ตอนที่ 4.1 : ข้อมูลของฟราเทลเลียส

2220 Words
ตอนที่ 4 : ข้อมูลของฟราเทลเลียส “โอ้โห! นี่มันบ้านคนหรือรังหนูกันแน่เนี่ย กลิ่นเหม็นอับนี่โคตรฉุนเลย” คราเทลเอ่ยพลางบีบจมูกของตนเองแล้วหันไปมองพี่ชายของตนเองก็ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแววตาขวางๆ รู้ทั้งรู้ว่าเธอจะมาอาศัยอยู่ด้วย แต่กลับไม่ยอมเก็บกวาดห้องแบบนี้เนี่ยนะ!! “ก็พี่รู้ว่ายังไงยัยน้องสาวสุดที่รักก็ต้องมาช่วยจัดห้องให้พี่อยู่แล้วนี่นา” “เฮ้อ!” พฤติกรรมที่ยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแม้ว่าจะผ่านมานานกว่าสองปีของผู้เป็นพี่ชายส่งผลให้คราเทลส่ายหน้าอย่างระอาโดยไม่ลืมที่จะพูดส่งท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านเช่าของพี่ชายซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนวิวเซนท์ที่เป็นย่านการค้าของเดแฮมเบลว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอค่าจ้างเป็นเสื้อผ้าสักห้าหกชุดก็แล้วกันนะ” “ฮะ...เฮ้ย! มันจะมากไปหน่อยมั้งคราเทล!!” เนเธอร์อ้าปากค้างอย่างตกใจก่อนจะล้วงดูเงินของตนเองในกระเป๋าขึ้นมาดูแล้วถึงกับหน้าซีด ‘สงสัยต้องไปเบิกเงินที่ธนาคารอีกแล้วมั้งเนี่ยเรา’ ชายหนุ่มคิดพลางปาดเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นตามใบหน้าของตนเองอย่างปลงๆ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในบ้านเพื่อดูการทำความสะอาดที่ฉับไวด้วยการปัดกวาดเช็ดถูตามที่ต่างๆของผู้เป็นน้องสาวที่มักจะต้องทำหน้าที่คอยจัดบ้านให้พ่อกับแม่ที่ทราวิลเลียเป็นประจำทุกเดือน และนี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะหาความเป็นกุลสตรีจากน้องสาวคนนี้ได้! “อ่ะ!” เพียงเวลาไม่นาน ถุงขยะใบใหญ่ก็ถูกยื่นส่งให้เขาในสภาพที่ถูกมัดถุงอย่างเรียบร้อยก็ถูกส่งให้กับเนเธอร์ในขณะที่ห้องของเขานั้นสะอาดเอี่ยมอ่องราวกับเพิ่งจ้างแม่บ้านชั้นยอดมาทำความสะอาดยังไงยังงั้น เนธอร์รับถุงมาจากน้องสาวอย่างว่าง่าย พลางมองดูบ้านสองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ที่ถูกทำความสะอาดเสียจนดูน่าอยู่ขึ้นอีกเป็นกอง ฝ่ายคราเทล หลังจากที่เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดทั้งหลายแหล่เสร็จแล้วจึงสามารถมองดูบ้านที่ชายของเธอเช่าได้อย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น สีของบ้านหลังนี้ถูกทาด้วยสีขาวซึ่งเต็มไปด้วยรอยหมองและคราบน้ำเนื่องจากถูกสร้างขึ้นมานานพอสมควร หลังคาทรงสี่เหลี่ยมที่ยอดเป็นมุมป้านนั้นเป็นสีน้ำตาลแก่ ตอนนี้หญิงสาวได้ทำความสะอาดแต่เพียงด้านล่างซึ่งมีห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องอาหารและห้องรับแขกเท่านั้น ส่วนชั้นบน หญิงสาวคาดว่าคงจะเป็นห้องนอนประมาณสองสามห้องได้โดยคาดคะเนจากความกว้างขวางที่มีมากพอสมควร “บ้านที่นี่ใหญ่ดีนะพี่ อย่างนี้ฉันคงจะมาอยู่ด้วยได้สบายๆเลย” หญิงสาวเท้าสะเอวมองดูบ้านหลังใหญ่ในขณะที่เนเธอร์นั้นเดินไปเก็บกระเป๋าเดินทางของหญิงสาวภายในบ้าน “เอ่อ....คราเทล พี่มีอะไรจะบอก” คำพูดของเนเธอร์ส่งผลให้ผู้เป็นน้องสาวขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินตามพี่ชายของตนเองเข้าไปด้านใน “มีอะไรเหรอ” เสียงใสถามอย่างใคร่รู้ ในขณะที่สีหน้าของชายหนุ่มดูจะเครียดมากขึ้นกว่าเดิม “คือ ที่ฟราเทลเลียสน่ะ...ปีหนึ่ง เขาบังคับให้ต้องนอนที่หอ” ตึง!! ราวกับว่ามีใครบางคนเอาค้อนมาทุบที่หัวของเธอเข้าอย่างจัง! คราเทลถึงกับนิ่งเงียบไปสักพักใหญ่ๆจนผู้เป็นพี่ชายรู้สึกใจเสีย แต่แล้วไม่นาน เสียงโวยวายที่ดังมากพอเสียจนเขาต้องยกมือขึ้นมาปิดหูเอาไว้ทั้งสองข้างก็ดังตามมาติดๆ “ทำไมพ่อกับแม่ไม่บอกฉันเรื่องนี้!!!!” “โอ้ย! นี่เธอจะตะโกนเสียงดังทำไม” เนเธอร์กล่าวพลางพุ่งเข้ามาขยำหัวของเธออย่างเมามันส์ ส่งผลให้ร่างบางที่กำลังนึกฉุนผู้ปกครองทั้งสองถึงกับหายโกรธไปเสียสนิท แต่กลายเป็นอารมณ์เคืองๆที่พี่ชายเธอทำผมของเธอเสียทรงอีกจนได้ “พี่ว่าพวกท่านคงไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่บอกเธอหรอก พวกท่านอาจจะลืมก็ได้เพราะว่าพี่มาเรียนที่นี่ตั้งสองปีกว่าๆแล้วนี่” เนเธอร์กล่าวพลางผลักตัวของสาวของเขาเบาๆเพื่อให้เดินเข้าไปใกล้ๆกระเป๋าเป้สัมภาระของเธอที่วางอยู่บนโซฟาสีครีม “รีบไปอาบน้ำซะ พี่จะได้พาไปหาอะไรกิน เดี๋ยวอีกไม่นานเพื่อนที่เช่าบ้านนี้ร่วมกับพี่ก็จะกลับมาแล้ว” เสียงห้าวส่งผลให้คราเทลเลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงน “พี่ไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้คนเดียวหรอกเหรอ?” “ไม่หรอก พอดีว่าเพื่อนของพี่คนหนึ่งเขาไม่มีบ้านอยู่ พี่ก็เลยให้เขามาอยู่ด้วยแล้วแชร์ค่าเช่าบ้านหลังนี้กับพี่คนละครึ่ง เอาล่ะ ไปอาบน้ำได้แล้ว” เขากล่าวพร้อมกับหยิบกระเป๋าของหญิงสาวขึ้นมาแล้วส่งเข้าสู่อ้อมกอดของคราเทลพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่ทั้งสองข้างเพื่อหมุนตัวให้หน้าของเธอหันไปทางประตูห้องน้ำซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนเท่าไหร่นัก “รับทราบแล้วค่า” คราเทลลากเสียงยานคางอย่างยั่วๆก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพราะเกรงว่าพี่ชายสุดที่รักของเธอจะแกล้งเธอโดยการทำผมของเธอเละอีก ปึง! เสียงประตูห้องน้ำที่ปิดลงเรียกเสียงถอนหายใจออกมาจากชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาล แต่ยังไม่ทันที่เขาจะทิ้งตัวลงนั่งลงบนโซฟาเพื่อรอน้องสาว เสียงเปิดประตูบ้านก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างของชายหนุ่มร่างสูงที่อายุเท่ากับเขาได้เดินเข้ามาในตัวบ้านด้วยเสื้อผ้าสีดำสนิทที่เขาชอบใส่เป็นประจำ โจเซฟ นาโดเรน ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเทาซอยสั้นและดวงตาสีดำสนิทซึ่งถูกสวมทับด้วยกรอบแว่นทรงสี่เหลี่ยมเสริมให้เขาเป็นชายหนุ่มที่แลดูสุขุม ยิ่งใบหน้าหล่อเหลาราวกับคุณชายนั้นทำให้เขาเป็นที่สนใจของสาวๆหลายคนในโรงเรียนแต่น่าแปลกที่เขากลับไม่สนใจใครที่ไหนเลย