ตอนที่ 15 ตัดใจ

1597 Words
ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเริ่มใกล้เข้ามา บรรยากาศความสนุกสนานรื่นเริงแผ่กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง ชาวเมืองและคนต่างถิ่นหลั่งไหลเข้ามาอย่างคึกคักจากทั่วสารทิศ ใครต่อใครต่างอิ่มเอมใจไปพร้อมกัน คงจะมีแค่เพียงคนเดียวที่เก็บตัวอยู่ในห้องด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวเมื่อได้เห็นว่าร่างกายของตนเองไม่เหมือนเดิม จู่ ๆ ร่างบางของกู้หลินเกิดการโปร่งแสงขึ้นมาเป็นครั้งคราว นั่นทำให้เขานึกได้ว่าก่อนจะมาโผล่ในที่แห่งนี้ ตอนยังคงเป็นไป๋อวี่ก็มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวเขา หรือว่าครั้งนี้จะถึงเวลาที่ข้าต้องกลับบ้านจริง ๆ เสียที หากเป็นก่อนหน้านั้น เขาคงจะดึงดันไม่อยากกลับและหาวิธีถ่วงเวลาเพื่อจะได้อยู่ที่นี่ให้นาน ๆ แต่ใจที่เริ่มอ่อนล้าทำให้เขาคิดว่าสักวันคงจะต้องยอมแพ้ รอดูดอกไม้เสี่ยงทายก่อนเถิด หากเป็นสีม่วงข้าจะเหนี่ยวรั้งตนเองไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ข้าคงไม่มีวาสนา บางทีตงฟางฮุ่ยหลิงที่ข้าอยากพานพบ อาจจะหลงเหลืออยู่แค่เพียงความทรงจำ เฮอะ... เขาคงแค่บังเอิญมีหน้าตาเหมือนเจ้า แต่ไม่ใช่เจ้ากระมัง ฮุ่ยหลิง ในเมื่อรู้ตัวว่าคงจะอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นาน กู้หลินจึงเทียวโผล่หน้าเข้าหาตงฟางฮุ่ยหลิงทุกครั้งที่มีโอกาส ถามไถ่สภาพดินฟ้าอากาศ ชวนทานข้าวร่วมกัน เสนอตัวเป็นผู้ฝึกซ้อมคู่กันกับเขา ซื้อโน่นมาฝาก ถือนี่มาให้ไม่เว้นวัน เหล่าสหายองครักษ์ต่างเอาใจช่วยอย่างสุดฤทธิ์ แม้จะมีคนผู้หนึ่งที่ไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเช่นนั้นก็เถอะ โจวหยางอิงหงุดหงิดใจทุกครั้งแต่กลับปล่อยให้กู้หลินได้ทำตามใจ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ข้าจะยอมตามใจเจ้าอีกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเห็นหน้ากู้หลินบ่อยเกินไปหรืออย่างไร พักหลังหัวหน้าหน่วยจึงหายหน้าหายตาไปตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง กลับมาก็ดึกดื่นหลังจากที่ทุกคนนอนหลับไปแล้ว เรื่องรับผิดชอบการฝึกก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกน้องอย่างเฉินป๋อ ชุนหมิงและอาโปคอยดูแลแทน “ฮุ่ยหลิงไปที่ใดอีกแล้วหรือ” เขาเอ่ยปากถามเฉินป๋อที่กำลังฝึกดาบให้สหายคนอื่น ๆ อยู่ “จะไปที่ใดได้เล่า นอกจากอยู่วังหลวงกับฝ่าบาท” เขาตอบอย่างไม่ลังเล หากไม่เห็นตงฟางฮุ่ยหลิงที่นี่ก็ย่อมต้องเป็นที่ประทับของลู่เหิงเยว่แน่นอน พลันนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรไม่ทันยั้งคิดถึงใจของคนข้าง ๆ จึงรีบเอ่ยปากอธิบายเพิ่มว่า “ใกล้จะถึงงานสำคัญแล้ว หัวหน้าต้องไปหารือกับฝ่าบาทน่ะ ไม่มีอันใดหรอก” “แต่ว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วนะ” กู้หลินถอนหายใจเศร้าสร้อย รู้สึกได้ว่าเวลานั้นใกล้จะมาถึงแล้วจริง ๆ “เหลือเวลาอะไรของเจ้า พูดอย่างกับจะลาออกจากหน่วยราชองครักษ์” ชุนหมิงนึกสงสัย ในใจคิดว่าเจ้าตัวเล็กที่หวังจะเข้ามาเพราะหัวหน้าผู้แสนเย็นชาคงจะยอมแพ้กลับไปยังที่ของตน “หืม... ไม่จริงหรอกใช่หรือไม่” อาโปถามขึ้นพลางมองหน้าเขา “ถึงเจ้าจะเข้ามาเพราะหัวหน้า แต่ว่าเวลานี้ลาออกไปแล้วจะไม่คิดถึงพวกเราจริงหรือ” แม้จุดประสงค์ของการเข้าหน่วยจะเป็นเพราะอย่างอื่น แต่พวกเขาทั้งสามคนกลับผูกพันกับกู้หลินไปแล้วจึงพยายามพูดโน้มน้าวใจให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ “ลาออกอะไรกัน พวกเจ้าคิดไปเองทั้งนั้น” กู้หลินพูดแก้เก้อคิดในใจว่า ลาออกก็ยังพอจะได้เห็นหน้าเขาบ้าง แต่ลาจากนี่สิ คงไม่มีทางได้กลับมาที่แห่งนี้อีกแล้ว วันนั้นหลังจากฝึกเสร็จ กู้หลินเดินไปดูดอกไม้ในกระถางหน้าเรือน เขานั่งลงแล้วระบายความในใจประหนึ่งดอกไม้พวกนั้นเป็นศาลาพักใจของตนเอง เสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา กู้หลินหันขวับมองดูด้วยความตื่นเต้น เผลอเรียกอีกฝ่ายไปเพราะคิดถึง “ฮุ่ยหลิง” คนที่ถูกเรียกด้วยน้ำเสียงหวานเช่นนั้นหยุดชะงัก คิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวเล็กจะมาไม้นี้ “เหตุใดไม่ปลูกที่หน้าเรือนของเจ้า จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาดูแลต้นไม้พวกนี้ให้เหนื่อย” “ดอกไม้เสี่ยงทายหัวใจของเจ้า ปลูกตรงนี้นี่แหละเหมาะสมแล้ว” เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาใกล้ตงฟางฮุ่ยหลิงพลันได้กลิ่นปิงเพี่ยนติดอยู่ตามเสื้อผ้าของเขา “ไปพบฝ่าบาทมาหรือ” “ข้ามีเรื่องต้องหารือ” สีหน้าของตงฟางฮุ่ยหลิงเรียบเฉย “เวลานี้การงานวุ่นวาย แต่หากผ่านพ้นช่วงเฉลิมฉลองไปแล้วคงได้อยู่ในหน่วยมากขึ้น” ดูท่ากู้หลินจะได้กลิ่นปิงเพี่ยนจนหูเหอไม่ได้ยินสิ่งใดแล้ว เขาฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า “กลับมาเหนื่อย ๆ พักผ่อนก่อนเถอะ ข้าไม่รบกวน” พูดจบแล้วเดินจากไปไม่เหมือนแต่ก่อนที่เอาแต่จะคอยเดินตามอีกฝ่ายจนถูกไล่ออกมา “...” กระนั้น หัวหน้าหน่วยผู้นี้ก็สังเกตได้ว่าลูกน้องของตนเองผิดแปลกไป คล้อยหลังกู้หลินจึงเรียกเฉินป๋อมาถามว่าเกิดสิ่งใดขึ้นยามที่เขาไม่อยู่ “นั่นแน่ หัวหน้าเป็นห่วงใช่หรือไม่” เฉินป๋อได้ทีถามเขาออกไปเช่นนั้นเพราะอยากรู้ “ห่างกันหลายวันเลยคิดถึงใช่หรือไม่ขอรับ นี่แหละน้า ตอนเขาอยู่ไม่รู้จักทะนุถนอม ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวเล็กใจเปลี่ยนแปลง หันไปมองผู้อื่นแล้วกระมัง” ความคาดเดาต่าง ๆ นานาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ใจของตงฟางฮุ่ยหลิงเหมือนถูกราดด้วยน้ำมันแล้วจุดไฟอย่างไรอย่างนั้น “ข้าถามเรื่องเดียว เหตุใดตอบสิ่งที่ข้าไม่ได้ถาม” เขามองหน้าลูกน้องตัวดีผู้มีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ “ปกติดีทุกอย่างขอรับเพราะอย่างนั้น ข้าจึงคิดว่าที่เขาเป็นอย่างที่เห็นคงจะเป็นเพราะไข้ใจ” เฉินป๋อหรี่ตามองผู้เป็นหัวหน้า “ข้าได้ยินเขาพูดว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว แต่ถามเท่าใดก็ไม่ยอมบอกว่าหมายความว่าอย่างไร” “...” ตงฟางฮุ่ยหลิงนิ่งเงียบใช้ความคิด “พูดขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวข้าก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรแล้วนะขอรับ ถ้าไม่มีใจก็ไม่ต้องสนใจเขานักหรอกขอรับ เฮอะ!” เฉินป๋อหน้ามุ่ยแล้วเดินหนีหัวหน้าของตนเองในทันที ทิ้งให้อีกฝ่ายงุนงงว่าตัวเองทำอะไรผิดไป นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งผ่านพ้นคืนเฉลิมฉลองที่แสนวุ่นวาย กู้หลินห่างหน้าหายตาไปจากชีวิตประจำวันของตงฟางฮุ่ยหลิงโดยสิ้นเชิง คืนนี้จึงเป็นครั้งแรกที่หน่วยราชองครักษ์จะได้หยุดพักบ้างเพื่อคลายความเหน็ดเหนื่อย หลังจากฝากเฉินป๋อไปบอกเขาคนนั้นแล้ว กู้หลินก็ปลีกตัวออกมาจากงานเลี้ยงของสหายร่วมรุ่นชั่วครู่เพื่อมาดูดอกไม้เสี่ยงทายตรงด้านหน้าเรือนพักของตงฟางฮุ่ยหลิง ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกใจหายเช่นนี้ จะได้กลับบ้านแล้วนี่นา ข้าต้องดีใจสิ อีกทั้งดอกไม้สีแดงพวกนี้ เจ้ากำลังบอกข้าใช่หรือไม่ ฮุ่ยหลิงของข้ามีอยู่แค่ในความทรงจำจริง ๆ ดีแล้วล่ะ ในเมื่อเขาไม่ใช่ฮุ่ยหลิงของข้า หากดอกไม้กลายเป็นสีม่วงอย่างที่คาดหวังหรือเขาจำข้าได้ขึ้นมา ข้าคงจะเสียใจไม่น้อยที่ต้องทิ้งเขาไปอีกครั้ง อืม... ข้าคงต้องขอโทษที่ทำให้เขาเหนื่อยใจจะได้ไม่มีอะไรติดค้างคาใจอีกต่อไป เมื่อใดเขาจะมาสักที เฮอะ หรือเขาจะไม่อยากพบหน้าข้าจนปล่อยให้ข้ารอเก้อเช่นนี้ แต่ว่า...ข้าจะไม่ได้เห็นใบหน้านั้นก่อนจากไปจริงหรือ ฮุ่ยหลิง พลันน้ำตาของกู้หลินรินไหลอย่างอดกลั้นไว้ไม่ได้ เขาเช็ดน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้น ความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังจะต้องจากไปถาโถมเข้ามา ยังไม่ได้พบหน้าเขาเลย นึกว่าจะมีเวลามากกว่านี้เสียอีก สายตาของเขามองไปทางซ้ายทีขวาทีนึกกังวล แต่พอถึงจุดหนึ่ง เขาก็ต้องปลอบใจตัวเองเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย จึงเอ่ยปากกับดอกไม้ที่ผลิบานด้านหน้าว่า “ข้าคงไม่มีโอกาสได้ขอโทษเขา แต่ถ้าเขาได้เห็นดอกไม้สีแดงอย่างพวกเจ้า คงจะเข้าใจแล้วว่าข้ายอมแพ้และไปจากเขาจริง ๆ ฝากเอ่ยคำลาฮุ่ยหลิงแทนข้าด้วยนะ” ห่างออกไปไม่ไกลนัก ตงฟางฮุ่ยหลิงกำลังวิ่งกลับเรือนของตนเองทันทีที่ปลีกตัวออกมาได้ ทว่า ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น สิ่งที่เห็นตรงหน้าเขากลับเลือนรางไปทุกขณะ ร่างบางที่คุ้นหน้าคุ้นตาผู้นั้น คนที่รอคอยความรักจากเขากำลังจะจางหายไปต่อหน้าต่อตา ตงฟางฮุ่ยหลิงไม่มีเวลาให้ได้ฉุกคิดว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เขาตะโกนเรียกอีกฝ่ายสุดเสียง หากแต่ตรงหน้าเขา ไม่มีคนที่ชื่อกู้หลินอีกต่อไปแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD