ตอนที่ 7 ฉันถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวขโมย!/2

2367 Words
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ท่ามกลางสายตาของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังจางเยว่ฉิน กำลังยืนอยู่บริเวณทางเข้าออกของประตูเมืองฉางอาน ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพร้อมกวาดสายตาไปทุกทิศทาง แม่ทัพหนุ่มเริ่มกลับมาเป็นปกติหากแต่อาการจุกและเจ็บหน่วงๆ ตรงบริเวณหว่างขายังไม่ทุเลาลงเสียเท่าใดนัก พร้อมเสียงของทหารคนสนิทซึ่งคอยติดตามรับใช้อย่างใกล้ชิดเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพนั่งก่อนดีไหมขอรับ ยืนอยู่เช่นนี้จะทำให้อาการเจ็บหน่วงตรงหว่างขาปะทุขึ้นมาอีกได้จะไม่เป็นผลดีต่อตัวท่านหรือว่าจะให้ข้าน้อยไปตามหมอมาดูอาการ” ทหารรับใช้คนสนิทนามว่ากัวเหยียนไฉถามด้วยความเป็นห่วง ทว่าดูท่าท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังจะมิได้ฟังคำของคนสนิทแต่อย่างใด ด้วยเพราะภายในใจตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองและต้องการพบสตรีอาภรณ์ขาวเป็นยิ่งนัก “สตรีผู้นี้ช่างหาญกล้ายิ่งนัก..อีกทั้งยังมีวรยุทธ์ล้ำเลิศถึงขนาดทำร้ายท่านแม่ทัพผู้ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าไม่มีผู้ใดทัดเทียม แต่นี่นางกลับเล่นกระหน่ำเข้าจุดดวงใจของท่านแม่ทัพจนนิ่งสนิท จุกไปถึงอกเลยทีเดียว” เหยียนไฉรำพึงออกมาเบาๆ โป๊ก!!! ปลายดาบที่อยู่ในมือของแม่ทัพหนุ่มที่กำลังถูกเอ่ยถึงกระหน่ำลงบนศีรษะทหารคนสนิททันที “พูดมากจริงนะ! แล้วนี่มายืนทำอะไร...เหตุใดจึงไม่ออกไปค้นหาสตรีอาภรณ์ขาวมาให้ข้า!” แม่ทัพรูปงามถามเสียงเข้ม “ข้าน้อยเป็นห่วงท่านแม่ทัพขอรับก็เลยคอยอยู่ใกล้ๆ เผื่อท่านจะเรียกใช้ อีกอย่างคอยสอดส่องเป็นหูเป็นตามองหาสตรีชุดขาวผู้นั้นให้ท่านแม่ทัพด้วยอย่างไรเล่าขอรับ” เหยียนไฉพยายามอธิบาย “ข้าไม่ต้องการให้ใครมาดูแล! สิ่งเดียวที่อยากได้ตอนนี้! ค้นหาสตรีชุดขาว ผู้นั้นและเอาตัวนางมาให้ได้...นำกำลังทหารออกไปอีก ค้นหาให้ทั่วทุกซอกทุกมุมของฉางอาน!!!” เสียงตวาดกร้าวดังกระหึ่ม “ขอรับท่านแม่ทัพ” ทหารคนสนิทรีบรับคำด้วยความกลัวพร้อมส่งสัญญาณนำกำลังทหารออกค้นหาสตรีอาภรณ์ขาวตามคำสั่งท่ามกลางเสียงบ่นรำพึง “สตรีทั่วเมืองฉางอานในค่ำคืนนี้ส่วนใหญ่ล้วนสวมชุดขาวด้วยกันทั้งสิ้น แล้วข้าจะล่วงรู้ได้อย่างไรเล่าว่าเป็นสตรีที่ท่านแม่ทัพกำลังตามล่าตัวอยู่ในเวลานี้ หน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้ สูงต่ำดำขาวหรือมีหน้าตางดงามเพียงใด แล้วข้าจะรู้อะไรไหม!” เหยียนไฉบ่นรำพึงไปตลอดทางโดยไม่รู้เลยว่ากำลังเดินผ่านคนที่กำลังตามตัวอยู่ในขณะนั้น จ้าวมี่อิงนั่งซ่อนตัวอยู่ในถังไม้ขนาดใหญ่ซึ่งมีฝาปิดอยู่ในขณะนั้น เป็นถังสำหรับใส่ข้าวสารของร้านค้าวางเอาไว้ทางด้านหลังร้าน ร่างระหงนั่งกอดเข่าพลางเงี่ยหูฟังสถานการณ์ด้านนอกตลอดสองชั่วยามที่ผ่านมาและเธอรู้สึกว่า สถานที่ตั้งใจมาเดินเที่ยวชมงานเทศกาลชีซีดูท่าจะมีบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้นเสียแล้ว “ทำไมตอนเราวิ่งหนีอยู่ด้านนอก ทั่วบริเวณไม่มีแสงไฟจากตึกสูงเลยนะ มีแต่โคมไฟที่ใช้ประดับในเทศกาล ตรงกำแพงเมืองจะเห็นตึกสูงในเมืองซีอานล้อมรอบแต่ทำไมถึงไม่เห็นแปลกจังเลย” หญิงสาวพยายามครุ่นคิดหาคำตอบแต่ไม่ว่าจะขบคิดเช่นไรก็มิอาจหาคำตอบให้กับตัวเองได้เลย ทันใดนั้นเองฝาปิดถังไม้พลันถูกคนด้านนอกยกขึ้นมาทันที “เจอแล้ว!” เสียงของหญิงสาววัยรุ่นคะเนว่าอายุคงไม่เกิน 20 ปีเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจครั้นเห็นร่างของมี่อิงนั่งคุดคู้อยู่ในถังไม้ใส่ข้าวสารพลางเงยหน้าพูดกับใครบางคนที่อยู่ไม่ไกลจากนางเท่าใดนัก ในขณะที่คนสวยเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่มีคนเห็นเธอเข้ามาหลบภัยอยู่ในนี้ ทั้งๆ ที่ทั่วบริเวณค่อนข้างมืดเสียนี่กระไรก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยบอกใครบางคน “คุณหนูเจ้าค่ะ! แม่นางสวมอาภรณ์ขาวที่ทหารกำลังค้นหาตัวอยู่ในนี้จริงๆ ด้วยเจ้าค่ะ” หญิงสาวคนดังกล่าวบอกอีกฝ่ายกลับไปท่ามกลางความตกใจของมี่อิงครั้นได้ยินเช่นนั้น “ปัดโธ่เว้ย!!!!” มี่อิงสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อถูกเปิดโปงที่หลบซ่อนตัวของเธอ คนงามมิรอช้ารีบกระโดดออกจากถังไม้ดังกล่าวเพื่อหาที่ซ่อนให้แก่ตัวเองเสียใหม่ “เดี๋ยวก่อน! ไม่ต้องหนี! ข้ามาช่วย!” เสียงของสตรีร้องบอกไม่ดังเท่าใดนัก และนั่นทำให้มี่อิงหยุดชะงักทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น ร่างระหงหันกลับมามองสตรีสาวชาวฉางอานในชุดฮั่นฝูสีขาวเช่นเดียวกับเธอ ท่ามกลางแสงสลัวจากโคมไฟที่เห็นไม่ค่อยชัดเสียเท่าใดนัก “ข้าเห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับเจ้าทุกอย่าง ก็เลยล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วเจ้าไม่ใช่ขโมยที่ท่านแม่ทัพต้องการตัว หากแม้นเชื่อใจข้าก็จงตามมาเถิด” เสียงของสตรีสาวนางนั้น ท่าทางแลดูเป็นคนชั้นสูงบอกกับมี่อิงด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นมิตร ในขณะที่มี่อิงครั้นได้ยินเช่นนั้นกำลังอยู่ในระหว่างการชั่งใจว่าควรจะเชื่อถืออีกฝ่ายได้หรือไม่ ทันใดนั้นเอง “แยกย้ายเข้าค้นหาตรงถนนเส้นนี้เร็วเข้า! ไป!!!” เสียงทหารดังขึ้นไม่ไกลจากจุดที่กำลังยืนอยู่พร้อมเสียงของสหายใหม่เอ่ยขึ้น “ไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้ว! ตามข้ามาเร็ว!” พูดพร้อมตรงเข้าไปจับข้อมือของมี่อิงพลางลากให้วิ่งตามกันมา ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมวิ่งตามมาแต่โดยดีไม่ขัดขืนแต่อย่างใด ร่างของสตรีทั้งสามนางวิ่งออกมาจากซอยเล็กๆ ได้เพียงครู่ก็ถึงรถม้าคันใหญ่จอดสงบนิ่งอยู่ปากทางเข้า พร้อมเสียงของผู้หญิงที่วิ่งอยู่ตามหลังร้องบอกคนขับรถม้าทันทีที่กำลังวิ่งเข้ามาถึง “เอาบันไดมาเร็วเข้า! คุณหนูจะกลับแล้ว” พูดพร้อมออกวิ่งนำหน้าตรงไปทางรถม้าคันดังกล่าวพร้อมรับบันไดจากคนขับรถม้าวางตรงทางขึ้นอย่างรวดเร็ว มี่อิงซึ่งเป็นคนวิ่งเร็วอยู่แล้วเพราะเคยเป็นนักวิ่งในระดับมหาวิทยาลัยมาก่อนและแข่งขันในระดับใหญ่มาแล้วหลายสนามจากที่วิ่งตามกลายเป็นวิ่งนำหน้าจูงมือของอีกฝ่ายเสียเอง ก้าวกระโดดขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วพร้อมรีบรับร่างของคนที่ช่วยเหลือเธอก่อนจะมุดหายเข้าไปภายในรถม้าพร้อมกัน “กลับจวน!” เสียงของสตรีที่คล้ายเป็นสาวใช้ออกคำสั่งทันที ท่ามกลางสายตาของมี่อิงที่เห็นอาการหอบโยนของคนที่ช่วยเหลือเธอ ต่างพากันนั่งหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนโดยมีผู้หญิงอีกคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด นำพัดมาโบกไปมาเพื่อให้เกิดอากาศถ่ายเท “ขอบใจพวกเธอมากนะที่ช่วยฉัน!” หญิงสาวกล่าวขอบคุณด้วยความซึ้งใจที่ได้รับไมตรีช่วยเหลือจากสตรีทั้งสอง ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มกลับมาหายใจได้เป็นปกติ อาการหอบเหนื่อยทุเลาลงพร้อมเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ดูท่าเจ้ามาจากแคว้นอื่นหาใช่ชาวฉางอานเป็นแน่ จึงใช้ถ้อยคำผิดแปลกพิกล เจ้ามาจากแคว้นหรือเมืองไหนอย่างนั้นเหรอ” เสียงของสตรีสาวสูงศักดิ์นางนั้นถามกลับไปด้วยความสงสัย “เออ...” มี่อิงได้แต่ส่งเสียงอยู่ในลำคอครั้นได้ยินอีกฝ่ายถามเธอกลับมา “ทำไมเขาถามเราแบบนี้นะ ที่นี่ไม่ใช่เมืองซีอานอย่างนั้นเหรอ แต่ว่าเมืองฉางอานที่พูดถึงก็คือชื่อเรียกในสมัยโบราณของซีอานตกลงฉันมาเจอคนที่ยังไม่รู้จักว่าแท้จริงแล้วชื่อเมืองนี้มันเปลี่ยนมาตั้งนานแล้วนี่นะ” มี่อิงครุ่นคิดอยู่ภายในใจพร้อมเอ่ยขึ้น “ขอถามหน่อยได้ไหมทำไมถึงช่วยฉันทั้งๆ ที่เราสองคนก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย” หญิงสาวละเว้นที่จะไม่พูดแต่กลับถามประเด็นอื่นเข้ามาแทนในสิ่งที่เธอกำลังสงสัย ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา “ข้าก็แค่ไม่อยากให้เจ้าถูกทางการจับไปขังที่ศาลต้าหลี่ ตัดสินโทษทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดอะไร” สตรีนางนั้นเอ่ยตอบกลับมาพร้อมเสียงของสตรีที่คล้ายเป็นสาวใช้เอ่ยแทรกขึ้น “คุณหนูของข้ากำลังยืนชมดอกไม้ไฟบนกำแพงเมืองเห็นเจ้าปรากฏตัวอยู่ตรงประตูเมือง ก็เลยล่วงรู้เหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ที่คุณหนูกับข้าไม่เข้าใจและอยากรู้ว่าจู่ๆ เจ้ามาจากไหนอย่างนั้นเหรอ ทำไมจึงมาผู้เดียวไร้สิ้นข้าทาสบริวารและผู้ติดตามแต่กลับมายืนโดดเดี่ยวอยู่เพียงตามลำพังปะปนกับผู้คนที่เดินทางมาเที่ยวงานในคืนนี้” สาวใช้นามว่าเหออี๋นั่วเอ่ยถามด้วยความสงสัยเป็นชุดๆ “อี๋นั่ว!” ผู้เป็นนายหญิงปรามเสียงเข้มจนทำให้แม่สาวใช้รู้สึกตัวขึ้นมาทันใด ว่านางพูดมากเกินไปแล้วพร้อมเสียงของมี่อิงเอ่ยถามกลับไป “พวกเธอจะพาฉันไปที่ไหน...อีกอย่างจะออกจากประตูเมืองไปข้างนอกได้อย่างไง” มี่อิงถามกลับไปด้วยความอยากรู้ ครั้นแม่สาวใช้อี๋นั่วได้ยินเช่นนั้นนางพูดสวนกลับไปทันทีด้วยความปากไว “นั่นมันเรื่องของเจ้า! คุณหนูของข้าช่วยออกมาจากบริเวณนั้นก็ดีไปแล้ว! เจ้าจะหนีไปไหนก็เชิญไม่เกี่ยวกับคุณหนูของข้าอีกต่อไปแล้ว” “ตกลงเจ้าเป็นนายและข้าเป็นบ่าวใช่ไหม..จึงได้กล่าวแทนหมดเช่นนี้..ปิดปากของเจ้าซะหากข้าไม่อนุญาตไม่ต้องเปิดปากให้ได้ยินอีก...หาไม่แล้วข้าจะตัดเบี้ยเจ้าสามเดือน” เสียงของคุณหนูตัวจริงพูดเสียงเข้ม ทำให้สาวใช้ปากไวรู้สึกตัวเอง ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจของมี่อิง เมื่อเธอได้ยินภาษาที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างนายและบ่าวเต็มสองหูเลยทีเดียว ก่อนจะหันกลับไปมองผ้าม่านที่ใช้ปิดหน้าต่างของรถม้าพลางเอื้อมมือแง้มผ้าให้เปิดออกเพื่อดูเหตุการณ์ทางด้านนอกเพื่อความแน่ใจอะไรบางอย่าง บริเวณด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินทางมาเที่ยวชมงานเทศกาลชีซีกันอย่างคับคั่ง ทั้งที่เป็นชาวฉางอานเองและเมืองที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวเทศกาลใหญ่ของมหานครอันยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันของผู้คนต่างเมืองและต่างแคว้น บ้านเรือนและร้านค้ามากมายเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมในยุคสมัยของราชวงศ์สุยและถังผสมผสานกันจนกลายมาเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของราชวงศ์ที่ถูกจารึกว่าเป็นยุคทองอันรุ่งโรจน์ในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของชนชาติ อาภรณ์ฮั่นฝูหลายหลากสีสันตระการตาสวมอยู่บนร่างของชายและหญิง เสื้อผ้าเครื่องประดับและทรงผมมากมายหลายทรงของสตรีที่แข่งการแต่งตัวดาษดื่นละลานตาเต็มไปหมด ตลอดจนเครื่องสำอางบนใบหน้าที่ประโคมแต่งเติมช่างใกล้เคียงกับบันทึกของประวัติศาสตร์ที่ขุดพบและเห็นได้จากจิตรกรรมและประติมากรรมรวมไปถึงข้าวของโบราณที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ “แม่เจ้า!” มี่อิงพึมพำออกมาเบาๆ ดวงตาสีชาคู่สวยเบิกกว้างอยู่เช่นนั้นครั้นความคิดหนึ่งโลดแล่นขึ้นมาบอกกับตัวเองว่าเธอกำลังหลงมาอยู่ในยุคโบราณ ก่อนจะหันกลับไปมองสองนายบ่าวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเธอบนรถม้า “ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” มี่อิงตัดสินใจถามกลับไปด้วยความอยากรู้และเพื่อให้แน่ใจ อีกฝ่ายพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น “เจ้าอยากจะถามอะไรข้าเหรอ!” เสียงของคนเป็นเจ้านายตอบกลับมา ในขณะที่คนเป็นบ่าวนั่งเม้มปากสนิทอยู่ใกล้ๆ “ที่นี่คือเมืองอะไร! ตั้งอยู่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวในโลกอนาคตถามกลับไปทันทีด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา “ที่นี่คือเมืองฉางอาน เมืองหลวงของต้าถัง...นี่เจ้าอย่าบอกนะว่าไม่ล่วงรู้แท้จริงแล้วกำลังอยู่ที่ไหน” เสียงของอีกฝ่ายตั้งคำถามกลับมา ใบหน้าแสนสวยของสาวยุคใหม่เกิดอาการเหวอขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น ทว่าก็ยังเข้าข้างตัวเองไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินและได้เห็นในขณะนี้คือความจริงที่กำลังเกิดขึ้น “เมืองหลวงฉางอานของต้าถัง! เมืองที่อยู่ในสมัยราชวงศ์ถังหรือเปล่า” มี่อิงถามกลับไป อือ! อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับอยู่ในลำคอพร้อมพยักหน้าขึ้นลง “ดูท่าเจ้าคงไม่เคยมาที่ฉางอานจึงตั้งคำถามเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าในฐานะชาวเมืองฉางอานก็จะแนะนำเมืองหลวงที่แสนภาคภูมิใจแห่งนี้ให้เจ้าฟัง ว่าที่ซึ่งเจ้ากำลังอยู่ในเวลานี้คือเมืองหลวงฉางอาน แห่งแผ่นดินต้าถังปกครองโดยพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ เป็นจักรพรรดิองค์ที่สองของราชวงศ์ถัง พระองค์ทรงปกครองเข้าสู่ปีที่ 23 แล้ว” เสียงของอีกฝ่ายอธิบายเจื้อยแจ้วในขณะที่มี่อิงนั่งฟังตัวแข็งทื่อมือเย็นเฉียบครั้นได้ยินเช่นนั้น “เมืองฉางอาน! ยุคสมัยจักรพรรดิถังไท่จง!เฮ้ย..เป็นไปได้อย่างนั้นเหรอ!เป็นไปได้หรือเนี่ย” มี่อิงพูดพลางยกมือขึ้นจับศีรษะตัวเองพลางส่ายไปมาติดต่อกัน “ไม่จริง! มันต้องไม่ใช่แบบนี้! เป็นไปไม่ได้..มันต้องไม่ใช่! ฉันไม่มีทางเชื่อ!!!” หญิงสาวพูดอยู่คนเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD