@ ช่วงค่ำ
"อาหารที่นี่อร่อยเนอะโม ชวนนึกถึงตอนเรียนด้วยกันที่นู้นเลย" เอมม่าบรรยายหลังลิ้มรสอาหารหลากเมนู จากเชฟโรงแรมดังบนเกาะ ขณะนั่งอยู่ริมหาดพร้อมหน้าทุกคน
"ใช่เลย ตอนไปเข้าค่ายของพวกเรา มีอาหารทะเลมากกว่าสัตว์บกอีก" คนเล่านึกสนุก เหมือนตัวเองได้ย้อนวัย จนลืมไปว่าสามีเบือนหน้าหนีไปทางลูกชาย พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นในรสชาติมัน
"......" ใบหน้าจิ้มลิ้มรีบตักอาหารกิน ยิ่งกว่าคนหิวโซมาตลอดวัน ยังแสร้งมองไม่เห็นใครที่จ้องมองอย่างอาฆาต
"เข้าเรื่องดีไหม?" ซิลค์ตั้งคำถาม ดึงบรรยากาศกลับมาเงียบสงัด แต่ยังคงรักษาน้ำใจไม่ให้เพื่อนสาวของภรรยาตัดพ้อ ด้วยการจับแก้วไวน์ยกชวนอีกฝ่ายดื่ม
"โมว่าเราคุยกันเถอะเนอะ เดี๋ยวเด็กๆจะง่วงนอน" ท่านหันทางสองชายหญิง คือประเด็นในค่ำคืนนี้
"เราตกลงตามที่โมบอกนะ แค่วานให้เซนโซ่ดูแลยัยบลายธ์แค่เรียนจบพอ ไหนๆเราก็ออกนอกประเทศบ่อยๆไม่ได้" เพราะคดีเก่าของสามี ถึงไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ยังต้องรับโทษ
"ดูแล?" ร่างสูงเตรียมจะลุกยืนขึ้น ถูกมือมารดาดึงห้ามไว้ก่อน
"แค่ช่วยดูแลน้องสักสองปีเองเซนโซ่ มันคงไม่ยากเกินความสามารถของเราหรอกใช่ไหม" ท่านข่มน้ำเสียงเรียบ หากใช้อารมณ์ก็มีแต่จะเสียกับเสีย
หากทางกลับกันถ้าวันนั้นบลายธ์คือลูกสาวท่าน แล้วมีคนมาล่วงเกินให้เห็นพอดี คงไม่ปล่อยไว้เพียงเท่านี้
"บลายธ์ไม่รบกวนพี่เซนโซ่หรอกนะคะ ขอบลายธ์ไปอยู่คอนโดก็ได้นะคะแม่" เธอร้องขอมารดา รู้ดีว่าอีกฝ่ายอึดอัดกับภาระที่เขาไม่ได้ก่อ
"จะได้ยังไงล่ะลูก เราก็รู้เรื่องที่พ่อเคยทำไว้ดี เราต้องการที่พึ่งพานะอย่าลืมสิลูก"
"...แต่" น้ำเสียงหวานลากยาว หลุบตามองต่ำไม่กล้ารบกวนทางผู้ใหญ่อีกฝ่าย
"คำตอบของเซนโซ่?" ซิลค์ถามทางลูกชาย ท่านจะไม่กดดันหรือบังคับเขาเช่นมารดา แม้เห็นการกระทำในวันนั้นดี
"ว่าไงจ๊ะเซนโซ่?" เอมม่าเหลียวหันมาถาม ยังไงท่านก็ไม่ปล่อยผ่านที่ชายหนุ่มริอาจล่วงเกินลูกสาวไปแน่นอน
ส่วนคนต้นเหตุได้แต่แกว่งเท้าเล่นใต้โต๊ะ ไม่รู้ตัวเลยว่าเตะขาคนตรงข้ามไปหลายรอบแล้ว
"ตกลง" น้ำเสียงเข้มบอกจริงจัง นัยน์ตาคมคู่สีเทาเพ่งมองใบหน้าจิ้มลิ้ม เขาล่ะอยากสะบั้นแก้มป่องให้แตกกระจุย
"จริงเหรอคะ ขอบคุณพี่เซนโซ่มากๆเลยค่ะ" สองมือเล็กยกพนมไหว้เลียนแบบวัฒนธรรมของเขา ท่าทางดีใจจนมารดาทั้งสองฝ่ายอมยิ้มตาม
"แต่มีข้อแม้"
"......." ทุกคนหยุดส่งเสียงทันที กระทั่งไม่มีสายลมพัดผ่าน
"เธอต้องเชื่อฟังคำสั่งฉันเท่านั้น" ความเย็นเฉียบโลดแล่นพร้อมคำพูด มันชวนคนฟังหวาดเสียวอย่างบอกไม่ถูก
"หนูบลายธ์ไม่ดื้อหรอก เซนโซ่ไม่ต้องดุน้องนะลูก" โมอาเอ่ยบอก ทำไมท่านรู้สึกระแวงชอบกล
"ตอบมาสิ?" รูปหน้าหล่อเหลาเอียงเล็กน้อย กดดันเอาคำตอบกับหญิงสาวอ่อนกว่าเขาร่วมสิบปี จนไม่ได้สนใจผู้ใหญ่ในโต๊ะอาหาร
"ตกลงค่ะ" ดวงตากลมไร้ซึ่งความกลัว ความจริงเธอไม่ได้อ่อนไหวถึงขนาดนั้น แค่ไม่อยากทำมารดาต้องเป็นกังวล
@ วันต่อมา
"แล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ" ร่างสูงส่งเสียงแขวะทันที เมื่อมีหญิงสาวเพิ่มขึ้นมาบนรถคันหรูอีกหนึ่งคน ทำเอามารดายิ้มอ่อน ไม่รู้ว่าบลายธ์จะเป็นอย่างไรหลังจากนี้
"แล้วแต่จะคิดค่ะ" ร่างบางบอกแผ่วเบา ในเมื่อเบาะที่นั่งต้องหันหน้าเข้าหากัน ส่วนร่างสูงข้างกายเลยเป็นเพียงอากาศ
"จริงๆบ้านป้ามีกฏไม่มากเท่าเพ้นเฮ้าส์ของเซนโซ่นะ ถ้าหนูไม่สบายใจจะมาอยู่ที่บ้านป้าก็ได้นะหนูบลายธ์"
"หึ..." เสียงหัวเราะในลำคอหนา บ่งบอกถึงการเยาะเย้ย แค่วันแรกเหยื่อตัวน้อยก็หวั่นกลัว
"ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า บลายธ์ไม่อยากให้แม่ต้องเป็นห่วง" เธอมันพวกไม่ยอมเสียหน้า อีกฝ่ายจะทำไรได้นอกจากคำขู่กับเสียงดังข่ม
"ตั้งใจเรียนให้ดี อนาคตของแม่เธอขึ้นอยู่กับเธอเหมือนกัน" นับว่าเป็นประโยคยาวจากซิลค์ ต้องสั่งสอนวัยรุ่นยุคใหม่ให้จำขึ้นใจ เผื่อวันใดวันนึงอาจหลงผิดในอบายมุขรอบตัว
"ค่ะ คุณลุง" มือบางข้างนึงรีบจับหน้าจอโทรศัพท์คว่ำหน้าลง ตอนมีสายเรียกเข้าของคนคุ้นเคย มันชวนให้ปวดบีบในใจดวงเล็ก
.........................................
เขาจะกัดกันตอนไหนดีกว่าจะมีฉากโบ๊ะบ๊ะอีก 555