หญิงสาวนั่งเงียบไปตลอดทางจนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ต่างคนต่างเดินหายเข้าไปในบ้านของตัวเอง เมฆาที่ชินกับสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้วทำเพียงแค่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนปรางค์วลัยเลือกที่จะจัดกระเป๋าก่อนถึงเข้าไปอาบน้ำ
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ หญิงสาวทำเพียงแค่ใส่เสื้อผ้าแล้วคว้ากระเป๋า เพื่อจะเดินออกจากห้องนอนลงไปยังชั้นล่างตามที่ได้นัดกับเขาเอาไว้
“พร้อมหรือยัง”
“ค่ะ”
ปรางค์วลัยก้าวขึ้นรถเงียบๆ เธอนั่งนิ่งมาจนถึงที่โรงพยาบาล เมฆาพาเธอขึ้นมาส่งบนห้องพักที่ปริมกำลังนอนอยู่ เขาตรวจเช็กอาการปริมจากชาร์ตคนไข้ก่อนจะเดินกลับออกไป
“อ้าว หมอเมฆ พรุ่งนี้ off ไม่ใช่เหรอคะ ป่านนี้แล้ว มาทำอะไรคะเนี่ย” พยาบาลอาวุโสคนหนึ่งทักทายเขาด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเขาเดินเข้าไปในวอร์ด
“มาอาศัยนอนที่นี่สักคืนครับ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พอดีมีคนไข้ที่ผมพามาครับ เลยจะรอดูอาการก่อน”
“คนพิเศษเหรอคะ” พยาบาลแซวเขา
“พิเศษมากเลยครับ ฝากด้วยนะครับ ถ้ามีอะไรด่วนหรือฉุกเฉินตามผมด้วย”
“ได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ นอนก่อนนะครับ ล้ามาทั้งวัน”
เมฆาเดินกลับเข้าห้องพักหมอไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง แต่เดิมเขาตั้งใจจะนอนพักแล้วค่อยตื่นไปดูปริมกับปรางค์วลัยอีกที แต่สมองก็พลันหวนคิดไปถึงภาพที่ปรางค์วลัยยืนตัวสั่นเพราะความตกใจที่มารดาของเธอนอนกองอยู่บนพื้น หญิงสาวอยู่กับมารดาแค่ 2 คนตั้งแต่เขาจำความได้ จนวันสุดท้ายก่อนที่มารดาของเขาจะกลับไปอยู่กับบิดาที่ต่างจังหวัด มารดาได้กำชับเขาว่าให้ช่วยดูแลปริมกับปรางค์วลัยด้วย
ดวงตาคมปิดลง เขาพยายามนอนหลับเพื่อจะได้มีแรงไปคอยดูแลหญิงสาวหลังจากที่วันนี้เขาเองก็เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
เช้าวันต่อมา เมฆาที่หลับๆ ตื่นๆ และคอยเดินไปดูปริมกับปรางค์วลัยหลายครั้งก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวจะลงไปหาซื้อของกินขึ้นมาให้ปรางค์วลัยเพราะรู้ดีว่าเธอจะไม่ลงไปแล้วทิ้งให้มารดาอยู่คนเดียวแน่นอน
“เป็นยังไงบ้างครับ” เมฆาส่งเสียงทักทายหลังจากเปิดประตู
“ดีขึ้นแล้วล่ะลูก” ปริมยิ้มน้อยๆ ให้ช่วยหนุ่มที่ช่วยเป็นธุระให้
“วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปกติจะไม่มีหมอเฉพาะทาง แต่การรักษาและตรวจทุกอย่างจะดำเนินไปตามปกติครับ บุคลากรที่นี่พร้อมตลอด วันนี้น่าจะได้ทำ MRI เลย”
“จ้ะ”
“น้าปริมอย่าเพิ่งกินอะไรนะครับ เดี๋ยวจะได้สามารถเข้าทำ MRI ได้เลย”
เมฆาพูดพลางวางถุงของกินรองท้องมื้อเช้าลงบนโต๊ะ ปรางค์วลัยมองแล้วก็รู้ว่าเขาเอามาให้เธอ
“จ้ะ”
หลังจากเมฆาเดินออกไปจากห้อง ปรางค์วลัยก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้มารดาของเธอน่าจะได้เริ่มทำการตรวจ เธออาจจะต้องทำอะไรอีก จึงอยากจะเตรียมพร้อมไว้ก่อน
เมื่อได้เวลาหมอมาราวด์คนไข้ ปริมบอกอาการหมอที่มาโดยไม่ปิดบัง ซึ่งเมฆาที่ตามมาด้วยเมื่อได้ฟังอาการแล้วก็ต้องสบตากับหมอเจ้าของไข้ ก่อนจะพยักหน้ากันแล้วส่งคนไข้ลัดคิวทำ MRI ว่าเป็นเคสด่วน
ปรางค์วลัยมีสีหน้าไม่ดี เธอรู้ดีว่าเมฆาค่อนข้างจะขี้เล่น แต่หากเป็นเรื่องใหญ่ เขาจะเงียบขรึมและแสดงออกทางสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากหมอเจ้าของไข้ออกไป เมฆาก็บอกวิธีการเตรียมตัวกับปริมและปรางค์วลัย เพื่อในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่มาพาปริมไป
หลายชั่วโมงผ่านไป หลังจากที่ปริมถูกเจ้าหน้าที่เข็นกลับมาที่ห้องโดยมีปรางค์วลัยเดินตามมา หญิงสาวมีสีหน้าเครียด เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ตูน ออกไปกับพี่หน่อย” เมฆาเปิดประตูมาเรียกปรางค์วลัยออกไปคุย หญิงสาวพยักหน้าแล้วเดินตามเขาออกมาหน้าห้อง
“ผลไม่ดีเหรอ”
“ใช่ เจอก้อนที่ปอด”
“ใหญ่ไหม”
“ใหญ่ เราต้องส่องกล้องแล้วเอาเนื้อไปตรวจว่าเนื้อดีหรือเนื้อร้าย”
“อืม เอาที่เห็นสมควรเลย”
“น้าปริมมีประกันใช่ไหม”
“มี ประกันหลายตัว กับใช้สิทธิ์ที่ทำงานตูนได้ ตูนบรรจุแล้ว”
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่จัดการให้”
ปรางค์วลัยเดินกลับเข้าไปไปในห้องหลังจากเมฆาเดินออกไป เธอเลือกที่จะบอกมารดาถึงผลตรวจ MRI ซึ่งปริมเองก็ยอมรับและทำใจได้ หญิงสาวจึงสบายใจได้ในระดับหนึ่ง
แล้วก็เกิดปัญหาขึ้นอีกครั้ง เมื่อในช่วงเย็นปรางค์วลัยต้องกลับไปที่บ้านเพื่อไปเอาชุดทำงาน และถ้าเธอไปทำงาน ปริมจะไม่มีคนอยู่เฝ้า
“เอาอย่างนี้ไหมครับ น้าปริมย้ายออกไปอยู่ห้องธรรมดาไหม พยาบาลจะได้เดินดูได้ตลอด” เมฆาบอกปริมกึ่งขอความเห็นจากปรางค์วลัย
“ได้หมดจ้ะ น้าไม่มีปัญหา อีกอย่างเหลือแค่เก็บชิ้นเนื้อ น้าจะได้กลับบ้านแล้วนี่ อยู่ห้องธรรมดาก็ได้” ปริมไม่มีปัญหาอะไร
“ก็ได้ค่ะ”
“ไม่นานหรอกครับ หลังเก็บชิ้นเนื้อ เราจะรอดูอาการ 2-3 ชั่วโมง ถ้าไม่มีเลือดออกก็จะสามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้เลยครับ” เมฆาอธิบายขั้นตอนคร่าวๆ
“แต่พรุ่งนี้วันจันทร์ ตูนต้องไปทำงาน ใครจะอยู่กับแม่ล่ะ”
“เดี๋ยวพอหมอเจ้าของไข้ให้กลับบ้านได้ พี่ไปส่งน้าปริมที่บ้านก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ”
“รบกวนหรือเปล่าเมฆ น้ารอตูนมาตอนเย็นก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าน้าปริมกลับไปพักผ่อนที่บ้านน่าจะดีกว่า ไม่ต้องนอนอึดอัดอยู่บนเตียงโรงพยาบาล”
“เอาที่เมฆสะดวกเลยจ้ะ”
“งั้นเดี๋ยวจัดการเรื่องห้องพักให้เรียบร้อยก่อน แล้วเดี๋ยวตูนกลับบ้านพร้อมพี่ ไม่ต้องห่วงแม่ เดี๋ยวพี่ฝากพยาบาลเอาไว้”
หญิงสาวพยักหน้ารับเมื่อได้ยินสิ่งที่เมฆาพูด ตอนนี้เธอแทบจะคิดอะไรไม่ออก จึงปล่อยให้เขาเป็นคนจัดการทั้งหมด
หลังจากที่เมฆาทำเรื่องย้ายห้องพักให้ปริมและรอจนได้เตียงแล้ว เขาก็พาปรางค์วลัยไปทำเรื่องเอกสาร ก่อนจะขึ้นไปหาปริมที่เตียง
“ตูนกลับก่อนนะคะแม่ พรุ่งนี้เช้าตูนจะแวะมาหาก่อนไปทำงานค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เหนื่อยเปล่าๆ รอกลับไปเจอกันที่บ้านเลยดีกว่า” ปริมบอกบุตรสาวอย่างเข้าใจ
“ไม่ต้องห่วงน้าปริมหรอก พี่ขอให้พยาบาลช่วยดูให้แล้ว” เมฆาปลอบใจปรางค์วลัยพลางมองเธอด้วยสายตาจริงจัง
“งั้นตูนกลับก่อนนะคะ แม่อย่าปล่อยให้โทรศัพท์แบตเตอรี่หมดนะ ตูนจะได้ติดต่อได้”
“จ้ะ ไปเถอะ กลับกันดีๆ นะ”
“ครับ ถ้ามีอะไร น้าปริมเรียกพยาบาลได้ทุกคนนะครับ”
“จ้ะ”
ปรางค์วลัยกอดปริมก่อนจะเดินออกมา เมฆาเดินตามหลังหญิงสาวไปเงียบๆ จนเมื่อกำลังจะผ่านเคาน์เตอร์พยาบาลชายหนุ่มก็หยุดแล้วฝากปริมกับพยาบาลโดยบอกว่าเป็นน้าของเขา ก่อนจะเรียกให้หญิงสาวไปที่รถด้วยกัน และขับออกไปในเวลาไม่นาน
“พรุ่งนี้ไปทำงานใช่ไหม”
“อือ”
“ออกมาพร้อมพี่เลยก็แล้วกัน พี่จะมาดูน้าปริมแต่เช้า”
“อือ”
“กุญแจบ้านล่ะ” มือหนาแบขอกุญแจบ้านของหญิงสาว
“เอาไปทำอะไร” ปรางค์วลัยถามเขาพลางขมวดคิ้ว
“ก็พรุ่งนี้พี่ต้องพาน้าปริมกลับมาส่งที่บ้าน จะไม่ให้พี่มีกุญแจเข้าบ้านเหรอ”
“ลืม โทษที กุญแจพวงของแม่อยู่ที่บ้าน เดี๋ยวกลับไปถึงบ้านค่อยเอา”
“อืม”
ปรางค์วลัยนั่งเงียบจนกระทั่งถึงบ้าน เมื่อถึงบ้านเธอก็หายเข้าไปไม่นานแล้วกลับออกมาพร้อมกับกุญแจบ้านอีกพวงที่เป็นของมารดาเธอ
“พวงนี้ของแม่ ห้ามทำหาย”
“รู้แล้วน่า”
“พี่จะเก็บเอาไว้เลยก็ได้ เผื่อตูนไม่อยู่แล้วจะเข้ามาหาแม่”
“อือ ก็ต้องอย่างนั้น”
“ขอบคุณ”
“อืม ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าก็ออกมาก่อน 7 โมงแล้วกัน”
“อือ”
หญิงสาวเดินกลับเข้าบ้านไปโดยมีสายตาคมมองตาม เขารอจนเธอปิดประตูล็อกบ้านเรียบร้อยแล้วถึงได้เดินเข้าบ้านไป