ตอนที่ 6 พบหมอในห้องนอน

1342 Words
“กลับมาแล้วค่ะ” “ทำไมกลับมาเร็วล่ะลูก” “เลิกงานแล้วออกมาเลยค่ะ ตูนไปอาบน้ำก่อนนะแม่ เดี๋ยวลงมาทำมื้อเย็นให้” ปรางค์วลัยพูดจบก็เดินขึ้นบันไดไป ปริมมองตามหลังบุตรสาวไปก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเมฆายังไม่ลงมา เธอได้แต่ภาวนาว่าเด็กทั้งสองจะไม่ตีกันจนบ้านอื่นได้ยิน เมื่อขึ้นมาถึงหน้าห้อง หญิงสาวก็เปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ต้องร้องอุทานแล้วหมุนตัวหันหลังแทบจะทันที เพราะคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงนั้น อยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำ แต่กลับไม่ห่มผ้าด้วยซ้ำ “ให้ตาย ลืมสนิท” หญิงสาวพึมพำเบาๆ “กลับมาแล้วเหรอ” “ค่ะ พี่เมฆห่มผ้าก่อนได้ไหมคะ” “อ้าว โทษที” จากเดิมที่ปรางค์วลัยตั้งใจจะออกไปจากห้องเธอก็เปลี่ยนใจเมื่อเขาตื่นขึ้นมาพอดี เธอยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนรู้สึกได้คนบนเตียงขยับก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อหัวไหล่ทั้งสองข้างถูกจับเอาไว้แน่น “เป็นอะไร” เมฆาลุกจากเตียงนอนตรงเข้าไปประชิดตัวหญิงสาว จับไหล่บอบบางเอาไว้ทั้งสองข้างแล้วก้มหน้าไปกระซิบข้างใบหูเล็ก “.....” ปรางค์วลัยยืนตัวแข็ง เธอไม่ตอบอะไร “ล้อเล่น เดี๋ยวพี่เข้าไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำแป๊บนะ พี่เข้าไปแล้วเราค่อยหันมา” ปรางค์วลัยรอจนได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำ เธอจึงหมุนตัวกลับมาท่ามกลางความโล่งใจ ใบหน้าอ่อนหวานขึ้นสีเล็กน้อย หญิงสาวเดินเข้าไปเก็บกระเป๋าของเธอเข้าที่แล้วเตรียมที่จะออกจากห้อง ตั้งใจว่ารอเขาลงไปก่อนเธอคต่อยนกลับขึ้นมาอาบน้ำ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เมฆาเปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี “จะไปไหนล่ะ” “ลงไปข้างล่างค่ะ” “ไม่ต้องหรอก จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ พี่จะลงข้างล่างแล้ว เดี๋ยวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงพยาบาล” ชายหนุ่มเดินมาหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงนอน แล้วแกล้งขยับยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าหวานจนเธอตกใจ มือเล็กผลักเขาออกโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆด้วยความอารมณ์ดีแล้วเดินออกจากห้องไปท่ามกลางสายตาขุ่นเคืองจากปรางค์วลัย เมื่อหญิงสาวลงมาจากชั้นบน ก็ไม่เห็นร่างสูงอยู่ในบ้านของเธอแล้ว จึงเดินเข้าไปในครัวและทำหน้าที่ของเธอตามที่บอกกับมารดาเอาไว้ เช้าวันต่อมา หลังจากเมฆาออกเวรก็ตรงกลับบ้านเลย เมื่อคืนมีเคสฉุกเฉินหลายเคส เขาจึงมีอาการอ่อนเพลียพอสมควร เมื่อเลี้ยวเข้ามาในซอย ดวงตาคมก็กวาดมองไปรอบๆตามปกติ แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นคือเด็กน้อยข้างบ้านเขาอย่างปรางค์วลัยกำลังก้าวขึ้นรถยนต์คันหรูที่มองจากข้างนอกก็เห็นหน้าตาคนขับว่าน่าจะเด็กกว่าเขาและเป็นคนในชุดเครื่องแบบ “ยัยปลาการ์ตูนไปกับใคร” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองด้วยความแปลกใจ เขาเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจก่อนจะไปจอดรถที่หน้าบ้านแล้วไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่ได้เอารถเก็บเพราะเป็นเวลาช่วงกลางวัน ทางด้านปรางค์วลัย หลังจากที่รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกไปเธอก็ผ่อนลมหายใจออกมา “เป็นอะไรหรือเปล่า” นพรุจเอ่ยถามหญิงสาวพลางเลิกคิ้ว “เปล่าค่ะ พอดีมันเฉียดเวลาที่ตูนจะไปสาย เลยแอบโล่งใจนิดหน่อยค่ะ” “พี่มาเจอพอดีสินะ” “ใช่ค่ะ พอดีวันนี้ตูนออกจากบ้านช้าน่ะค่ะ โชคดีที่พี่รุจมาเจอ” นพรุจ หรือ รุจ ชายหนุ่มอายุ 30 ปี บ้านเขาอยู่ปากซอยบ้านของปรางค์วลัย ซึ่งห่างกันไปหลายหลัง ชายหนุ่มทำงานในเครื่องแบบ จึงเป็นที่นับหน้าถือตาไม่ต่างกับเมฆาที่เป็นหมอเลย “แล้วแม่เป็นอย่างไรบ้าง” “แม่ตัดสินใจปฏิเสธการรักษาค่ะ แต่รอไปคุยกับคุณหมอวันนัดอีกที ตอนนี้คือตัดสินใจกันเอง ยังไม่ได้บอกคุณหมอเลยค่ะ” “พี่ว่าลองรักษาดูก่อนไหม น้าปริมก็ยังอายุไม่เยอะ” “แม่กลัวทรมานน่ะค่ะ การรับคีโมมันมีเอฟเฟค เขาคงกลัวร่างกายรับไม่ไหว” “ที่พี่ได้ยินมา แล้วแต่ยานะ บางสูตรมีเอฟเฟค บางสูตรไม่มี” “เอาไว้ตูนค่อยคุยกับแม่อีกทีค่ะ” ปรางค์วลัยนั่งคุยเล่นกับนพรุจไปตลอดทางจนกระทั่งลงจากรถ เธอส่งยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเดินหายเข้าไปในมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มถึงเคลื่อนตัวออกไป ด้วยความที่อาทิตย์นี้เมฆาเข้าเวรกลางคืน จึงไม่ได้เจอปรางค์วลัยอีกเลยทั้งอาทิตย์ จนกระทั่งวันนัดอีกครั้ง ซึ่งเป็นวันที่เขากลับมาอยู่เช้าตามปกติพอดี หญิงสาวพามารดาขับรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง และหลังจากที่พูดคุยกับหมอและปฏิเสธการรักษา เธอก็พามารดาไปหาอะไรกินที่ห้างสรรพสินค้า และกลับมาบ้านในช่วงค่ำ “แม่เข้าไปเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวตูนปิดประตูเอง” หญิงสาวบอกเสียงใส เมื่อเห็นมารดายืนรอเพื่อจะปิดประตูรั้วให้ หลังจากมารดาเดินหายเข้าไปในบ้าน หญิงสาวก็ถอยรถเข้าบ้านและตั้งใจจะปิดประตูรั้วตามปกติก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามาหยุดที่ตรงหน้าเธอ “อ้าว มีอะไรคะ” “เมื่อเช้า.....” “คะ?” “.....ช่างเถอะ น้าปริมล่ะ” “อยู่ในบ้านค่ะ” “พี่ขอเข้าไปดูน้าปริมหน่อย” “ตามสบายค่ะ” เมฆาเดินเข้าไปในบ้านของปรางค์วลัยอย่างคุ้นเคยหลังจากที่หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบให้ เขาตรงเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนที่เพิ่งจะหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะสอบถามอาการและสิ่งผิดปกติอย่างอื่นที่อาจจะเกิดขึ้นตามอาการ เมื่อเห็นว่าอาการของปริมยังคงที่เขาก้โล่งใจและขอตัวกลับบ้าน เมื่อออกมาด้านนอก ชายหนุ่มก็เห็นว่าปรางค์วลัยกำลังยืนคุยกับใครบางคนที่หน้าบ้าน เขาแอบไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเดินออกมาใกล้คนทั้งคู่แล้วเห็นว่าเป็นคนเมื่อเช้าที่เขาเห็นปรางค์วลัยขึ้นรถไป “พี่กลับเข้าบ้านก่อนนะ” เมฆาบอกหญิงสาวพลางมองนพรุจด้วยสายตาดุ “เชิญเถอะค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ ไม่ได้สนใจเขามากนัก ปรางค์วลัยรอจนเมฆาเดินกลับเข้าบ้านไปก็ยืนคุยกับนพรุจต่อ ชายหนุ่มเอากระเช้าเครื่องดื่มบำรุงมาฝากให้ปริม จึงยืนคุยกันอีกพักใหญ่ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับบ้าน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคมดุมองพวกเขาทั้งคู่ด้วยความไม่พอใจ เช้าวันต่อมา เมฆาตั้งใจออกจากบ้านแต่เช้า เขาไปจอดรถหลบอยู่แถวหน้าปากซอยเพื่อรอดูว่าวันนี้ปรางค์วลัยจะออกไปกับผู้ชายคนเมื่อวานอีกหรือเปล่า และก็เป็นไปตามที่เขาคิด หญิงสาวเดินออกมาเจอรถของไอ้หมอนี่จอดอยยู่ และเธอก็ถูกเรียกขึ้นรถ นั่นหมายความว่ามันจอดรถรออยู่ก่อนแล้ว และรอให้เธอเดินมาเจอเท่านั้นเอง “งั้นไอ้ช่อดอกไม้กับสร้อยข้อมือที่ยัยตูนเก็บเอาไว้ ต้องเป้นของไอ้หมอนี่แน่นอน” เสียงทุ้มหูพึมพำเบาๆ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกจากมุมที่จอดหลบอยู่ เห็นทีว่าเขาจะต้องคุยกับปรางค์วลัยเสียหน่อย การที่ไว้ใจใครง่ายมันจะไม่ปลอดภัยกับตัวเธอเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD