอร์ถึงได้บอกว่าอาจารย์โลแลนน่ะใจดี’ หญิงสาวคิดพลางส่งยิ้มออกมาบ้าง น่าแปลกที่รอยยิ้มของโลแลนนั้นแฝงไปด้วยความอบอุ่นที่ทำให้เธอรู้สึกโหยหา แต่เธอก็ไม่รู้เหมือนกับว่าสิ่งที่เธอโหยหานั้นคืออะไร แล้วเกิดขึ้นได้อย่างไร
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะส่งเอกสารการแก้ไขชื่อของเธอให้กับคุณมาเรีย แล้วให้เธอพาไปยังลานน้ำพุอีกครั้งเพื่อแจ้งชื่อและรับตารางการเข้ารับการทดสอบเข้าเรียน รวมไปถึงประวัติคร่าวๆของฟราเทลเลียส”
คราเทลหันไปสบตากับมาเรียเล็กน้อย ซึ่งเธอก็พยักหน้าส่งให้ด้วยสีหน้าเจ้าระเบียบเช่นเคย
“ค่ะ...เอ่อ...ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงเอ่ยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีสุภาพ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวพ้นประตูออกไป เสียงของเจ้าของห้องก็หยุดเธอเอาไว้
“เธออายุเท่าไหร่แล้ว”
“สิบเจ็ดค่ะ” คราเทลตอบอย่างฉะฉานในขณะที่เจ้าตัวนั้นหันไปมองโลแลนด้วยแววตาเป็นคำถามว่าเขาถามเธอทำไม
“อืม...สิบเจ็ดปีแล้วสินะ” ชายวัยกลางคนรำพึงกับตนเองเบาๆ จากนั้นก็ส่งสัญญาณมือให้มาเรียพาหญิงสาวออกจากห้องแล้วพาไปยังบริเวณลานน้ำพุตามที่เขาเคยพูดเอาไว้
ปัง!
เสียงประตูที่ปิดลงส่งผลให้เขาถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนแรงพลางนึกไปถึงใบหน้าของนักฆ่าซึ่งเป็นสหายเก่าของเขา
“อยากให้ฉันเจอหน้าถึงขนาดลงทุนแกล้งทำเป็นเขียนชื่อนำหน้าผิดเชียวหรือ....ฟีเรียส?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาเมื่อรู้ว่าคำถามของเขาคงไม่มีทางส่งไปถึงเพื่อนที่อยู่แสนไกลได้ หน้าที่ของเขาในตอนนี้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว บางที....เรื่องระหว่างเขากับคราเทลคงจะต้องรอไปก่อน
ชายวัยกลางคนเจ้าของนัยน์ตาสีเสียวแก่ปิดลงตาช้าๆราวกับว่ากำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งเพื่อเตรียมจะสะสางงานของตนเองที่ค้างคาอยู่ให้เสร็จเพื่อรองานใหม่ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้...
“คราเทล”
เสียงเรียกของเนเธอร์และเอสตาร์ที่ดังขึ้นพร้อมกันเรียกรอยยิ้มจากคราเทลที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องทำงานของครูใหญ่แห่งฟราเทลเลียสได้เป็นอย่างดี
“เรียกชื่อฉันพร้อมกันแบบนี้ แสดงว่าเข้ากันได้แล้วสินะ” น้ำเสียงสบายๆของยัยตัวแสบส่งผลให้แววตาของเนเธอร์เปลี่ยนกลายเป็นแววตาขุ่นเคืองอย่างรวดเร็ว ผิดจากเมื่อครู่นี้ซึ่งเป็นแววตาของความเป็นห่วงลิบลับ
“หึ” เนเธอร์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะรีบเก็บอาการไม่พอใจของตนเองทันทีเมื่อหญิงวัยกลางคนเบือนสายตาไปมองด้วยแววตาปรามๆ
“กรุณาเดินตามฉันมา” น้ำเสียงราบเรียบออกแนวเชิดหน่อยๆส่งผลให้หนุ่มสาวทั้งสามคนพยักหน้ารับ จากนั้นก็รีบเดินตามร่างระหงที่เดินนำไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับจะบอกว่าเวลาสำหรับเธอนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต!
ร่างของพวกเธอที่เดินออกมาจากอาคารหลังสีขาวกลายเป็นจุดสนใจของบรรดาผู้ที่เดินทางมาแจ้งรายชื่อทันทีเมื่อพวกเธอพ้นออกมาจากประตูบานใหญ่ของอาคารอเนกประสงค์มาแล้ว
สายตานับร้อยคู่จ้องมองมาด้วยแววตาที่แตกต่างกันไป แต่คนที่โดนเพ่งเล็งมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นหญิงสาวเจ้าของดวงหน้าหวานซึ่งมีดวงตาสีอเมทิสต์กลมโตที่เดินไปยิ้มไปโดยไม่สนใจสายตาของใครมีมองมาเลยแม้แต่น้อย
มาเรียพาพวกเธอมายังโต๊ะตัวหนึ่งก่อนจะยื่นกระดาษที่โลแลนฝากเอาไว้ให้กับหญิงสาวที่นั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะนั้นในขณะที่พวกเธอทำเพียงแค่ยืนมองดูเฉยๆเท่านั้น
“อ้าว! เอสตาร์...”
“มาอยู่ที่นี่เองเหรอ?”
เสียงที่เดาก็รู้ว่าเป็นเสียงของผู้ชายสองคนดังตามกันอย่างไม่คาดช่วงราวกับว่าพวกเขานัดกันมาดังมาจากข้างหลัง
“ขอโทษทีนะ” เสียงของเอสตาร์ที่ดังตอบไปส่งผลให้หญิงสาวต้องหันไปมองผู้ที่มาเรียกเขาด้วยอย่างช่วยไม่ได้
ชายหนุ่มสองคนที่มาทักเอสตาร์นั้นทำให้เธอถึงกับสะดุ้งออกมาอย่างตกใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าพวกเขาสองคนนั้นมีใบหน้าที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน!
คนแรกเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมบางพอๆกับเธอ ส่วนสูงนั้นอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้า ผมและดวงตาสีน้ำตาลแลดูอบอุ่น ผิวสีขาวและรอยยิ้มที่สดใสซึ่งมอบให้กับเธอที่เพิ่งได้เจอกันเป็นครั้งแรกทำให้บรรยากาศโดยรอบดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเห็น
ส่วนคนที่สองนั้น ดูผิวเผินแล้วเขาก็มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับชายหนุ่มคนที่สองทุกประการ เสียแต่ว่าผิวของเขาเป็นสีแทนและผมของเขาเป็นสีทอง อีกทั้งแววตาของเขาออกจะเป็นแววขี้เล่นมากกว่าแววตาอบอุ่นของคนแรกที่เธอสังเกต และเมื่อลองสังเกตดูดีๆก็จะพบว่าเขาสวมต่างหูสามอันอยู่ที่หูด้านซ้าย
“พวกนายเป็นฝาแฝดงั้นเหรอ?” คราเทลเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะปกติแล้วในทราวิลเลียนนั้นไม่มีเด็กฝาแฝดให้เห็นนัก แทบจะเรียกได้ว่าเป็นของหายากเลยทีเดียวที่จะเจอสักคู่
“ใช่แล้ว...ว่าแต่ เธอเป็นเพื่อนกับเอสตาร์เหรอ” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลพูดพลางเลิกคิ้วส่งให้กับเอสตาร์เป็นเชิงถาม
“คราเทล เรเมอร์ ส่วนทั้งสองคนนี้ก็คืออาร์คและเอวิว ลีเฮนดา” ชายหนุ่มพูดพลางผายมือไปที่หญิงสาว ต่อด้วยชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลและสีทองตามลำดับเพื่อแนะนำให้ต่างฝ่ายได้รู้จักกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคราเทล ฮู้ว! หน้าหวานชะมัดเลย” อาร์คยื่นมือมาจับมือของเธอพร้อมกับเขย่าเบาๆ จากนั้นก็ส่งมือของเธอต่อให้กับเอวิว
“นั่นสิ! นี่ถ้า....”
“แอะแฮ่ม”
เสียงไอของเนเธอร์ที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะของสองฝาแฝดส่งผลให้พวกเขาเงียบปากอย่างรวดเร็ว จากนั้นอาร์คก็เริ่มเปิดประเด็นอื่นขึ้นมาอย่างแนบเนียน
“ว่าแต่เธอลงภาคอะไรเหรอ”
“ฉันไม่ได้ลงเองหรอก พ่อลงคริสตัลให้น่ะ” คราเทลตอบพลางนึกเคืองผู้เป็นพ่อไม่ได้ที่ดันมาหาปัญหาให้เธอแก้ไขซะนี่ แต่ก็โชคดีที่เรื่องต่างๆมันถูกแก้ไขสำเร็จไปด้วยดี
“แย่จังแหะ เอสตาร์ก็ลงคริสตัลเหมือนกัน ส่วนฉันกับอาร์คก็ลงเวอร์ริเออร์กันทั้งคู่เลย” เอวิวเอ่ยพลางเบ้ปากส่งให้อาร์คราวกับจะบอกเป็นนัยๆว่ามันคือความผิดของอาร์คเสียอย่างนั้น
โป๊ก!
“ให้มันน้อยๆหน่อย! แกเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นพี่ ให้ตัดสินใจเรื่องนี้เองน่ะ” คนที่ถูกกล่าวหาจัดการสำเร็จโทษผู้เป็นน้องชายด้วยการถวายหมัดลงบนศีรษะทุยๆของเอวิวด้วยความหมั่นไส้
“ฮ่าๆ เอาเถอะ! พอถึงพรุ่งนี้ก็พยายามกันให้เต็มที่เถอะนะ”
เสียงใสที่เอ่ยออกมาส่งผลให้ทุกคนพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่มาเรียจะเดินมาส่งข้อมูลการสอบที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ให้พวกเธอ แต่น่าแปลกที่ทุกคนต่างก็ชวนกันคุยจนไม่คิดที่จะก้มลงมองแผ่นกระดาษในมือเลยแม้แต่น้อย....