ต่างสถานที่ เวลาเดียวกัน ณ โกลล์เด้นเรสสิเด้น คอนโดหรูระดับห้าดาวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชายหนุ่มคมเข้มหน้าตาดีเดินเข้าไปหาพนักงานที่เคาเตอร์ พนักงานขายของคอนโดฯ ยิ้มทักทายลูกค้าอย่างนอบน้อม
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง ทวิชก็รู้สึกชอบทันที ถึงแม้ว่าคอนโดฯ แห่งนี้จะยังตกแต่งไม่เสร็จสมบูรณ์ ทว่าการออกแบบที่ดูเรียบ ถ้าได้รับการตกแต่งที่ดีจะทำให้ดูหรูหราขึ้นมาไม่น้อย
“ตกลงผมเอาห้องนี้ละครับ”
“เชิญที่สำนักงานคอนโดฯ ก่อนดีกว่าค่ะ เราต้องคุยรายละเอียดกันอีกมาก”
หลังจากตกลงใจ พนักงานขายของคอนโดฯ ก็เชิญทวิชไปที่สำนักงานขาย รายละเอียดของคอนโดฯ ถูกนำมาวางตรงหน้าอย่างสุภาพ
“นี่เป็นรายละเอียดและสัญญาค่ะ คุณทวิชอ่านแล้วเซ็นชื่อลงตรงนี้
ค่ะ ส่วนเรื่องการยื่นขอสินเชื่อทางเราจะจัดการให้ เพียงแค่คุณคุณทวิชส่งเอกสารตามรายการนี้ให้กับเรา”
“ผมจะชำระเป็นเงินสดครับ ไม่ยื่นกู้ธนาคาร” ชายหนุ่มบอกหลังจากที่จดปลายปากกาลงเซ็นเอกสารและยื่นส่งคืนให้พนักงานเรียบร้อย
“ค่ะ แล้วคุณทวิชพอจะมีเวลาว่างที่จะคุยกับสถาปนิกเรื่องการตกแต่งวันไหนคะ”
“ผมพร้อมทุกวัน คุณนัดมาได้เลย แต่ผมต้องการเร็วที่สุด”
“แล้ววันนี้คุณพอจะมีเวลาว่างมั้ยคะ สถาปนิกของเรากำลังประชุมอยู่ค่ะ อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงก็ออกมาแล้ว คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาอีก ทางเราก็จะได้ดำเนินการตกแต่งได้เลยด้วย”
“ครับ ผมไม่ได้มีธุระอะไร รอได้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันเชิญคุณทวิชที่ห้องรับรองก่อนนะคะ ถ้าสถาปนิกประชุมเสร็จดิฉันจะพาไปพบค่ะ แล้วนี่เป็นแฟ้มงานกับหนังสือที่เราเคยออกแบบไว้ คุณทวิชลองเลือกดูไปพลางๆ ก่อนนะคะ หรือถ้าคุณไม่ชอบก็แจ้งสถาปนิกของเราได้เลยค่ะ ทางเรายินดีจะออกแบบให้คุณทวิชใหม่ จนเป็นที่พอใจค่ะ”
พนักงานสาวพาชายหนุ่มไปที่ห้องรับรองก่อนที่เธอจะเดินกลับมาทำหน้าที่ของเธอต่อ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เดินนำสถาปนิกของโครงการเข้ามา
“ขอโทษที่ให้รอนะคะ นี่คุณพิภพ สถาปนิกของเราค่ะ”
“สวัสดีครับ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะครับ ทางเราทำให้คุณเสียเวลามามากแล้ว คุณทวิชมีแบบอยู่ในใจหรือเปล่าครับ"
“ครับ ผมอยากได้แบบที่ดูเรียบง่าย โทนออกสีดูคลาสสิกไม่หวือหวา ผมต้องการแค่นั้น อีกห้องผมจะใช้เป็นห้องทำงาน ผมขอระบบอินเตอร์เน็ต ห้องนี้ออกแบบให้ดูสบายตา อีกอย่างผมขอโซฟาที่สามารถปรับเป็นเตียงนอนได้ และเป็นห้องกระจกเปิดโล่ง ไม่ต้องมีประตู ผมต้องการแค่นี้แหละ และคิดว่าคงจะไม่ยากเกินไปสำหรับคุณ”
“ครับ ทางเราจะดำเนินการทันที”
“อย่างเร็วที่สุด คุณต้องใช้เวลาในการตกแต่งนานแค่ไหน”
“เราใช้เวลาตกแต่งไม่เกินสามวันครับ เพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้
อยู่แล้ว และอาจมีการเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย คุณทวิชสามารถย้ายเข้าอยู่ได้ภายในสิ้นเดือนตามรายละเอียดที่แจ้งมาได้เลยครับ แต่ถ้าคุณทวิชต้องการที่จะย้ายเข้าอยู่เร็วกว่านี้ ผมจะเร่งงานให้ ถ้าเสร็จก่อนกำหนดผมจะรีบแจ้งให้คุณทราบครับ”
“ขอบคุณมากครับ”
“ถ้าคุณมีอะไรที่จะแจ้งเพิ่มเติมก็แจ้งผ่านคุณนุ่มได้เลยนะครับ ผมต้องขอตัวก่อน สวัสดีครับ” สถาปนิกกล่าวลาก่อนที่จะเดินออกไป
มหานครกรุงเทพเมืองที่คราคร่ำไปด้วยยวดยานพาหนะชวนหงุดหงิด หากแต่วันนี้ป่านฝันขับรถออกมาจากบริษัทอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่เธอปิดจ็อบงานไปหลายตัว ทั้งที่เหนื่อยมาก แต่เธอกลับมีความสุขทุกครั้งที่สามารถปิดงานได้ หญิงสาวเปิดเพลงคลอและฮัมตามเบาๆ นิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยตามจังหวะเสียงเพลง
ทว่าเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะความสุข ป่านฝันเอื้อมมือคว้ากระเป๋าจากเบาะนั่งข้างตัว มือข้างหนึ่งควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าอย่างทุลักทุเล มืออีกข้างหนึ่งยังเกาะกุมพวงมาลัยอยู่ ดวงตายังจับจ้องการจราจรที่คับคั่งยาวเหยียดตรงหน้า
เธอหยิบเครื่องมือสื่อสารเครื่องจิ๋วออกมา ละสายตาจากการจราจรตรงหน้าเพียงนิดเพื่อดูเบอร์โชว์หราหน้าจอ
“คุณนวิน” ป่านฝันอ่านชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เธอทำงานเพลินจนลืมไปเสียสนิท ว่าวันนี้เธอนัดกับเขาไปรับชุดแต่งงาน หลังจากที่ตอบตกลงแต่งงานกับเขาเธอก็วุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งเตรียมงานแต่งและทำงานประจำของตัวเอง ส่วนเขากับเธอก็แทบจะไม่ได้เจอกัน เพราะสลับกันเข้าไปดูความเรียบร้อยที่โรงแรม
แม้กระทั่งชุดแต่งงานเธอก็ยังมีโอกาสได้เห็นวันนี้ ได้ลองใส่ก่อนถึงวันงานแค่วันเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังลืมจนเลยเวลานัดมาหลายชั่วโมง เขาคงไปถึงร้านแล้วถึงได้โทร. มาตาม
ป่านฝันกำลังจะกดรับโทรศัพท์
“แปร๊น!” ในจังหวะที่เสียงแตรรถจากคันข้างหลังดังขึ้น หญิงสาวสะดุ้งตกใจ พอเธอเงยหน้ามองก็ต้องเบิกตากว้าง ตัวสั่นแทบจะทำอะไรไม่ถูกกับเหตุการณ์กระชั้นชิด ปล่อยโทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือ รีบตั้งสติหักพวงมาลัยหลบมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่พุ่งเบียดเข้ามาหา
หญิงสาวเป่าปากถอนหายใจอย่างโล่งอกที่หักหลบได้อย่างฉิวเฉียด ขณะรถคันหลังบีบแตรไล่มาอีกทีก่อนจะขับแซงรถของเธอไป
สถานการณ์เมื่อครู่เธอขับรถชิดริมทางด้านซ้าย ในขณะที่มอเตอร์ไซค์กับรถยนต์คันหลังพยายามวิ่งแซงตีคู่กันมาจนเกิดการบีบแตรไล่ มอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวพยายามเบียดเข้าหาช่องว่างนั่นก็คือหน้ารถของเธอ ถ้าเธอไม่หักหลบคงจะชนมอเตอร์ไซค์คันนั้นเข้าอย่างจัง
“อึ๊ย! เกือบแล้วมั้ยยัยป่าน สังคมกรุงเทพฯ ก็ไม่มีน้ำใจในการขับรถกันเลย เมื่อไหร่จะเป็นอย่างบ้านเมืองที่เขาพัฒนาแล้วบ้างนะ” ป่านฝันบ่นต่ออย่างหัวเสีย ลืมเรื่องโทรศัพท์ที่เธอทำตกเสียสนิท
ป่านฝันขับรถต่อไปเรื่อยๆ พอกำลังจะเลี้ยวขึ้นทางเอก เสียงโทรศัพท์มือถือเจ้ากรรมก็ดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสายสอดสายตามองหาต้นเสียง แล้วก็เห็นเจ้าของเสียงเล็กแหลมตกอยู่ใต้เบาะข้างประตู
หญิงสาวพยายามเอื้อมมือออกไปสุดแขนจนหยิบได้ ในจังหวะเดียวกันกับเสียงบีบแตรจากรถคันหนึ่งดังลั่นขึ้นยาว หญิงสาวสะดุ้งตกใจเสียงแตรชะงักมือเงยหน้ามองข้างหน้า
“กรี๊ด!!!” ป่านฝันตาโตตกใจกรีดร้อง เท้าเหยียบเบรกมิด เพราะรถคันนั้นกำลังพุ่งตรงออกมาจากสี่แยกไฟแดงอีกด้านอย่างน่ากลัว
แรงกระแทกทำให้ป่านฝันฟุบหน้านิ่งอยู่กับพวงมาลัย แม้จะไม่มากแต่เธอก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง รถของเธอกับรถคู่กรณีกำลังจูบกันอยู่กลางถนน มือข้างหนึ่งของหญิงสาวยังกำโทรศัพท์ไว้แน่น ตัวสั่นเทิ้มเพราะความกลัว
ทวิชลงจากรถอย่างหัวเสีย เดินตรงไปเคาะกระจกเรียกคู่กรณีเสียงดัง
“คุณ! ลงมาคุยกันก่อน”
ชายหนุ่มเรียกเสียงเดือดดาล เมื่อเห็นว่าคู่กรณียังฟุบหน้าอยู่ที่เดิม เขาก็เพิ่มความดังขึ้นอีก ทั้งเสียงเคาะและเสียงเรียก
“นี่คุณ! คุณ!!!”
ป่านฝันเงยหน้าขึ้นกวาดตามองความเสียหายคร่าวๆ ระบบเบรกของรถหรูคงจะทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แต่กระจกรถของเธอกำลังจะพังเพราะแรงทุบจากคนด้านนอก
“อ๊าย! นี่จะทุบให้รถฉันพังด้วยรึไง ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ!” หญิงสาวตวาดแว้ด เมื่อเห็นเขากระหน่ำทุบไม่หยุด
“อ๊าย!! ฉันบอกให้หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!!” ป่านฝันออกคำสั่ง แต่คู่กรณีก็ยังไม่หยุดเคาะ
“นี่! รถฉันไม่ใช่ถูกๆ นะ มองไม่ออกหรือไง นี่เบนซ์นะไม่ใช่เซียงกง หยุดทุบได้แล้ว!”
ป่านฝันลดกระจกลงเล็กน้อย บอกคู่กรณีเสียงห้วนปรี้ดแตก เพราะเขาขับรถเกือบจะชนเธอ แต่กลับไม่ยอมหยุดเคาะ เธอลดกระจกลงอีก กระชากเสียงห้วนถามอย่างไม่พอใจ
“นี่! นายต้องการอะไรกันแน่”
ความร้อนจากภายนอกรถทำให้คนยืนตากแดดเริ่มหงุดหงิด เพราะเคาะอยู่ตั้งนาน ผู้หญิงไร้ความรับผิดชอบก็ยังไม่ยอมเปิดประตูรถออกมา และเมื่อเธอไม่เปิดเขาก็จะเปิดให้เอง ความเกรงใจหรือให้เกียรติคู่กรณีไม่ต้องมีก็ได้ คิดดังนั้น ทวิชก็กระชากประตูรถของหญิงสาวออกอย่างแรง
“ลงมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่!” ป่านฝันปฏิเสธเสียงแข็ง
“คุณ!! นี่คุณอีกแล้วเหรอ จับฉลากได้ใบขับขี่มาหรือไง ลงมา! ลงมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ คุณต้องโทร. เรียกประกันด้วย”
ทวิชบอกเสียงเข้ม สีหน้าบ่งบอกอารมณ์โกรธสุดๆ ทว่าอีกคนกลับไม่ตื่นกลัวสักนิด หญิงสาวก้าวลงจากรถเชิดหน้ารั้นเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอย่างไม่กริ่งเกรง
“นายต้องการค่าเสียหายเท่าไหร่ ฉันรีบ!” ป่านฝันบอกหยิ่งๆ เชิดหน้ามองผู้ชายที่พาความซวยมาให้เธอทุกครั้งที่เจอหน้า
“รถของคุณชนรถผม ให้ตายสิ! เจอคุณทีไรได้เรื่องทุกทีสิน่า วันก่อนก็ขี้เมา ขี้วีน วันนี้ก็จอมซิ่ง ปรี๊ดแตก แถมยังขาดความรับผิดชอบอีก”
ป่านฝันได้ยินคำพูดของเขาที่ว่าเธอตรงๆ ก็เดือดปรี๊ด เขากล้าดียังไง
ถึงมาว่าเธอ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าว่าเธอมาก่อน ป่านฝันเดินไปที่หน้ารถเพื่อสำรวจความเสียหายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง
“แล้วรถของคุณบุบสลายหรือยังไม่ทราบ เห็นแค่รอยแมวข่วน” หญิงสาวยืนเท้าสะเอวถามชายหนุ่มอย่างหงุดหงิด
“หรือว่าอยากได้เงิน นี่! เอาไป ฉันรีบ ทุกวันนี้มิจฉาชีพมีวิธีแปลกไปทุกวัน หน้าตาก็ดี” ป่านฝันบ่นกระปอดกระแปดแต่เปิดกระเป๋าหยิบเงินสามพันออกมา ก่อนจะยัดเงินใส่มือเขาแล้วหันหลังกลับขึ้นรถทันที
คนโดนซื้อด้วยเงินเลือดขึ้นหน้าโมโหจัด ดวงตาคมวาบกวาดมองผู้หญิงขี้วีนหัวจดเท้า ผู้หญิงอะไร ทั้งขี้เหวี่ยง ขี้วีน ขี้เมา จอมซิ่ง ไร้มารยาท แถมยังดูถูกคนอื่นอีก ขืนใครได้เป็นแฟนคงเหมือนนรกแตก
“หยุดกล่าวหาผมเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากโดนฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท แล้วเอาเงินของคุณคืนไป”
ทวิชยัดเงินใส่มือหญิงสาวคืน จ้องหน้าเธอด้วยแววตาโกรธจัด เน้นประโยคเข้มบอกเธอ
“เงินไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่าง คุณขอโทษผมมาซะ เรื่องมันจะได้จบ ผมจะได้ไปเสียที”
“อะไรนะ” หญิงสาวเลิกคิ้วถามกลับเสียงสูง
“ก็คุณขับรถฝ่าไฟแดงมาชนรถผม เอาเป็นว่า... รอยแผลแค่นี้ผมถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน แต่คุณจะต้องขอโทษผมก่อน หรือว่าผู้หญิงกระด้างอย่างคุณขอโทษใครไม่เป็น”
ป่านฝันมองผู้ชายตรงหน้าโกรธจัด เขาว่าเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เคยมีครั้งไหนที่เจอหน้าแล้วจะไม่ปะทะฝีปาก
แปร๊น! แปร๊น! แปร๊นนน!
เสียงแตรรถเริ่มดังถี่ เมื่อการจราจรด้านหลังสี่แยกติดขัด
ป่านฝันมองรถที่จอดต่อท้ายยาวเหยียดกลางสี่แยกทั้ง 4 ด้าน เห็นว่าคนขับเริ่มออกมายืนดูนอกรถ เธอสบตาพวกเขาอย่างอายๆ เพิ่งจะรู้ตัวว่าเธอกับผู้ชายคนนี้ยืนเป็นเป้านิ่งอยู่กลางถนน
“ฉันขอโทษ! พอใจหรือยัง”
พูดเสียงสะบัดแล้วก็ผละไปขึ้นรถก่อนจะขับออกไปทันที เธอทำก็ เพราะต้องการให้ทุกอย่างจบไปเท่านั้น ถ้าไม่คิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อน เธอจะไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ ที่ทำไปก็แค่จำใจ
ทวิชมองตามร่างแบบบางที่ก้าวขึ้นรถไปก่อนอย่างเดือดดาล ก่อนที่ตัวเองจะก้าวขึ้นรถและขับออกไปเหมือนกัน
“รู้แล้ว ทำไมถึงอยากมีแฟน อยากแต่งงานนักหนา ผู้หญิงอย่างเธอ คงไม่มีใครอยากเอามาเกะกะชีวิตให้วุ่นวายแน่”
ทวิชบ่นพึมพำ ตามองตามท้ายรถคันหรูที่ขับจากไป