ส่วนสูงของเขานั้นอยู่ที่ประมาณ 182 ซม. ผิวสีขาวสะอาดอย่างกับกับน้ำนม แต่ด้วยรูปร่างที่มีมัดกล้ามทำให้เขาไม่ดูเปราะบางจนเกินไปเท่าไหร่นัก ดวงตาของโจเซฟจ้องมองเขานิ่ง ก่อนจะเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อนว่า “ทำไมอยู่ดีๆบ้านมันถึงได้สะอาดขึ้นมาจนน่าใจหายแบบนี้ล่ะเนี่ย นายเป็นคนทำเหรอเนเธอร์” โจเซฟถามพลางเดินเข้ามาใกล้ๆ “เปล่า” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนราวกับคนแก่ที่อายุประมาณเจ็ดสิบกว่าๆ ทั้งๆที่เนเธอร์เพิ่งจะอายุได้สิบเก้าปีแท้ๆ โจเซฟเบือนสายตาไปมองยังประตูห้องน้ำอย่างครุ่นคิด ก่อนที่แววตาราบเรียบนั้นจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นแววตาเจ้าเล่ห์ ในขณะที่เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาเบาๆว่า “นายมีแขกอย่างนั้นเหรอเนเธอร์” “น้องสาวของฉันเอง จะมาอยู่ที่นี่จนกว่าจะสอบเข้าฟราเทลเลียสได้” น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจนิดๆที่เห็นอีกฝ่ายนั้นเอาแต่มองประตูที่คราเทลเข้าไปอาบน้ำข้างใน แทนที่จะเป็นเขาที่นั่งคุยอยู่ตรงนี้ ‘ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านประตูนั้นเข้าไปข้างในได้อย่างนั้นแหละ’ ผู้เป็นพี่ชายคิดอย่างหงุดหงิดเนื่องจากเขาทั้งรักและหวงน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้ยิ่งกว่าพ่อและแม่ของเขาเสียอีก “อืม” เขาตอบด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อน แต่ดวงตาของเขากลับพราวระยิบราวกับได้พบกับของที่ถูกใจ ทั้งๆที่เขายังไม่ได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ “ถ้ายังไงแล้ว ฉันขอขึ้นไปข้างบนก่อนก็แล้วกัน ไม่อยากจะรบกวนเวลาของพี่น้องสักเท่าไหร่ ส่วนธุระของฉัน...ก็เอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน” คำพูดของเขาทำให้เนเธอร์มองเพื่อนคนนี้อย่างไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยถามข้อข้องใจเกี่ยวกับ ‘ธุระ’ นั้น โจเซฟก็เดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าเขาไม่ต้องการให้ชายหนุ่มได้สาวความต่อ ครึ่งชั่วโมงต่อมา คราเทลก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่สดชื่นกว่าตอนที่เธอเพิ่งเดินทางมาถึงที่นี่มาก ผมสีน้ำตาลแดงที่ยังเปียกอยู่หมาดๆส่งผลให้คราเทลต้องใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดมันให้แห้ง แต่การเช็ดผมที่รุนแรงจนเกือบจะถึงขั้นดึงทึ้งผมของตนเองทำให้เนเธอร์ไม่อาจจะนิ่งดูดายอีกต่อไป เขาถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างเหนื่อยใจก่อนจะเดินไปใกล้ๆผู้เป็นน้องสาวแล้วดึงผ้าขนหนูออกมาจากมือบาง คราเทลเงยหน้ามองเนเธอร์เล็กน้อยอย่างมึนงงว่าทำไมอยู่ดีๆเขาถึงแย่งผ้าขนหนูสีผ้าอ่อนออกไปจากมือของเธอ แต่แล้วร่างบางก็ได้คำตอบเมื่อเนเธอร์นั้นวางผ้าขนหนูลงบนศีรษะของเธอแล้วจัดการเช็ดผมให้อย่างทะนุถนอมและเบามืออย่างที่สุดเสียจนหญิงสาวไม่อยากจะเชื่อว่าคนโผงผางอย่างพี่ชายเธอจะนุ่มนวลเป็นกับเขาด้วย “ขอบคุณนะพี่” ยัยตัวแสบส่งยิ้มให้เนเธอร์ก่อนที่กระเพาะอาหารของเธอจะร้องประท้วงออกมาเสียงดังจนน่าเกลียด คร่อกก!! “ฮ่าๆๆ ไป! เดี๋ยวพี่จะพาไปกินร้านอาหารอร่อยๆไม่อย่างนั้นมีหวังเธอได้เป็นลมตายเพราะหิวแน่ๆ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับตบไหล่คราเทลเบาๆแล้วพาหญิงสาวเดินออกจากบ้านด้วยสีหน้าเป็นสุขเพราะดีใจเหลือเกินที่ได้เจอน้องสาวจอมป่วนคนนี้อีกโดยไม่ได้สนใจเลยว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองดูการกระทำของเขาที่มีต่อคราเทลอยู่ตรงบริเวณบันไดของบ้านที่ไม่น่าจะมีใครยืนอยู่ เนเธอร์พาหญิงสาวตรงไปยังถนนอีกสายหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ฟัลล์น่า’ ซึ่งถนนสายนี้เป็นถนนที่ถัดมาจากวิวเซนท์อีกหนึ่งสาย ฟัลล์น่านั้นขึ้นชื่อว่าเป็นถนนของกองทัพเลยก็ว่าได้ ซึ่งกองทัพที่ว่านี้ก็มาจากสำนวน ‘กองทัพต้องเดินด้วยท้อง’ นั่นเอง ดวงตาสีอเมทิสต์กวาดตามองถนนสายสีเทาอ่อนที่ตรงบริเวณทางเท้าซึ่งเป็นสีชมพูอ่อนนั้นเต็มไปด้วยร้านอาหารทั้งสองข้างทางจนคราเทลรู้สึกตาลายไปหมด ไม่รู้ว่าจะเลือกทานอาหารที่ร้านไหนดี “พี่เนเธอร์ พาฉันมาที่นี่กะจะให้ฉันตาหูลายไปมากกว่าเดิมหรือยังไง” คราเทลพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ พี่ชายของเธอก็ลากเธอไปยังร้านอาหารที่อยู่ใกล้ที่สุดซึ่งเป็นตึกสองชั้นสีขาวดูแล้วเรียบง่าย แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือเหล่าต้นไม้และดอกไม้ที่ถูกห้อยลงมาจากกำแพงและบริเวณหน้าต่าง เสริมให้ร้านแห่งนี้ดูอบอุ่นและสดชื่นยามเมื่อสีเขียวและดอกไม้สีสดนานาพรรณนั้นตัดกับกำแพงสีขาวของร้าน กริ๊ง… เสียงระฆังอันเล็กดังขึ้นเมื่อมือหนาของชายหนุ่มผลักประตูร้านให้เปิดออกแล้วพาน้องสาวของตนเองไปนั่งยังที่นั่งที่ดูเป็นส่วนตัวที่สุดในร้าน และแล้ว ความปวดหัวก็เข้ามาเล่นงานเนเธอร์อีกครั้งเมื่อเจอกับการสั่งอาหารแบบ ‘ล้นโต๊ะ’ ที่ไม่รู้ว่ายัยตัวแสบจะเอากระเพาะที่ไหนมายัดอาหารกว่าแปดอย่างเหล่านั้นได้หมด แต่คราเทลนี่สิ กลับตีสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ราวกับว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดไปเลยแม้แต่น้อย การทานอาหารเที่ยงนั้นดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ในตอนแรกนั้นหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงนั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารอยู่ท่าเดียว แต่พอหมดไปจานที่สองนั่นแหละ ใบหน้าหวานจึงได้เงยขึ้นมองหน้าพี่ชายของตนเองในขณะที่รออาหารจานที่สามมาเสิร์ฟที่โต๊ะโดยพนักงานชายที่แสนจะสุภาพ สมที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี “ว่าแต่โรงเรียนที่พี่เรียนอยู่มันเป็นยังไงเหรอ บอกตามตรงนะ ที่ฉันถูกสั่งให้มาเรียนที่นี่ก็เพราะว่าฉันหนีจากการแต่งงาน!” เคร้ง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD