ตอนที่ 4 กินข้าวด้วยกันไหม

2212 Words
“พี่เมฆ.....ตูนฝากแม่ด้วยนะ” “ไม่ต้องห่วง ไปทำงานเถอะ เลิกงานก็รีบกลับไปหาแม่ที่บ้าน” “อือ” เมฆามาส่งปรางค์วลัยที่ทำงาน ก่อนจะกลับไปที่โรงพยาบาลต่อ เขาตรงขึ้นไปหาปริมก่อนตามที่รับปากปรางค์วลัยเอาไว้ และเมื่อเห็นว่าปริมเตรียมตัวที่จะเข้าห้องส่องกล้องก็ให้กำลังใจแล้วกลับไปที่ห้องพักแพทย์เพื่อเตรียมตัวทำงาน จนกระทั่งช่วงเย็น หลังจากที่ปรางค์วลัยเลิกงานก็รีบกลับบ้าน เมื่อเห็นมารดานอนพักอยู่ที่บ้านก็เข้าไปหาด้วยความโล่งใจ “แม่” “ตูน” “เป็นยังไงบ้างคะ” “ระคายคอนิดหน่อย” “แล้วหมอให้กินข้าวได้ปกติใช่ไหมคะ” “ช่วง 1-2 วันนี้ต้องกินอะไรอ่อนๆก่อนน่ะ” “โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวตูนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ เดี๋ยวตูนลงมาทำข้าวต้มให้” หญิงสาวบอกมารดาก่อนที่เธอจะเดินขึ้นไปชั้นบนแล้วหายเข้าไปในห้องนอน หยิบเสื้อผ้าในตู้แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ บ้านหลังนี้เป็นบ้านแฝดที่มีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ แต่เดิมชั้นบนมีเพียงห้องนอนของปริมมีห้องน้ำในตัว แต่ด้วยความที่อยู่กันแค่ 2 คนแม่ลูก ปริมกับปรางค์วลัยจึงมีความเห็นตรงกันว่าให้ขยายพื้นที่ห้องนอนอีกห้องให้ครอบคลุมส่วนห้องน้ำไปเลย ส่วนห้องนอนเล็กก็ทำเป็นห้องพระไป ชั้นล่างมีเพียงห้องครัว ห้องน้ำ และโถงที่ปล่อยโล่ง หน้าบ้านถูกจัดเป็นสวนต้นไม้ ปริมปลูกต้นไม้ดอกไม้และมีแปลงผักสวนครัวเล็กน้อย มีพื้นที่จอดรถที่รถยนต์สีขาวคันสวยถูกจอดทิ้งเอาไว้เพราะปรางค์วลัยไม่ค่อยได้ขับ เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปรางค์วลัยก็ลงมาชั้นล่าง เธอตรงเข้าไปในครัวและตั้งหม้อสารที่ใส่น้ำจนท่วม ก่อนจะหยิบกุ้งที่แกะเปลือกเอาไว้แล้วออกมาจากตู้เย็น ตามด้วยผักโรยหน้าอย่างต้นหอมผักชีและขึ้นฉ่าย และกระเทียมเจียวที่มารดามักจะทำทิ้งเอาไว้เพราะเธอชอบกิน รอจนข้าวในหม้อสุกและแตกตัวดีก็ใส่กุ้งลงไป พอกุ้งเริ่มสุกก็ปิดแก๊สแล้วเปิดฝาเอาไว้เพื่อไม่ให้กุ้งสุกจนแข็งเกินไป หลังจากตักใส่ถ้วยขนาดกำลังดี 2 ใบเสร็จก็วางใส่ถาดแล้วยกออกมาด้านนอก วางลงบนโต๊ะกินข้าวก่อนจะเตรียมเครื่องปรุงมาวางเอาไว้เพราะตัวเธอติดกินเผ็ด “กินข้าวเลยไหมคะแม่” “เอาสิ” หญิงสาวพยักหน้าแล้วเดินไปช่วยพยุงปริมลุกขึ้นจากโซฟา และพามารดาไปนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว ขณะที่กำลังจะลงมือจัดการมื้อเย็นการ ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาพอดี “อ้าว พี่นึกว่าตูนยังไม่กลับ ก็เลยรีบกลับมา” เมฆามีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย “ตูนห่วงแม่ เลิกงานก็ออกมาเลย” ปรางค์วลัยเองก็แปลกใจที่เขากลับมาบ้านเร็ว “กินข้าวด้วยกันไหมเมฆ วันนี้ตูนเขาลงมือเองเลย” ปริมชวนชายหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มใจดี “ได้ครับ” เมื่อเมฆาตอบตกลงและวางของลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ปรางค์วลัยจึงลุกขึ้น เดินกลับเข้าไปในครัวแล้วตักข้าวต้มอีกชาม ออกมาวางที่โต๊ะที่เขานั่งรออยู่แล้วในตำแหน่งข้างๆเธอ “ขอบใจจ้ะ” หญิงสาวไม่ได้พูดอะไร เธอนั่งลงกินข้าวต่อเงียบๆ มีเพียงเมฆากับปริมที่คุยกันเท่านั้น จนกระทั่งกินเสร็จกันหมดแล้ว เธอจึงเก็บถ้วยทั้งหมดซ้อนกัน เอาไปเก็บล้างในครัวแล้วออกมานั่งอยู่กับมารดา “อีกประมาณ 1 อาทิตย์ผลน่าจะออก ระหว่างนี้ผมอยากให้น้าปริมพักผ่อนให้เต็มที่นะครับ เพื่อที่ว่าหลังจากผลตรวจออก เราจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาขั้นต่อไป” เมฆาเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน “น้าว่าน้าจะย้ายลงมานอนข้างล่างด้วย อาจจะทำห้องอยู่ข้างล่าง” “ก็ดีนะครับ กั้นห้องอยู่ข้างล่าง จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลงด้วย” “งั้นฝากเมฆลองดูช่างให้น้าหน่อยนะ” “ได้ครับ วันที่ช่างมาทำเดี๋ยวผมมาอยู่ด้วยครับ” “ขอบใจนะจ๊ะ” “ไม่เป็นไรเลยครับ น้าปริมก็เหมือนคุณแม่ผมแหละ คอยดูแลผมมาตลอด” “จ้ะ กุญแจบ้านอีกพวงอยู่ที่เมฆใช่ไหม เก็บไว้ที่เมฆเลยนะ เผื่อวันไหนต้องใช้น้ายังมีสำรองอยู่อีกพวง” “ครับ ผมเอามาแขวนรวมกับกุญแจบ้านผมแล้วครับ” “จ้ะ” เมฆานั่งคุยกับปริมอีกไม่นานก็กลับออกไป ปรางค์วลัยจึงพาปริมขึ้นห้องนอน และตัวเธอก็กลับเข้าห้องไปพักผ่อน หลายวันต่อมา “พวกแกรอข้างล่างนะ” “เออ ไปเถอะ” ปรางค์วลัยโบกมือไล่เพื่อนแล้วลากพศินไปหาที่นั่ง วันนี้ปรางค์วลัยกับพศินมากับชมพูแพรหลังจากเลิกงาน ตั้งใจว่าจะไปดื่มกันก่อนค่อยกลับบ้าน อีกไม่กี่วันผลตรวจของปริมจะออก หญิงสาวเครียดจนอยากจะลืมมันไปชั่วขณะ “แก ซื้อขนมกัน รองท้อง” หญิงสาวเอ่ยชวนเพื่อนสาวร่างชายพลางลูบท้องป้อยๆ “ไปๆ ฉันเห็นมีร้านโดนัทอยู่ตรงนั้น” พศินบอกตามประสาคนสายตายาว สองสาวพากันควงแขนไปเลือกขนม และระหว่างที่กำลังเลือกขนมอยู่ก็มีคุณหมอสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเสียงพูดคุยที่เอ่ยถึงบุคคลหนึ่งที่ทำให้ทั้งสองคนต้องตั้งใจฟัง “อ้าว หมอแคท ลงเวรแล้วเหรอ” “ใช่ วันนี้หมอหนึ่งไม่มีเวรบ่าย ว่าจะขออาศัยรถกลับด้วย” “หมอแคทเอารถมาไม่ใช่เหรอ” “ก็ว่าจะบอกว่ารถสตาร์ทไม่ติด” “เออ ได้ข่าวว่าหมอหนึ่งพาแฟนมาโรงพยาบาลเหรอ จริงหรือเปล่า” “ลองเข้าไปถามแล้วล่ะ หมอหนึ่งบอกว่าแฟน แต่ก็แล้วไง ในเมื่อไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้ทำงานด้วยกัน