แสงแดดสาดส่องลอดช่องว่างของใบไม้ ทว่าแสงสว่างจ้ากลับดูจืดไปถนัดตา เมื่อเปรียบกับหัวใจของคนในร้าน ความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศไม่สามารถช่วยอะไรได้สักนิด ข้อมือซ้ายถูกยกขึ้นบ่อยจนเจ้าตัวหงุดหงิด เข็มยาวกระดิกทีละนิดแต่ยังไม่เคยได้หยุดนิ่ง
ทำไมเวลามันคืบคลานอย่างเชื่องช้า สวนทางกับใจคนรออย่างเธอ ตอนนี้ก็ล่วงเลยเวลานัดมานาน แต่เพื่อนของเธอก็ยังไม่มากันสักที ยิ่งบ่ายนี้เธอ
ต้องไปพบลูกค้าก็ยิ่งทำให้หญิงสาวหงุดหงิดเพราะกลัวว่าจะไปสาย หากไม่มีเรื่องสำคัญที่จะต้องบอก เธอจะไม่ลังเลที่จะก้าวออกไปแม้แต่นิด
หรือว่า...นาฬิกาหรูที่ข้อมือซ้ายของเธอจะเกเร
วงหน้าเรียวรูปไข่ของว่าที่เจ้าสาวล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลแดง วันนี้ถูกปล่อยยาวสลวยแผ่สยายเคลียแผ่นหลัง ใบหน้าเนียนแต้มแต่งด้วยเครื่องสำอางชั้นดี แต่ก็มิอาจปกปิดริ้วรอยของความกังวลที่สะท้อนผ่านดวงตาคมเฉี่ยวคู่นั้นได้แม้แต่นิด
2 สาวแท้ 1 สาวเทียม เดินเข้ามาพร้อมกัน รินนี่เป็นฝ่ายทักทายหญิงสาวก่อน
“เป็นอะไรของหล่อนยะ หน้าหงิกเป็นชะนีหาผัวไม่ได้ ส่วนมากฉัน
จะเดาแม่น” คนทักหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมกับหยิบเมนูขึ้นมาสั่งกาแฟเย็นดับร้อน
“พวกหล่อนจะเอาอะไร” รินนี่เงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อนสาวอีก 2 คน
การประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบของป่านฝันวันนั้นทำให้เพื่อนทุกคนแปลกใจ ตอนแรกคิดว่าที่เธอประกาศออกมาเพราะความเมา เพราะมันเร็วมากจนเพื่อนตั้งรับไม่ทัน สามสาวต้องลากเพื่อนสาวออกมาเคลียร์ให้จบเรื่อง พวกเธอไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด ว่าการแต่งงานครั้งนี้มาจากความรัก มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะดารกา เธอต้องเป็นคนพิสูจน์ความรักของเพื่อนสาวด้วยตัวเองอีกสักครั้ง เธอรู้นิสัยป่านฝันดี ทั้งคู่เป็นทั้งเพื่อนรักและคู่กัดกันมาตลอด แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเพื่อนสาวจะลงทุนมากขนาดนี้ หญิงสาวคิดอย่างมีแผน
“คาปูชิโน่ปั่น” เสียงสองสาวบอกออกมาพร้อมกัน พร้อมทั้งย่อตัวลงนั่ง รินนี่ส่งค้อนให้ทั้งคู่เล็กน้อยก่อนจะเรียกบริกรมารับรายการและหันมาสนใจเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ก่อนหน้า
น้ำมะนาวปั่นที่อยู่ตรงหน้าป่านฝันพร่องลงไปครึ่งแก้ว เป็นคำตอบของอาการหน้าหงิกงอของเธอได้โดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม
“ว่าไงจ๊ะ ว่าที่เจ้าสาว ประกาศแต่งงานแซงหน้าเพื่อน เล่ามาอย่างละเอียด” พราวลดาไล่เลียงกับเพื่อนก่อน ไม่มีสักครั้งที่พวกเธอมีเรื่องปกปิด ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ด้วยแล้ว อย่างน้อยป่านฝันก็ต้องเปรยให้ฟังก่อนบ้าง ไม่ใช่มารู้ก่อนวันงานเริ่มวันเดียว
ดารกาเข่นเสียงเยาะขึ้นจมูก “ฮึ! เธอไม่ต้องกลัวแพ้ฉันจนต้องทำแบบนี้หรอกนะป่าน เรายังต้องเป็นคู่แข่งกันอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องงาน และเรื่องของหัวใจ แต่งานแต่งงานที่เธอหามาได้ เธอก็อย่าเพิ่งยิ้มและหัวเราะร่าว่าจะชนะฉันได้นะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ฉันจะพิสูจน์เธออยู่”
“พวกแพ้แล้วพาลอย่างเธอก็เป็นอย่างนี้แหละดาว” ป่านฝันตอบกลับไม่ลดละ ตามประสาไม้เบื่อไม้เมาที่ไม่เคยลงรอยกันสักทีตั้งแต่สมัยเรียน
ทุกครั้งพราวลดาจะเข้าข้างป่านฝันเป็นส่วนใหญ่ แต่คราวนี้เธอเห็นด้วยกับดารกาโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
“เธอแค่พูดประชดเพื่อนๆ ใช่มั้ยป่าน”
“ฉันคิดเหมือนดาวนะ วันก่อนที่ฉันแนะนำไป ไม่คิดว่าหล่อนจะตัดสินใจเร็วอย่างนี้ เรื่องแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดเล่นๆ นะ เราต้องอยู่กับเขาไปอีกทั้งชีวิต” รินนี่เตือนสติเพื่อน พราวลดาพยักหน้าหงึกคล้อยตามอีกคน
ป่านฝันยกมือกางสิบนิ้ว เป็นการหยุดทุกประโยคคำถามของเพื่อนรักทุกคน ที่พยายามซักไซ้ไล่ต้อนแทรกประสานกันขึ้นไม่เว้นจังหวะให้คนตอบได้คิดแม้แต่น้อย
“เอาทีละคน ทีละคำถามนะ แล้วฉันก็มีเวลาแค่ยี่สิบนาที พวกเธอมาสายมาก” ป่านฝันบอกพร้อมกับมองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง
“ไหนตอนแรกบอกว่าง” พราวลดาที่เป็นต้นเหตุของการมาสายในวันนี้รีบแย้ง งานเลขาของเธอติดพันตามเจ้านายจนเลทเวลานัดของเพื่อนไปเกือบครึ่งชั่วโมง
“เขาเรื่องเลยนะ ฉันจะแต่งงานอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า” ป่านฝันบอกออกมา
“ฮะ! อะไรนะ จริงอ่ะ!”
เพื่อนทั้งสามที่นั่งร่วมโต๊ะร้องประสานเสียงหลังจบประโยคของหญิงสาว ในจังหวะที่บริกรนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้พอดี จึงเป็นการเบรกเว้นระยะไว้สักครู่
ป่านฝันกลืนน้ำลายลงคอ ตั้งคอให้เชิดตรง หลังจากที่บริกรเดินออกไปเธอก็บอกย้ำอีกครั้ง
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น ฉันจะแต่งงานนะ” ป่านฝันบอกเพื่อนอย่างภูมิใจ เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของดารกา แน่นอนว่าไม้นี้เธอชนะดารกาไปอีกก้าว
“เธอจะแต่งกับใคร” ดารกาเป็นฝ่ายถาม
“เจ้าบ่าวของฉันชื่อกัปตันนวิน” ป่านฝันตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและภูมิใจ ทว่าเจ้าตัวกลับนึกย้อนไปถึงสาเหตุของการตอบตกลงแต่งงานกับเขาอย่างง่ายดาย ในวันที่เธอได้รู้จักว่าที่เจ้าบ่าวที่มารดาหาให้ซึ่งเป็นลูกชายของเพื่อนนาง และเพราะเธอรักพราวลดามาก เธอถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
ป้ายหน้าคฤหาสน์ย้ำชัดและฝังลึกอยู่ในห้วงความคิดของเธอ คนที่มารดาจะให้แต่งงานด้วยต้องเป็นคนของครอบครัวนี้ ป่านฝันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามารดาเป็นเพื่อนสนิทกับครอบครัวเจ้านายพราวลดา
เธอรู้ว่าบิดามีหุ้นส่วนเล็กน้อยในบริษัท แต่หลังจากที่บิดาเสียชีวิตลงมารดาของเธอก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวจะมีเพียงทนายที่แจ้งรายการปันผลประจำปีเท่านั้น
ภายในห้องอาหารของบ้านกุลบริฉัตร อาหารวางเรียงรายหลายอย่าง แม่นอมจัดอาหารขึ้นโต๊ะอย่างสวยงาม หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะแปลกใจกับอาหารเต็มโต๊ะ มีสมาชิกร่วมโต๊ะเพียงแค่สามคน เหมือนเจ้าบ้านจะเดาความรู้สึกของหญิงสาวออกได้ คุณทาริกากำลังจะบอก ทว่าลูกชายก็เดินเข้ามาก่อน
“สวัสดีครับป่าน ไม่นึกว่าคนที่คุณแม่พูดถึงจะเป็นคุณนะ ผมดีใจนะที่เราจะได้อยู่ร่วมบ้านกัน” ชายหนุ่มที่รั้งตำแหน่งแฟนของเพื่อนสาวทักทายเธออย่างสนิทสนม
มือของป่านฝันเย็นเยียบ ใบหน้าของพราวลดาวนเวียนอยู่ในสมอง เหน็บแนมลูกชายเจ้าของบ้านอยู่ในใจ ‘แนะ ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกนะ ถ้ายัยพราวรู้เธอจะเสียใจแค่ไหนที่มีแฟนโลเลแบบนี้’
ป่านฝันโมโหคำพูดของชายหนุ่ม เธอรู้ดีว่าเขาคบกับพราวลดาอยู่และเป็นแฟนกันมานานหลายปี หญิงสาวให้คำตอบตัวเองในใจได้ตั้งแต่วินาทีที่เจอหน้าเขา งานแต่งงานของเขากับเธอจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน เธอจะไม่มีวันทำร้ายเพื่อน แม้ว่าคนตรงหน้าจะทำได้ก็ตาม นึกถึงความเห็นแก่ตัวของเขา เธอก็ยิ่งโกรธ จนกระทั่งจบมื้ออาหารที่แสนอึดอัด หญิงสาวจึงขออนุญาตเดินเลี่ยงออกไปชมสวน
แสงเจิดจ้าในเวลาบ่ายของวัน สาดส่องลอดช่องใบไม้เล็กๆ สีเขียวเข้มของต้นบารมี ที่ยืนพุ่มแผ่กระจายเป็นยอดฉัตรหลายชั้น ปลูกเป็นแนวเรียงรายไปตามทางยาวของสวนรอบบ้านบนเนื้อที่หลายไร่ สายลมที่พัดแผ่วช่วยลดระดับความร้อนในเวลาบ่ายแบบนี้
“กาแฟมั้ยป่าน” เจ้าของบ้านเดินเข้ามาทักทายพร้อมกับถ้วยกาแฟในมือ เขายื่นให้เธอ
“ไม่ล่ะค่ะ กาแฟน่ะ กินมากหน้าจะเหี่ยว” ป่านฝันแขวะคนมาใหม่ แต่เธอยังคงน้ำเสียงให้ราบเรียบเป็นปกติ ทั้งโมโหและเกลียดผู้ชายแบบนี้ ปกติตอนอยู่ที่บริษัทเธอจะให้ความเคารพเขาในฐานะเจ้านาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อเล่นเธออย่างสนิทสนม
แต่คนโดนเหน็บกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้อยู่เป็นส่วนตัวกับมาเก็ตติ้งสาวคนนี้ ส่วนมากจะคุยกันเฉพาะเรื่องงานและเธอเป็นคนที่วางตัวดีมาก
“หึ... หึ...”
“คุณขำอะไร”
“เปล่า ผมแค่นึกถึงภาพอนาคตบ้านเราที่มีคุณเข้ามาอยู่ด้วย”
ลูกชายเจ้าของบ้านแหย่ยิ้มๆ แต่รอยยิ้มนั้นกลับยิ่งยั่วอารมณ์คนรักเพื่อนให้คุกรุ่นมากขึ้นไปอีก เขามีแฟนอยู่แล้วทั้งคน ยังมายิ้มน่าระรื่นกับผู้หญิงอื่น มิหนำซ้ำเธอก็เป็นเพื่อนรักของแฟนเขาแท้ๆ
นึกถึงตอนนั้นหญิงสาวก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง จนแสดงออกทางสีหน้าเพื่อนได้เห็นอย่างชัดเจน เพื่อน 3 คนที่นั่งอยู่มองว่าที่เจ้าสาวอย่างงุนงง
เธอจะทำทุกวิถีทางที่ไม่ต้องแต่งงานกับผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างเขา เสียแรงที่ตลอดเวลาเธอชื่นชมการบริหารงานของเขา ไม่นึกว่าตัวตนที่แท้จริงจะน่ารังเกียจได้มากมายขนาดนี้ เธอจะไม่มีวันทำให้เพื่อนเสียใจเด็ดขาด
“สงสัยจะเป็นไบโพลาร์” ดารกาเหน็บแนม
“เธอกำลังอิจฉาฉันใช่มั้ย”
ดารกายักไหล่ยังไม่รู้สึกทุกข์ร้อน “หน้าของเธอไม่มีราศีเจ้าสาวสักนิด ฉันจะไม่มีวันเชื่อ จนกว่าจะได้เห็นเธอแต่งงานจริงๆ”
“ฉันจะแต่งงานกับกัปตันนวิน ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าแน่” ป่านฝันเชิดหน้าตอบ
รินนี่ก็ปรายหางตามองเพื่อนสาวอย่างจับผิดแล้วพูดแทรกขึ้นมา “หรือว่าหล่อนท้อง!!! ต้องใช่แน่นอน แต่งสายฟ้าแลบแบบนี้ ฉันเห็นพวกดาราเขาทำกัน บอกว่าไม่มีแฟน แต่ก็ประกาศแต่งงานฟ้าแลบ แล้วก็คลอดก่อนกำหนด”
“เปล่านะ!!” ป่านฝันสะดุ้ง หลุดออกมาจากห้วงความคิด รีบปฏิเสธ
เสียงหลง
“คุณหญิงตราตั้ง ว่าที่แม่สามีของเธอกิตติศัพท์ย่อยที่ไหน เจ้ายศเจ้าอย่างจะตายไป คงจะหนีคานปะขุมนรกล่ะสิไม่ว่า” ดารกาบอก
“นี่เธอลงทุนไปสืบประวัติครอบครัวเจ้าบ่าวฉันเลยหรือนี่ โฮ๊ะ! น่านับถือในความหวังดีของเธอ จนอยากยกตำแหน่งเพื่อนดีเด่นให้ แต่ถ้าฉันแปลเจตนาเป็นความอิจฉาตาร้อน มันจะผิดมั้ยนะ!” เจ้าสาวยิ้มเยาะแปลเจตนาดีของเพื่อนเป็นอีกอย่าง
“เธอคิดดีแล้วหรือป่าน กัปตันนวินกำลังคบหาอยู่กับหม่อมหลวงการะเกดที่คุณหญิงแม่ของเขาเตรียมไว้ให้ เธอแน่ใจเหรอว่าจะไม่มีปัญหากับครอบครัวของเขาอ่ะ”
พราวลดาอดเป็นห่วงไม่ได้ นึกถึงปัญหาที่จะตามมา เตือนสติเพื่อนอีกครั้ง ถึงแม้เขาเป็นคนดีอย่างไรก็ตาม คนเราจะแต่งงานกันมันต้องใช้องค์ประกอบหลายอย่าง
ใบหน้าของป่านฝันซีดเผือดไปเล็กน้อย แต่เธอก็ต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติโดยเร็ว
“ขอบใจทุกคนมากนะที่เป็นห่วง ฉันกำลังจะแต่งงานกับคนที่รักฉันและฉันก็รักเขา ทุกคนต้องแสดงความยินดีกับฉันสิ” ป่านฝันบอก
“ถ้าเธอทำเพราะต้องการเอาชนะฉัน หรือเอาชนะคำพูดของเพื่อน หยุดเสียเถอะ” ดารกาบอก
“ฉันไม่แคร์คำพูดของใครมากขนาดนั้นหรอก ทุกอย่างเพราะการตัดสินใจของฉันเอง เธอสบายใจได้ หรือว่าเธออิจฉาฉัน”
“ฉันจะอิจฉาทำไม ในเมื่อ... อีกแปดสิบแปดวันฉันก็จะแต่งงานเหมือนกัน”
“ฮะ!!!” รินนี่และพราวลดาร้องเสียงหลง
“พวกหล่อนจะหยุดแข่งขันกันสักเรื่องได้มั้ย เรื่องแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะได้ประกาศและจัดเหมือนงานวันเกิดนะ” รินนี่ตั้งสติได้ก่อน
“ฉันพูดจริง อีกแปดสิบแปดวันฉันจะแต่งงาน”
“แต่งกับใคร” ป่านฝันถามกลับทันที
“บอกตอนนี้ก็ไม่สนุกสิจ๊ะ แน่จริงก็ไปสืบเอง”
“เอาละ! สองคนนี่ ตั้งแต่วันแรกที่คบกันจนผ่านมาสิบปีแล้ว เคยแข่ง
กันยังไงก็แข่งกันอยู่อย่างนั้น พวกเธอไม่เบื่อหรือเหนื่อยบ้างหรือไง เห็นพูดกันดีได้แค่ประโยคเดียวเอง” พราวลดาต่อว่า
“ไม่!!!”
สองสาวประสานเสียงตอบพร้อมกันทันที เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงจากเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งมันจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่รวมกลุ่ม ถึงแม้สองสาวจะแข่งกันทุกเรื่อง และมีเธอแกล้งกันแรงไปบ้างในบางครั้ง แต่ทั้งหมดก็ยังรักกัน
“โอเค เข้าใจตรงกันนะว่าอีกสองสัปดาห์ฉันจะแต่งงาน รับรองว่างานจะยิ่งใหญ่ไม่แพ้งานของใครเลย ฉันไปละ!” ว่าที่เจ้าสาวบอกทิ้งท้าย และเตรียมตัวเดินออกไป
“งานแต่งงานของฉันจะต้องยิ่งใหญ่กว่างานของเธอ” ดารกาเกทับร้องตามหลัง
ป่านฝันหันกลับมามองเพื่อนสาว “แค่ชื่อเจ้าบ่าวก็หาให้ได้ก่อนเถอะ ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากเสียหน้า” เธอบอกทิ้งท้ายแล้วเดินออกไป
หัวข้อสนทนาวนกลับมาที่ดารกา ทั้งรินนี่และพราวลดาต่างพากันซักไซ้ แต่เธอก็ไม่ยอมปริปากบอก