“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ชมพูแพรถามเมื่อจับทั้งคู่แยกกันได้โดยมีเธอกับชยกรนั่งคั่นกลาง
“ไม่มีอะไรหรอก” ปรางค์วลัยพูดตัดจบแล้วยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก
“งั้นจบนะ จะตีกันก็ไปตีกันนอกรอบ” หญิงสาวตัวเล็กสรุปให้
“อือ” ปรางค์วลัยส่งสายตามองเมฆาอย่างคาดโทษ
“เออๆ จบก็จบ กลับบ้านเจอกัน ยัยปากจัด”
“ไอ้หมอเมฆ” ชยกรเรียกเมฆาเสียงเข้มเมื่อเพื่อนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“ครับ จบครับ” เมฆายอมเงียบเสียงลงแต่โดยดี
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” พศินเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับหนุ่มหล่อชาวต่างชาติ ก็แปลกใจเมื่อเห็นบรรยากาศบนโต๊ะที่ยังมีกลิ่นมาคุจึงหันไปถามชมพูแพร
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่หิ้วหนุ่มที่ไหนมาเนี่ย” ชมพูแพรถามพศินกลับพลางยิ้มรับผู้มาใหม่
“เพื่อนใหม่จ้ะ รู้จักกันเมื่อกี๊เลย”
“สวัสดีครับ ผมชื่อเบน”
พศินบอกเพื่อนๆ พร้อมกับที่ชายหนุ่มตาน้ำข้าวผู้มาใหม่แนะนำตัวเอง แล้วจับมือกับชยกร เมื่อเขาทั้งคู่รู้จักกันดี
“ยินดีต้อนรับกลับมา” ชยกรยิ้มทักทาย
“ดีใจที่ได้กลับมา” เบนเองก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน
“รู้จักกันเหรอคะ” พศินถามทั้งสองคนสีหน้าแปลกใจ
“เพื่อนกันตอนเรียนไฮสคูลครับ” ชยกรบอก คลายความสงสัยของทุกคน
“เออ โลกกลมดีแหะ เดี๋ยวนะ ขอไล่เลียงหน่อย คุณหมอหนึ่งเป็นผัวยัยชมพู ยัยชมพูเป็นเพื่อนฉันกับยัยตูน ฉันบังเอิญรู้จักเบน เบนเป็นเพื่อนหมอหนึ่ง” พศินสรุปงงๆ
“และหมอเมฆเป็นเพื่อนพี่หนึ่ง ที่บังเอิญรู้จักกับยัยตูนด้วย” ชมพูแพรสรุปต่อให้ยิ้มๆ
“แล้วก็รู้จักเบนด้วย เพราะเรียนด้วยกันทั้งสามคนเลย” ชยกรต่อให้จนจบ
“เออ โลกกลมเว่อร์ นั่งด้วยกันไหมคะเบน” พศินมองหน้าทุกคนเหลอหลา ก่อนที่จะชวนเบนให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน
“ด้วยความยินดีครับ” เบนนั่งลงข้างเมฆา ส่วนพศินนั่งลงข้างปรางค์วลัย
หลังจากทำความรู้จักกันและพูดคุยกันอยู่จนดึก ชยกรก็ขอตัวพาชมพูแพรกลับก่อน เพราะหญิงสาวเริ่มเมา ก่อนที่จะแยกออกมา
ทางด้านปรางค์วลัยที่ดื่มไปหนักและเห็นพศินกับเบนเริ่มสานสัมพันธ์กันจึงขอตัวกลับบ้าง เธอเดินออกไปหน้าร้าน ตั้งใจจะให้พนักงานเรียกแท็กซี่ให้ แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกดึงข้อมือเอาไว้
“อะไรอีก”
“กลับพร้อมฉันสิ”
“ไม่อะ เหม็นขี้หน้า”
“เฮ้ ฉันไปทำอะไรให้เธอเนี่ย ถึงได้หาเรื่องฉันจัง”
“เรื่องของฉันเหอะ”
ปรางค์วลัยยักไหล่ เธอไม่แคร์เขามานานมากแล้ว หญิงสาวสะบัดมือเขาออกแล้วเดินออกไปหาพนักงานที่ทำหน้าที่จัดรถ แต่ก็ถูกดึงเอาไว้อีกครั้ง
“มายุ่งกับฉันทำไมเนี่ย”
“ก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอก แต่ไม่อยากให้มีข่าวคนโดนฉุดไปข่มขืนขึ้นหน้าโทรทัศน์”
ชายหนุ่มเสียงดังใส่คนตัวเล็กกว่าด้วยความหงุดหงิด เขาออกแรงดึงให้เธอเดินตามเขาไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกล เปิดประตูแล้วผลักหญิงสาวให้ขึ้นไปนั่งบนรถเบาๆ
แต่ด้วยความที่ปรางค์วลัยเมาอยู่ไม่น้อย เธอจึงหงายลงไปนั่ง กระโปรงที่สั้นอยู่แล้วเลิกขึ้นมาจนแทบจะเห็นชั้นใน เธอสบถด่าเขาด้วยความไม่พอใจก่อนจะนั่งหน้างอ
“โทษที ไม่ได้ตั้งใจ”
เมฆาพูดจบก็ปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ก้าวขึ้นรถ และขับออกไปด้วยความเร็วจนปรางค์วลัยร้องวี้ดด้วยความตกใจ
บนรถมีแต่ความเงียบเมื่อปรางค์วลัยไม่พูด เมฆาลอบมองคนข้างๆ เด็กสาวในวันนั้นที่เคยวิ่งตามเขาต้อยๆ วันนี้กลับกลายเป็นสาวสวยสะพรั่งและไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
“ปีนี้เธออายุเท่าไหร่”
“23 ปีแล้ว ทำไม”
“เปล่า อยากรู้เฉยๆ”
“อืม”
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง เมื่อปรางค์วลัยเลือกที่จะปิดเปลือกตาลงเป็นการตัดการพูดคุยใดที่จะเกิดขึ้น เมฆาเหลือบมองเธอแล้วก็ตั้งสมาธิกับการขับรถ แต่กลิ่นกายสาวที่ลอยมาเตะจมูกมันกวนสมาธิของเขาเหลือเกิน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ปรางค์วลัยก็เปิดประตูเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจเมฆาเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเปิดประตูบ้านของตัวเองแล้วเอารถเข้าไปจอด ก่อนจะปิดล็อกประตูบ้านแล้วเตรียมตัวจะเข้าบ้าน แต่เมื่อประตูกำลังจะถูกเปิดก็ต้องชะงักเท้า เมื่อได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากทางบ้านของสาวน้อยที่เพิ่งเข้าไปในบ้านเมื่อสักครู่
“หมอเมฆ แม่เป็นอะไรไม่รู้ เข้ามาดูหน่อยเร็ว!!!”
ปรางค์วลัยที่กลับมาถึงก็ขึ้นไปบนบ้านแล้วเข้าไปในห้องของมารดา เหมือนเช่นทุกวัน แต่เมื่อเข้าไปก็เห็นว่ามารดานอนกองอยู่กับพื้นห้องจึงรีบวิ่งออกมาตามเมฆาให้เข้ามาดู
เมฆาได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่สนใจประตูที่ไม่ได้ปิดเลยสักนิด ชายหนุ่มเปิดเข้าไปในบ้านของปรางค์วลัยด้วยความคุ้นเคย สายตาคมกวาดมองไปทั่ว เมื่อไม่เห็นร่างของหญิงเจ้าของบ้านผู้ใจดีก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เขาตรงเข้าไปยังห้องที่ยังเปิดประตูค้างเอาไว้อยู่ตามสัญชาตญาณ
“น้าปริม ได้ยินผมไหมครับ”
“เมฆเหรอลูก”
“ครับ น้าล้มไหมครับ ศีรษะกระแทกไหม”
“น้ารู้สึกเหมือนน้าหายใจไม่ค่อยออก แล้วอยู่ๆ ก็วูบไปเลย”
“เจ็บตรงไหนไหมครับ”
“เจ็บศีรษะนิดหน่อย แต่น้าหายใจไม่ค่อยออก เหมือนไม่อิ่ม”
“ไปโรงพยาบาลกับผมนะครับ”
“จ้ะ”
“ตูน ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหยิบบัตรประชาชนของน้าปริมไปด้วย”
“โอเค”
เมฆาได้ยินที่ปริมบอกก็รีบอุ้มร่างผอมบางขึ้นในอ้อมแขน ปรางค์วลัยเตรียมจะวิ่งตามลงไปก็ถูกเขาสั่งให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบเอกสารของมารดาไปด้วย เธอตอบรับแล้วกลับไปที่ห้องตัวเอง
เสื้อผ้าชุดสวยถูกถอดออกโดยที่เธอไม่ทันได้ปิดประตูห้องนอนด้วยซ้ำ เพียงไม่ถึงนาทีหญิงสาวก็อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เธอวิ่งเข้าไปในห้องนอนของมารดา หยิบกระเป๋าสตางค์ใบเล็กขึ้นมาแล้วลงไปชั้นล่างด้วยใจร้อนรน มือเล็กหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาคล้องเอาไว้บนแขน ก่อนจะปิดล็อกบ้านแล้วรีบวิ่งไปที่รถของเมฆาที่จอดอยู่ในบ้าน
“ล็อกประตูให้หน่อย”
เมฆาสั่งให้ปรางค์วลัยล็อกบ้านให้เขา เพราะเขาต้องเคลื่อนรถออก รอจนหญิงสาวขึ้นมาบนรถจึงรีบเหยียบคันเร่งตรงไปที่โรงพยาบาล
“ก่อนหน้านี้น้าปริมมีอาการอะไรไหม”
“แม่ไอมาพักหนึ่งแล้ว แล้วก็รู้สึกเหมือนมีเสมหะตลอดเวลา บอกให้ไปหาหมอก็บอกว่าเป็นภูมิแพ้ น่าจะแพ้อากาศ ไม่ยอมไปหาหมอ” ปรางค์วลัยบอกเล่าเท่าที่เธอนึกได้
“นานหรือยัง”
“ไม่แน่ใจ น่าจะ 4-5 เดือน”
“ไอมาตลอดเลยใช่ไหม”
“ใช่”
“จากที่ฟัง ฉันคิดว่าไม่ใช่เรื่องดี เตรียมใจเอาไว้หน่อยละกัน”
เท้าหนาเหยียบคันเร่งแทบทะลุ เขามาถึงโรงพยาบาลภายในเวลาไม่นาน เมื่อมาถึงเมฆาก็เรียกขอเปลจากเจ้าหน้าที่ให้เข้ามารับคนไข้ส่วนตัวเขารีบลงจากรถเพื่อตามเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินด้วยตัวเขาเอง
“ตูน เอารถไปจอด เดี๋ยวพี่ไปดูแม่ให้เอง”
“ค่ะ”
ปรางค์วลัยสลับมาขึ้นฝั่งคนขับแล้วเอารถไปจอดที่ลานจอดรถ แล้วกลับมารอที่หน้าห้องฉุกเฉิน
ทางด้านเมฆา เมื่อเข้ามาในห้องฉุกเฉินพร้อมกับพยาบาลก็ได้พูดคุยอาการกับหมอเวร และได้รับการวินิจฉัยตรงกันว่าควรให้แอดมิทรอดูการก่อน และจะส่งคนไข้ทำ MRI ในวันรุ่งขึ้นเพราะเกรงว่าศีรษะอาจจะกระแทก และมั่นใจว่าปอดน่าจะผิดปกติ
พักใหญ่กว่าที่เมฆาจะเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน เขาพาปรางค์วลัยไปกรอกข้อมูลและจองห้องพักคนไข้ในโรงพยาบาลโดยใช้สิทธิ์ญาติของเขาเพื่อช่วยเบาค่าใช้จ่ายให้เธออีกแรง
นานหลายชั่วโมงกว่าที่ทุกอย่างจะเรียบร้อยและปริมได้เข้าพักผ่อนในห้องพัก ปรางค์วลัยนั่งหน้าซีดอยู่ข้างเตียง เธอไม่ได้คิดว่ามารดาจะเป็นอะไรเยอะจนถึงขั้นต้องแอดมิท
“กลับไปนอนพักที่บ้านเถอะลูก แม่ไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่เอาค่ะ”
“งั้นเอาอย่างนี้ไหมครับน้าปริม เดี๋ยวผมพาตูนกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วก็เอาเสื้อผ้ามาค้างสักชุด แล้วเดี๋ยวผมกลับมาอยู่โรงพยาบาลด้วย ตูนจะได้ไม่ต้องเดินทางคนเดียว แล้วน้าก็จะได้มีคนเฝ้าด้วย”
“ได้จ้ะ ฝากตูนด้วยนะเมฆ”
“ครับ เดี๋ยวผมรีบไปรีบมา ผมจะให้พยาบาลคอยเดินมาดู ถ้ามีอะไรน้ากดเรียกพยาบาลได้เลยนะครับ”
“จ้ะ”
เมฆาดึงข้อมือเล็กของปรางค์วลัยให้ออกไปด้วยกัน เขายืนสั่งงานพยาบาลอยู่ชั่วครู่ เพราะตอนนี้ไม่มีคนเฝ้าปริม ก่อนจะรีบพากันไปที่รถและเขาก็ขับออกไปด้วยความเร็วพอสมควร
“กลับไปถึงก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดกระเป๋าใบเล็กใส่ของจำเป็นไป”
“อืม”
“ออกมาเจอกันภายในครึ่งชั่วโมงล่ะ”