เรามีโอกาสมากกว่า” “ฉันไม่ขอออกความเห็นก็แล้วกันนะ” พศินกับปรางค์วลัยรอจนหมอสาวเดินหายไปจึงเข้าไปสอบถามพนักงานก่อนจะส่งข้อความบอกชมพูแพรถึงสิ่งที่พวกเธอได้ยินกับข่าวลือที่ได้รู้มา “น่ากลัวนะ ผู้หญิงคนนี้” ปรางค์วลัยเอ่ยพลางหน้าตาขยาด “ใช่ ฉันว่างานนี้ยัยชมพูรับศึกหนัก” พศินพยักหน้าเห็นด้วย “ขอแค่หมอหนึ่งอยู่ข้างยัยชมพูก็พอ” ปรางค์วลัยยักไหล่ ไม่นานชยกรกับชมพูแพรก็เดินลงมา พวกเขาพากันไปที่รถของชยกรแล้วก็ออกจากโรงพยาบาลไป หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลได้สักพัก พศินกับปรางค์วลัยก็เล่าเรื่องที่ได้ยินให้กับชยกรและชมพูแพรฟัง หญิงสาวมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะแคทริยาดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้ “ตอนที่พวกฉันได้ยินยังตกใจเลย ที่หล่อนมีความคิดแบบนั้น” พศินเองก็ยังส่ายหน้าอย่างรู้สึกไม่ดี “ช่างเขาเถอะ ถ้าเขาไม่มาทำให้เดือดร้อนหรือเข้ามายุ่งวุ่นวายมากไปก็ยังพอให้อภัยได้ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็เกรงจะเป็นอันตรายนะ” ปรางค์วลัยพูดแบบเป็นกลาง “กลัวจะหนักขึ้นน่ะสิ เพราะถึงขนาดรู้ว่ามีชมพูแล้วยังคิดแบบนี้ได้น่ะ” ชยกรเองก็เริ่มไม่สบายใจ “ก็รอดูกันไปก่อนก็ได้ค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย” ชมพูแพรปลอบใจทุกคน แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นหมอ มีหน้าที่การงานที่ดี คงไม่เสี่ยงทำอะไรสิ้นคิด “ดื่มกันไปก่อนนะสาวๆ พี่ขอขึ้นไปทำงานก่อน” ชยกรพาทั้งสามคนมาส่งที่โต๊ะวีไอพี ก่อนจะขอตัวขึ้นไปห้องทำงาน “ไฮ สาวๆ” “อ้าว เบน สวัสดีค่ะ มากับใครคะ” พศินที่สนิทกับเบนมากกว่าคนอื่นยิ้มรับและทักทายเขากลับไป “มากับหมอครับ” “อย่าบอกนะว่าหมอเมฆ” ปรางค์วลัยหันไปกระซิบกับชมพูแพรเมื่อได้ยินเบนพูด “ไฮ ทุกคน” “นั่นไง ฉันว่าแล้ว” ปรางค์วลัยกับชมพูแพรแอบซุบซิบคุยกันอยู่สองคน ปล่อยให้พศินรับหน้าสองคนเอง “สองคนนี้ใจร้ายจัง ไม่คิดจะทักผมเลยเหรอ” เบนแซวสองสาวด้วยรอยยิ้ม “อ๋อ เปล่าค่ะ พอดีนินทาคนกันนิดหน่อยค่ะ” ปรางค์วลัยส่งยิ้มหวานให้เบน “เออใช่ หมอเมฆมาพอดีเลย ชมพูขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” ชมพูแพรพูดขึ้น เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ครับผม มีอะไรเหรอ” เมฆาชะงักไป แล้วขยับเข้าไปนั่ง ตามด้วยเบนที่เข้าไปนั่งข้างพศินและพูดคุยกันด้วยความคิดถึง “คือ ชมพูอยากรู้ว่าปกติหมอแคทริยาจะแสดงอาการกันท่าแบบนี้ตลอดหรือเปล่าน่ะค่ะ” ชมพูแพรถามเมฆาหาเมื่อเขาขยับมานั่งข้างเธอด้วยความสงสัย “นี่ชมพูเจอหมอแคทแล้วเหรอ” สีหน้าเมฆาตกใจอย่างเห็นได้ชัด “ค่ะ 2 ครั้ง แต่ครั้งนี้ชมพูตกใจนิดหน่อยกับความคิดของหมอแคท พินนี่กับการ์ตูนได้ยินเองกับหู ไม่อย่างนั้นชมพูก็คงไม่เชื่อ” ชมพูแพรนิ่งคิดสักพัก ก่อนจะเล่าเรื่องที่พศินกับปรางค์วลัยได้ยินสิ่งที่แคทริยาพูดให้เมฆาฟัง “หมอแคทพูดแบบนั้นเลยเหรอ แล้วนี่ไอหมอมันรู้หรือยัง” “รู้แล้วค่ะ ก็หลังจากที่หมอแคทพูด เธอก็ขึ้นมาหาพี่หนึ่งที่ห้องทำงาน แต่พอดีชมพูอยู่ด้วย เธอก็เลยมีอาการไม่พอใจ” “ที่ผมรู้มา คุณแคทจะชอบพูดหรือแสดงอาการเหมือนว่าเธอกับไอหมอกำลังคุยกันอยู่หรือแอบคบกันอยู่น่ะ เพื่อนกันท่าหมอสาวๆ หรือพยาบาลที่สนใจไอหมอ บางทีก็ขึ้นไปหาไอหมอที่ห้องบ้างหรือติดรถไปด้วยบ้าง แต่ไอหมอมันก็ไม่ได้คิดอะไรด้วยเลยนะ มันเฉยๆ กับทุกคน มันถือว่าเป็นลูกน้องในโรงพยาบาลของป๋ามัน มันไม่เคยให้ความสนใจใครเลย” เมฆาบอกเล่าให้ชมพูแพรฟังอย่างละเอียด “แล้วทำไมหมอแคทถึงทำขนาดนี้ล่ะคะ คือถ้าไม่ได้รู้จักพี่หนึ่งว่าเขาจะสุภาพกับทุกคน อาการหมอแคทเหมือนคนที่ได้รับความหวังเลยนะคะ” “ตรงนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ หรือเธออาจจะชอบไอหมอมันมากจนเป็นแบบนี้ก็ได้” “น่ากลัวนะคะ แบบนี้ ถ้าเกิดคนที่พี่หนึ่งไปคบเป็นพยาบาลหรือหมอท่านอื่นในโรงพยาบาล หมอแคทจะทำอะไรอีกบ้างก็ไม่รู้ ความคิดของหมอแคทน่ากลัวมาก” “ผมว่าถ้าชมพูกับไอหมอทำให้หมอแคทเห็นว่าเธอไม่มีโอกาสแทรกกลาง เธออาจจะเลิกหวังก็ได้นะ” เมฆาแนะนำชมพูแพรตามความคิดเห็นของเขา “ชมพูก็ว่าจะลองทำแบบนั้นดูเหมือนกันค่ะ แต่ต้องลองปรึกษาพี่หนึ่งดูก่อน” ชมพูแพรถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบายใจ “ผมว่านะ มันอยู่ที่คนของเรามากกว่า แต่ถ้าคนของเราไม่เล่นด้วย แล้วทางนั้นยังไม่หยุด ก็คงต้องมีการจัดการอะไรบ้างแหละ ที่ผ่านมา ไอหมอหนึ่งมันปล่อยผ่านมาตลอด เพราะมันไม่ได้สนใจ แต่ตอนนี้มันมีชมพูแล้ว มันไม่ปล่อยให้หมอแคทมาทำร้ายชมพูหรอก” เมฆายิ้มปลอบใจหญิงสาว “ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ กับพี่หนึ่ง ชมพูไม่ห่วงหรอกค่ะ ชมพูกลัวใจหมอแคทมากกว่า คนอกหักน่ากลัวนะคะ ยิ่งถ้าหลงรักมานานแบบหมอแคทแล้วยิ่งน่ากลัวค่ะ” ชมพูแพรยกแก้วขึ้นมาชนกับเมฆาก่อนที่จะยกขึ้นจรดริมฝีปาก “อ้าว มากันเมื่อไหร่เนี่ย” ชยกรเพิ่งจัดการงานเสร็จก็ลงมารวมตัวกับทุกคน เมื่อเห็นว่าเมฆากับเบนอยู่ด้วยก็แปลกใจ “สักพัก ได้ข่าวเกิดเรื่องเหรอ” เมฆาถามชยกรเสียงเรียบ ไร้แววขี้เล่นเหมือนปกติจนปรางค์วลัยหันไปมองด้วยความแปลกใจ “นิดหน่อย ว่าจะรอดูไปก่อน ถ้าหล่อนยังไม่หยุดวุ่นวายอาจจะต้องให้ป๋าออกใบเตือน” ชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งลงข้างร่างเล็กแล้วโอบบ่าเอาไว้ด้วยความหวงแหน “ดื่มไหมคะ” “วันนี้ไม่จ้ะ” นานหลายชั่วโมง กว่าที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับ ปรางค์วลัยกลับพร้อมกับเมฆาเพราะไม่วายโดนเขาลากกลับด้วยกันเหมือนเคย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD