“อย่าให้กี๋รู้นะว่าอุ๋มกลับไปดีกับนายนาวินนั่นอีกน่ะ”
พิชชาอรบ่นหญิงสาวอีกคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับเธอ แต่อีกฝ่ายดูอ่อนหวานนุ่มนวลมากกว่าทั้งภายในและภายนอก ต่างจากเธอที่เป็นน้องแต่ตัวโตกว่าพี่สาว
ขณะปิดกระจกหลังจ่ายค่าน้ำมันเรียบร้อยแล้วเร่งเครื่องขับเคลื่อนออกจากมหานครมุ่งหน้าสู่เมืองพัทยาในทันที
“ไม่หรอกกี๋ เราแค่จะไปถามเรื่องเงิน กี๋ก็รู้นี่ว่าตอนนี้เราตกงาน แล้วกี๋ทำงานคนเดียวจะเลี้ยงเราไหวหรือไง ไหนจะค่าเช่าห้อง ค่ากินคูณสองหมดเลยนะ”
อมิตาร่ายยาวรู้ว่าถ้าพูดเรื่องเงิน พิชชาอรต้องยอมอย่างแน่นอน
“ก็บอกให้ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน กินด้วยกัน ตัวก็ไม่มา แล้วถ้าไม่ไหวจริงๆงั้นกลับไปของานอาตรีทำ” คนน้องว่าอย่างหน้าตาย อ้างถึงญาติเพียงคนเดียวของทั้งคู่ ที่เหลืออยู่
“อาตรีเหรอ ไม่เอาหรอก ไม่อยากไปเฝ้าสวนกับคอยเก็บค่าเช่าแผงให้แก” อมิตาว่าก่อนจะมุ่ยหน้าเมื่อนึกถึงบ้านต่างจังหวัด
“ไม่แน่นะ บางทีกี๋ก็คิดว่าถ้าทำงานเก็บเงินได้สักก้อนแล้วจะกลับไปอยู่กับอาตรี ปลูกผักเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ สบายจะตายไป”
“กี๋เนี่ยนะจะไปปลูกผักเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่” อมิตาถามยิ้มๆ หน้าตาบอกว่าไม่เชื่ออย่างปากพูด
“ทำไม” เจ้าตัวย้อนถามยวนๆ
“เรานึกภาพกี๋ทำแบบนั้นไม่ออกเลย”
“เรื่องนั้นยังอีกนาน เราว่าอุ๋มจัดการเรื่องของตัวเองก่อนเถอะ” ว่าจบตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อสู่จุดหมายปลายทางที่อมิตาขอร้องให้พาไปพบกับอดีตคนรักเก่าที่ผับของเขา เพื่อจัดการกับทรัพย์สินที่เคยซื้อให้เมื่อตอนยังคบหากันดีอยู่
นาวินคือผู้ชายคนแรกที่ได้ทั้งตัวและหัวใจของอมิตาไปเต็มๆ พิชชาอรรู้ดีว่าพี่สาวของเธอยังรักหมอนั่นอยู่ไม่เสื่อมคลาย ทั้งๆที่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้คิดจริงจังกับพี่สาวของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
จะอะไรนักหนา
หมอนั่นรวย หน้าตาดีระดับชาติ และยังมีสาวๆสวยๆรุมล้อมหน้าล้อมหลังออกแยะ เป็นไปได้น้อยเต็มทีที่จะมาลงเอยกับพี่สาวของเธอ ฝั่งนั้นคงแค่อยากลิ้มลองอมิตาเล่นๆเพียงเท่านั้นล่ะมากกว่า
แม้อมิตาจะเกิดก่อนเธอแต่อมิตานั้นเป็นคนหัวอ่อน ใบหน้าน่ารักอ่อนหวานราวกับตุ๊กตา ไหนจะรูปร่างที่ดูเล็กกะทัดรัดจึงดูราวกับว่ายังเป็นเด็กสาวเสมอ แต่เธอนั้นสูงโปร่งกว่าคนเป็นพี่โขอยู่ ใบหน้าของเธอแม้ใครๆจะบอกว่าสวยเฉี่ยว แต่หากไม่ยิ้มจะดูบึ้งดุอยู่ทุกเวลา
“กี๋ไปที่ร้านของวินเลยแล้วกัน อุ๋มถามเด็กในร้านแล้ว วันนี้เขาเข้าไปทำงานที่นั่น” อมิตาบอกเมื่อเห็นว่าอีกไม่กี่มากน้อยจะเข้าในเขตของเมืองพัทยาแล้ว
“หน้าแบบนั้นไปทำงานด้วยหรือไง น่าจะไปนั่งกินเหล้ามากกว่า พอเมาก็หิ้วสาวกลับห้อง” พิชชาอรพูดเพราะรู้นิสัยของฝ่ายนั้นดี
เกือบเที่ยงคืนกว่าที่พิชชาอรจะจอดรถลงได้ที่หน้าผับเปิดใหม่ ตรงใจกลางพัทยา
“มีเงินอย่างเดียวไม่พอนะเนี่ย ถึงจะเปิดร้านเหล้าสิ้นคิดแบบนี้ได้”
พิชชาอรบอกหมิ่นๆ ขณะลงจากรถ มองไปทั่วบริเวณอย่างไม่ใคร่จะพอใจเท่าไรนัก แล้วเดินตามแรงจูงของพี่สาวเข้าไปด้านในด้วยกัน
“เด็กเก่าผมว่าจะมาคุยเรื่องขายคอนโด ป่านนี้แล้วยังไม่เห็น สงสัยไม่มาแล้วมังฮะ” ญาติผู้น้องของปุญญ์บอกเล่าให้ฟัง ทั้งยังยิ้มส่งให้สาวสวยวัยแรกรุ่นอยู่ถัดไปอีกโต๊ะ ที่อีกฝ่ายโปรยยิ้มให้อย่างเชื้อเชิญ
ปุญญ์ถามขณะเอนหลังปิดตาลง ไม่ได้ใส่ใจกับคำตอบเท่าใดนัก“คนไหนอีก นี่เยอะจนพี่จำหน้าไม่ได้แล้วนะวิน”
“อย่าว่าแต่พี่เลยฮะ ผมเองก็ยังแทบจะจำไม่ได้” เจ้าตัวพูดอย่างติดตลก แล้วว่าต่อคล้ายคาดเดาเมื่อเลยเวลานัดไปแล้วยังไม่เห็นว่าจะมาตามนัด “สงสัยจะรอน้องสาวเขาเลิกงานก่อน ถึงมาได้”
“อ้าว มีน้องสาวด้วย งี้ก็เข้าทำนองน้องเมียก็เหมือนน้องเราน่ะสิ” ปุญญ์ว่ายิ้มๆ นาวินแค่นเสียงเยาะก่อนว่า “สวยก็จริงอยู่หรอกฮะ แต่ดุยังกับร็อตไวเลอร์”
“ขนาดนั้นเลย” คนถามพูดคล้ายไม่เชื่อ เขาไม่ค่อยเคยเจอผู้หญิงดุเท่าไรนัก
นาวินผงะ แล้วดึงแก้วออกจากปาก บอกอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้ “หรือพี่จะลองจีบดู ได้แล้วยังไง ถ่ายคลิปมาเผื่อผมด้วยนะฮะ”
ปุญญ์ผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เดี๋ยวขอดูหน้าดูหุ่นก่อนสิ รับปากซี้ซั้วได้ไง”
นาวินยิ้มกว้างขึ้นมาทันที แล้วคุยต่อ คราวนี้ถามอย่างอยากรู้คำตอบ เพราะจะเอาไปใช้กับงานในเครือของตนเองบ้าง “อ้อ แล้วงาน Jazz on the beach เที่ยวนี้พี่ให้ใครจัดฮะ คนชมกันเกรียวว่ามันเวิร์คมากเลย”
“คุณต้าไง”
ปุญญ์และนาวินเอ่ยถึงงานมหกรรมดนตรีที่จัดเสร็จไปเมื่ออาทิตย์ก่อนที่นอกจากจะประสบความสำเร็จในการจัดแสดงแล้วยังส่งผลดีต่อภาพรวมของราคาหุ้นอีกด้วย ปุญญ์เป็นคนต้นคิดเรื่องนี้ เขาบอกกับคณะกรรมการผู้บริหารว่าทั้งหมดนี้จัดเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวและกิจการในเครือของปุญญกาญจนรัตต์ หรือ PKR Group ซึ่งมันได้ผลดีเกินกว่าที่ได้คาดเอาไว้เสียอีก จนนาวินถึงกับต้องออกปากถาม ทั้งยังชื่นชมญาติผู้พี่คนนี้ อดอิจฉาในความสามารถของอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่เรื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็ตามที
“แล้วที่ผับนี่พี่จะหุ้นด้วยไหมฮะ หกสิบสี่สิบก็ได้ฮะพี่ปุญญ์ ผมเดือดร้อนจริงๆนะพี่”
“อือม์” ปุญญ์รับปากอย่างเนือยๆ
“แล้วบ่อนละฮะพี่สนด้วยไหม”
“วิน นายนี่นะจับแต่ของแบบนี้ระวังไว้บ้างเถอะ”
“ช่วยผมหน่อยเถอะฮะพี่ปุญญ์ ถือว่าช่วยน้องชายตัวเล็กๆคนนี้สักคนนะพี่นะ”
“อือ อือ” ไม่วายที่ปุญญ์จะรับปากส่งๆอีกครั้งก่อนตักเตือน “พี่บอกไว้ก่อนนะว่าอย่าไปลงกับธุรกิจสีเทาๆแบบนั้นนัก เงินได้มานายก็หมดไปกับอะไรบ้าง คิดดูเอาเถอะ แล้วก็วนลูปแบบเดิมๆ พี่บอกรอบสุดท้ายแล้วนะ ขี้เกียจบ่นเป็นตาแก่”
“ฮะ ผมรับปากพี่ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายละกัน”
นาวินค่อยคลายใจหน่อย หลายครั้งมาแล้วที่เขามักขอความช่วยเหลือจากปุญญ์ โดยเฉพาะเรื่องเงินที่ชักหน้าไม่เคยถึงหลัง และปุญญ์ก็ให้ความช่วยเหลือทุกครั้ง
ปุญญ์อาจเคี่ยวกับคนอื่นๆ แม้กระทั่งคู่ค้าหรือผู้บริหารคนอื่นในเครือ แต่กับตนเองปุญญ์บ่นตักเตือนก็จริงแต่ให้ความช่วยเหลือทุกครั้งที่เขาออกปากขอ
“คุณนาวินคะ มีคนมาขอพบค่ะ” พนักงานเข้ามาเลียบๆเคียงๆบอกนาวิน
“เชิญเขามาเลยตุ้ย” นาวินบอกพนักงานคนนั้นแล้วหันมาพูดกับปุญญ์ “สงสัยมากันแล้ว ไปด้วยกันไหมพี่ จะได้ดูว่าสวยขนาดไหน นี่ผมชักหวั่นๆขึ้นมาแล้วสิ กลัวยัยนั่นจะเกาะไม่ยอมปล่อย”
“อย่าคิดอะไรมากน่า พี่เห็นบรรดาเด็กๆของแก พอเห็นตัวเลขสวยๆบนเช็ค ยิ้มออกกันทุกคน”
แล้วสองสาวพี่น้องที่มาขอพบนาวินก็พากันเดินตามพนักงานเข้าไปที่โต๊ะของนาวิน
“คนนั้นไงครับพี่ปุญญ์ สวยไหมฮะ” นาวินเอนตัวกระซิบบอกญาติผู้พี่ ก่อนจะสบตากันอย่างเข้าใจความหมาย “บอกแล้วว่าสวย เมื่อก่อนผมยังแอบชอบเลย แต่ดุเกินไปฮะ ผมบายดีกว่า”
“ก็ถือว่าพอดูได้นะ แต่เรื่องดุนี่นายน่าจะรู้ว่าพี่ชอบพิสูจน์แค่ไหน” ปุญญ์ว่ายิ้มๆ ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบตบท้าย พอดีกับที่พิชชาอรและอมิตาเดินมาสมทบพอดี ทันทีที่พนักงานปลีกตัวไป คนน้องก็ไม่รอให้เสียเวลาพูดเข้าเรื่องทันที
“เรื่องที่ตกลงกับอุ๋มไว้ คุยกันให้เคลียร์เลยนะคะ”
“งั้นคุณก็ให้เขาสองคนคุยกันที่ออฟฟิซ ส่วนคุณรอทางนู้นดีกว่าไหมครับ”
ปุญญ์ตอบโต้ออกไปทันควัน เขาบอกจบก้มศีรษะน้อยๆท่าทางเหมือนจะมีมารยาท แต่พิชชาอรมองแวบเดียวก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้เหลี่ยมจัดนัก เผลอๆจะมากกว่านาวินเสียอีก
อย่างอมิตาจะไปมีปากมีเสียงอะไร หากอยู่กันสองคนคุยกันสองคนไม้แคล้วได้เสียเปรียบอีกแบบทุกที เธออยากอยู่เจรจาด้วย แต่แล้วคนเป็นพี่กลับหันมาสบตากับเธอ บอกเสียงแผ่ว
“ขออุ๋มคุยกับคุณวินเองนะกี๋นะ”
พิชชาอรอ้าปากค้างคล้ายจะไม่ยอม แต่ก็หุบฉับลง เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน บางทีถ้าได้คุยกันจนเคลียร์แล้วอมิตาอาจตัดใจจากฝั่งนั้นได้
แล้วจึงยอมเดินตามชายหนุ่มที่เชื้อเชิญให้เธอย้ายไปอีกห้อง
ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อทำงานที่เขาคงถอดสูทตัวนอกออกแล้ว ดูเหนื่อยล้าแม้เพียงแค่มองจากทางด้านหลังของเขา กลิ่นน้ำหอมของเขาที่เหลือกลิ่นเพียงจางๆผสมกับกลิ่นภายในของร้านทำให้อีกฝ่ายดูแปลกแยกโดยสิ้นเชิง
เธอจำหน้าเขาได้เพราะเคยเห็นควงลูกสาวคุณหญิงคุณนาย ที่เป็นลูกค้าของสถานเสริมความงามที่เธอทำอยู่ออกงานบ่อยๆ ครั้งที่เห็นปุญญ์แรกๆ ยังนึกชมชอบเขาอยู่เลยค่าที่ว่าดูบุคลิกดี มาดมั่น ภูมิฐาน และที่สำคัญใบหน้าของปุญญ์ดูหล่อเหลา สะอาดสะอ้านแบบผู้ดีอย่างไรอย่างนั้น
แต่พอมาเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่กับนาวิน ระดับความนิยมชมชอบในตัวเขาก็ตกวูบลงในทันที
พิชชาอรยอมเดินตามออกมาเพื่อให้สองคนนั่นได้จัดการธุระให้เรียบร้อย พอหย่อนก้นลงนั่งไม่ถึงครึ่งนาที ปุญญ์ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่สุภาพ
“ดื่มอะไรไหมครับ”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ดื่มในที่อโคจรแบบนี้” พิชชาอรบอกปัดแล้วนั่งหันข้างให้เขา เธอกอดอกบอกด้วยท่าทางว่าไม่อยากเสวนาด้วย แต่อีกฝ่ายทำเพียงยิ้มน้อยๆลอบมองเธออย่างประเมิน
ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยชอบใช้วิธีแบบนี้เรียกร้องความสนใจจากผู้ชายทั้งนั้น
ทำเหมือนไม่ชอบ ไม่อยากคุย แต่ในใจคงลุ้นให้เขาตื้อจะแย่ ปุญญ์เองก็ผ่านสมรภูมิด้านนี้มาไม่น้อยเช่นกัน เขารู้ว่าหากเซ้าซี้เธอไปก็เท่านั้น เผลอๆอาจพาลไม่ชอบใจเขาขึ้นมาจริงจังจนพูดคุยด้วยยากขึ้นกว่าเดิม นี่แค่เห็นเขาเป็นพวกกับนาวินก็เชิดจนคอแข็งขนาดนี้แล้ว ปุญญ์รู้ว่าสถานการณ์ลักษณะนี้ เขาควรทิ้งช่วงไว้ก่อนแล้วหาทางให้เธอดิ้นเข้ามาหาเองแบบนั้นจะง่ายกว่า ก็อย่างที่บอก เขาผ่านมาหมดแล้ว
โธ่...จะแค่ไหนกันเชียว ปุญญ์นึกเยาะอยู่ในใจ
นานราวสามสิบนาที กว่าที่นาวินและอมิตาจะกลับเข้ามา และท่าทีของทั้งสองคนก็ทำเอาคนที่รอคอยอยู่ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในทันที
นาวินเดินจูงจับมือมากับอมิตาไหนจะท่าทางของพี่สาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตางุดๆ นั่นอีก นี่ไม่ใช่ว่า… ยังไม่อยากคิดในแง่ร้ายไปกว่านั้น แต่แล้วคนเป็นพี่ก็บอกขึ้นว่า
“กี๋...คืนนี้เราพักที่นี่ก่อนได้ไหม พรุ่งนี้ค่อยกลับกัน”
“มีอะไร ยังคุยกันไม่จบอีกเหรอ” พิชชาอรถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น ทั้งยังส่งกระแสความไม่สบอารมณ์ออกไปอย่างไม่เกรงใจใครทั้งนั้น
“พรุ่งนี้คุณวินจะเคลียร์ให้น่ะ”
“งั้นก็กลับ เดี๋ยวค่อยมาใหม่”
“กี๋จะขับรถไหวเหรอ”
“ทำไมจะไม่ไหว กรุงเทพพัทยา ใกล้แค่นี้เอง อีกอย่างพรุ่งนี้ก็วันหยุดเราแล้ว ตื่นสายได้”
“ไปพักที่โรงแรมของผมก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมให้เด็กๆเตรียมห้องเอาไว้ให้”
ปุญญ์บอกขึ้นคล้ายจะตัดบท และพิชชาอรที่คุ้นเคยกับคนเช่นเขาดีรับรู้ถึงความเด็ดขาดในน้ำเสียงนั้น แม้อีกฝ่ายจะใช้คำพูดชักชวนก็ตามแต่มันเหมือนมีการสั่งการอยู่ในนั้นมากกว่าเอ่ยชวนแบบธรรมดา ใหญ่มาจากไหนกันถึงทำมาสั่ง
“นะกี๋นะ ตอนเช้าวินถึงจะให้คุณเดโชช่วยจัดการเรื่องให้น่ะ”
อมิตาบอกสำทับมาอีกทีพิชชาอรเลยได้แต่เงียบไม่อยากมายืนทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะคนอื่นที่ว่านี่คือนายนาวินนั่นด้วย จึงคล้ายกับเป็นการตอบรับว่าคงต้องค้างคืนที่นี่ แล้วเหลือบตาไปมองคนพี่ที่ดูหงอและอ่อนลง ไม่ใช่ว่าถูกนายนาวินกล่อมเอาอีกหรือไงน่ะ พิชชาอรเบือนหน้าหนีอย่างเซ็งๆ เธอไม่ชอบใจเลยที่พี่สาวเปลี่ยนท่าทีไปแบบนี้
เวลาต่อมาพิชชาอรก็ขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดในโรงแรมหรูติดชายหาดพัทยา โดยมีรถนำเข้าสีแปร้ดสดขับตามท้ายมาด้วย
พิชชาอรลงรถมาด้วยความรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองยักษ์ ทุกอย่างรอบบริเวณดูเรียบแต่หรูหรามีราคา รถที่จอดกันอยู่นั่นหากไม่ใช่รถยุโรปก็เป็นรถรุ่นที่เธอเดาได้ว่าราคาพ้นหกหลักทุกคัน แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ไม่หันไปมองรถตัวเองที่ซื้อมือสองมาในราคาน่ารักน่าเอ็นดูกว่าพวกนั้นเยอะ
“ผมให้พนักงานเปิดห้องไว้แล้ว ยังไงก็พักกันตามสบายเลยนะครับ” เป็นเสียงทุ้มฟังสุภาพของปุญญ์ ที่บอกตามมาหลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว
พิชชาอรจึงตามขึ้นห้องมากับอมิตาแล้วนั่งแหมะลงบนโซฟาที่หันออกสู่ด้านนอกที่พนักงานบอกว่าเป็นด้านติดทะเล แต่มันมืดจนมองไม่เห็นว่าเป็นอะไร ตอนนี้ในหัวของหญิงสาวนึกอย่างเหนื่อยหน่าย
ได้หยุดติดกันสามวันทั้งทีแทนที่จะได้อยู่ห้อง กับต้องมาติดแหงกอยู่ที่นี่ เสื้อผ้า ห้องหับก็ยังไม่ได้เก็บกวาดเลยสักนิด
“อาบน้ำสิกี๋” อมิตาบอกคนน้องที่เอาแต่ทำหน้าเซ็ง
“อือม์ อุ๋มอาบก่อนเถอะ”
“กี๋ไปอาบก่อนสิ” ท่าทางของอมิตาดูลุกลี้ลุกลนชอบกล เธอกับอมิตาเป็นพี่น้องกันมากี่ปีแล้ว ทำไมจะดูกันเองไม่ออก
“ไปก่อนไป อุ๋มอาบนานกี๋ก็รู้นี่” อมิตาดึงแขนเธอแล้วจูงไปยังห้องน้ำ ที่พอเปิดเข้าไปแล้วได้แต่ยืนตะลึงเพราะข้างในนั้นดูสวยจนเธอไม่กล้าอาบ
ในนี้ใหญ่น่าจะไล่เลี่ยกับห้องพักที่เธอเช่าเอาไว้เสียอีก สีทองของผนังห้องน้ำผสานกับข้าวของเครื่องใช้ดูหรูหราราวกับเป็นคนสำคัญอย่างไรอย่างนั้น
ด้านในนี้มีทั้งอ่างน้ำวนที่ปรับอุณหภูมิและปรับระดับน้ำวนได้อีกด้วย ด้านข้างยังมีแผ่นกระจกสีทึบกั้นไว้สำหรับอาบด้วยฝักบัวอีกต่างหาก ทางเข้าเป็นที่วางข้าวเครื่องทางยาวและมีอ่างน้ำที่ออกแบบให้ดูเข้ากับห้องให้ใช้งานได้อย่างลงตัว
“กี๋แช่น้ำอุ่นนะ เดี๋ยวอุ๋มผสมน้ำให้”
อีกฝ่ายบอกแล้วรีบไปเปิดน้ำในอ่างรอ ท่าทางกระตือรือร้นจนผิดสังเกต จนพิชชาอรหมดความสนใจกับรายละเอียดของห้อง มาจับผิดที่พี่สาวของเธอทันที
“อ่ะ เรียบร้อยแล้ว”
“ไม่ขัดหลังให้ด้วยล่ะ” เธอว่าเหน็บคนเป็นพี่ไป แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงยิ้มน้อยๆ บอกอย่างเอาใจ “ไปอาบน้ำนะ จะได้นอนหลับสบาย”
พิชชาอรยืนมองอีกฝ่ายที่ปิดประตูให้แล้วจึงถอนหายใจยาวเปลื้องผ้าออกจนหมด เดินไปล้างตัวถูสบู่แล้วถึงลงแช่น้ำอุ่นๆ มันช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดจากภาระงานได้มากทีเดียว แล้วปิดตาลงซึมซับความสบายนั้น
เธอทำงานในคลินิกเสริมความงามชื่อดังในตำแหน่งผู้จัดการคลินิก วันทั้งวันต้องคอยเอาใจลูกค้าและคุมลูกน้องให้อยู่ในโอวาทแบบที่ไม่ให้เหมือนการใช้อำนาจมากจนเกินไป เพราะนอกจากจะไม่ได้ใจของคนใต้บังคับบัญชาแล้วยังอาจรักษาบุคคลากรเอาไว้ไม่อยู่อีกด้วย จริงที่รับคนใหม่เข้ามาแทนได้ แต่หากรักษาคนเก่าฝีมือดี รู้จักซื่อสัตย์ต่อองค์กรย่อมดีกว่าต้องเปลี่ยนลูกน้องบ่อยเป็นแน่
งานประเภทนี้ใครคิดว่าสบาย มันหนักมากทีเดียวแต่ก็ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเธออยู่ตรงนี้มานานแล้วตั้งแต่ยังเป็นเพียงพนักงานบิวตี้เธอราปีสจนความสามารถในการทำงานและความรับผิดชอบดีมากจึงได้รับการไว้วางใจจากแพทย์เจ้าของสถานเสริมความงามให้ไต่ขึ้นมาในตำแหน่งนี้ได้ในเวลาต่อมา เงินเดือนที่ได้รับก็มากขึ้นตามภาระงาน มันมากกว่าที่อื่นโขอยู่ไม่ทำที่นี่ ก็ยังไม่เห็นว่าจะไปทำที่ไหนได้รอดที่พอมีเงินจ่ายภาระที่แบกรับไว้มากมายเช่นที่เป็นอยู่นี้
เรียบร้อยแล้วจึงออกมาด้านนอกในห้องไม่มีอมิตาอยู่ในตอนนั้น พิชชาอรฉุนวูบขึ้นมาทันที เธอเดินไปหยิบโทรศัพท์มากดต่อสายหาผู้เป็นพี่ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงมันดังอยู่ในกระเป๋าสะพายของเธอเอง พิชชาอรเปิดกระเป๋าออกดูเห็นกระดาษโน๊ตแปะติดกับโทรศัพท์ของอมิตาว่า
‘อุ๋มออกไปกับคุณวิน ไม่ต้องห่วงนะ’