เหตุการณ์เมื่อสองอาทิตย์ก่อนตามหลอกหลอนหล่อนทุกลมหายใจ ไม่ว่าจะพยายามลืมสักแค่ไหนก็ตาม พิรดาหน้าเครียดขณะเปิดรั้วเดินกลับเข้าในบ้าน และก็เจอมารดากับบิดากำลังนั่งห่อข้าวต้มมัดอยู่ใต้ถุนบ้าน
“สวัสดีจ้ะแม่ สวัสดีจ้ะพ่อ”
นางเพียงเงยหน้าขึ้นมามองลูกสาว ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ปิดเทอมนี้ตาลไม่ได้ไปไหนใช่ไหมลูก”
หล่อนสอนหนังสือในโรงเรียนเอกชน เมื่อโรงเรียนปิดเทอม หล่อนจึงนำงานมาเคลียร์ที่บ้าน และไม่ได้ไปทำงานในช่วงนี้
“ไม่ได้ไปไหนจ้ะแม่ ว่าแต่แม่มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
มารดาหันไปสบตากับบิดา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มใจ
“คุณหญิงท่านต้องการให้ตาลไปเป็นครูสอนทำขนมให้กับลูกสาวเพื่อนของท่านน่ะ”
“ลูกสาวเพื่อนของท่าน?”
“ลูกของเพื่อนสนิทท่านนั้นแหละ เห็นว่าบินตรงมาจากอเมริกาเลยนะ” แม่ของหล่อนให้ข้อมูลเพิ่ม
พิรดาพยักหน้ารับน้อยๆ “แต่ตาลทำขนมเก่งสู้แม่ไม่ได้หรอกนะจ๊ะ ความจริงท่านน่าจะอยากได้แม่ไปสอนให้มากกว่า”
“ท่านอยากได้ตาลนั่นแหละ”
คำย้ำชัดๆ ของมารดายิ่งทำให้หล่อนรู้สึกลำบากใจ
“แต่ตาล...”
“ไม่สะดวกเหรอตาล หรือว่าไม่อยากเจอหน้าคุณพันแล้วล่ะ”
หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ ถอนใจออกมาหนักหน่วงอย่างเคร่งเครียด
ถ้าแค่ได้เจอหน้าพันตะวันอย่างเดียวหล่อนจะไม่รู้สึกหนักอกหนักใจแบบนี้หรอก แต่นี่มันเท่ากับว่าหล่อนจะต้องเจอหน้าเพลิงพญาด้วยอีกคน
สิ่งที่เขาทำไว้กับร่างกายของหล่อนมันยังตรึงติดอยู่ในความทรงจำแน่นหนา หล่อนนอนดิ้นพล่านเพราะความรู้สึกจากปลายลิ้นสากคล้ายกับมีชีวิตของเขาทุกค่ำคืน กำลังเป็นบ้า... บ้าอย่างที่แสดงออกมาไม่ได้
“ตาลต้องอยากเจอพี่พันสิคะ”
“อยากเจอก็ตกลงเถอะ คุณหญิงจะได้ไม่ผิดหวัง”
“แต่ตาลไม่อยากเจอน้องชายของพี่พัน”
“คุณเพลิงน่ะเหรอ” แม่ของหล่อนทำหน้าสงสัย “แม่ว่าคุณเพลิงก็นิสัยดีนะ แถมยังหล่อไม่แพ้พี่ชายด้วย หล่อเถื่อนๆ แบบที่ผู้หญิงสมัยนี้ชอบน่ะ”
“แต่ตาลไม่ชอบ” หล่อนทำเสียงดังอย่างลืมตัว “เอ่อ คือตาลเบื่อที่จะทะเลาะกับคุณเพลิงน่ะจ้ะ”
บิดาของหล่อนที่นั่งเงียบอยู่นานเริ่มออกความเห็นบ้าง
“พ่อว่าถึงคุณเพลิงจะดูเป็นผู้ชายเถื่อนถ่อย แต่แท้จริงแล้วเป็นคนใจดีไม่น้อยเลยนะ เมื่อสองวันก่อนพ่อผ่านไปเห็นคุณเพลิงจอดรถช่วยจูงยายเจียมที่ขายกล้วยทอดอยู่ข้างทางข้ามถนนด้วยนะ แถมยังเห็นควักเงินให้อีกเป็นปึก”
ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ!
ผู้ชายอย่างเพลิงพญาในหัวคิดแต่เรื่องใต้สะดือเป็นอย่างเดียวเท่านั้นแหละ
“ถึงพ่อจะชมยังไง ตาลก็มองไม่เห็นความดีของผู้ชายคนนี้หรอกจ้ะ ตาลไม่ชอบ ตาลเกลียด”
“เกลียด?” แม่ของหล่อนอุทานเบาๆ ก่อนจะหัวเราะ “เกลียดมากๆ สักวันจะหลงรักนะตาล”
“ไม่มีวันนั้นหรอกแม่ ฉันรักพี่พัน แม่ก็รู้นี่”
แม่ของหล่อนยิ้มล้อๆ ก่อนจะก้มหน้าห่อข้าวต้มมัดต่อไป
“ว่าแต่ตกลงจะไปเป็นครูสอนทำขนมตามที่คุณหญิงท่านขอมาหรือเปล่าล่ะตาล”
ประโยคนี้คือคำพูดที่ดังออกมาจากปากของบิดา
พิรดาอยากจะปฏิเสธใจแทบขาด แต่ก็เพราะติดเกรงใจนี่แหละ
“ตาลก็ต้องตกลงสิจ๊ะพ่อ ใครจะกล้าทำให้คุณหญิงผิดหวังกันล่ะ”
“งั้นก็ขึ้นไปเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเลย คุณหญิงนัดกินข้าวกับตาลเย็นนี้ด้วย”
“ว่าไงนะพ่อ?”
“คุณหญิงให้ตาลไปหาท่านเย็นนี้เลยน่ะ”
พ่อของหล่อนตอบออกมาเสียงดังฟังชัด
“แล้วทำไมต้องเก็บผ้าด้วยล่ะพ่อ” หล่อนเลิกคิ้วสูงไม่เข้าใจ
“คุณหญิงต้องการให้ตาลค้างที่บ้านของท่าน”
“ห๊ะ?”
หล่อนตกใจอีกรอบ
“แต่บ้านเราก็อยู่ติดกับรั้วของท่านนี่จ๊ะ ทำไมจะต้องไปค้างให้ยุ่งยากด้วยล่ะ”
พ่อกับแม่ของหล่อนส่ายหน้าอย่างจนปัญญาจะอธิบาย
“ไม่รู้”
หล่อนถอนใจออกมาแรงๆ และก็เลือกที่จะไม่เก็บเสื้อผ้าไปตามที่คุณหญิงสั่ง
“เดี๋ยวตาลขึ้นไปอาบน้ำแล้วจะไปหาคุณหญิงท่านเลย แล้วค่ำๆ จะกลับมานะจ๊ะ พ่อแม่”
“แล้วสรุปไม่ขนเสื้อผ้าไปเหรอตาล” แม่ของหล่อนพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล
“ไม่หรอกแม่ ตาลว่าคุณหญิงคงลืมไปว่าบ้านเราอยู่ติดกับคฤหาสน์ของท่าน”
พ่อกับแม่ของหล่อนพยักหน้าหงึกๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
พิรดาถอนใจเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดบ้านไปเงียบๆ ตลอดทางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ รู้เพียงแต่ว่าไม่อยากสบตากับเพลิงพญาเลย
เท้าบอบบางของพิรดาชะงักอยู่ที่หน้าประตูห้องรับแขก เมื่อภายในห้องนั้นไม่ได้มีแค่คุณหญิงเปรมฤดีคนเดียวที่นั่งอยู่ แต่มีผู้หญิงเปรี้ยวสวยนั่งอยู่ข้างๆ ด้วย และอีกคนหนึ่งที่หล่อนไม่เคยลืมไปจากสมอง
เพลิงพญา เขานั่งเอกขเนกอยู่บนโซฟาตัวไกลออกไป ช่วงขาทรงพลังตวัดไขว้กันไว้ ดวงตาสีดำสนิทราวกับถ่านจ้องมองมาที่หล่อน มุมปากที่มีลักยิ้มเล็กๆ ยกสูงขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้หล่อนร้อนวาบไปทั้งตัวแล้ว
พิรดาหอบหายใจระรัว รีบละสายตาจากใบหน้าหล่อจัดของเพลิงพญา และมายกมือไหว้คุณหญิงเปรมฤดีแทน จึงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มกว้างจากริมฝีปากหยักสวยที่มีหนวดล้อมกรอบเอาไว้ของชายหนุ่ม
เพลิงพญาพอจะเข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อเห็นพวงแก้มนวลแดงก่ำเพียงแค่สบประสานสายตากับเขา พิรดาคงยังถูกลิ้นของเขาตามหลอกหลอนสินะ
เขาพึงพอใจ และคาดหวังว่าจะได้ใช้ลิ้นกับร่องเสียวของพิรดาอีก เขาชอบกลิ่นของหล่อน ชอบรสชาติหวานฉ่ำจากรูสาวที่มันทะลักออกมามากมายยามที่เจ้าของร่างเสียวเสียดถึงขีดสุด
เขายังจดจำวินาทีที่ตวัดลิ้นลงไปในร่องสาวได้เป็นอย่างดี ความนุ่มลื่นจากกลีบนาง ความฉ่ำหวานจากหยาดเสียวที่ถูกเขาปลุกเร้าจนท่วมท้น หล่อนดิ้นพล่าน จิกทึ้งหัวของเขาแรงๆ และยกเนินนางอวบใหญ่ขึ้นถูไถกับใบหน้าของเขายามที่หล่อนเสร็จ...
โอ้... แค่คิดถึงตอนที่เจ้าหล่อนแดงซ่านไปทั้งตัวเพราะแตกคาปากของตัวเอง แค่นั้นก็ทำให้เพลิงพญาแข็งชันไปทั้งตัว ไอ้มังกรยักษ์ชูชันดุนดันอยู่ภายในเป้ากางเกง มันปูดเป่งขึ้นมาจนเห็นร่องรอย และเขาก็ต้องรีบเปลี่ยนอิริยาบถทันทีเพื่อซ่อนมันเอาไว้จากสายตาของทุกคน
“สวัสดีค่ะคุณหญิง”
“มานั่งด้วยกันข้างบนนี้หนูน้ำตาล”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจะนั่งลงที่พื้น คุณหญิงเปรมฤดีจึงรีบเรียกเอาไว้
พิรดาจำต้องทำตามคำสั่งอย่างขัดไม่ได้ และมันก็เหมือนนรกกำลังเล่นงาน เพราะตรงที่หล่อนนั่งมันตรงกันข้ามกับเพลิงพญาพอดี หล่อนเผยอปากค้างเมื่อเผลอสบตากับเขา
หล่อนเห็นเขายักคิ้วให้ และมองต่ำลงที่กลางลำตัวสาว
ไอ้คนบ้ากาม!
หล่อนถลึงตาใส่อย่างโมโห ก่อนจะกัดฟันมองไปทางคุณหญิงเปรมฤดีแทน
บ้าจริง ทำไมหายใจหายคอไม่ออกแบบนี้นะ เพราะเพลิงพญาคนเดียวเลย
พิรดาเต็มไปด้วยความอึดอัดและผิดหวังเมื่อคนที่อยากเห็นหน้าไม่อยู่ แถมยังต้องมาเจอหน้าคนที่หล่อนแสนจะรังเกียจ
“หนูน้ำตาลเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าดูเคร่งเครียดจัง”
“เอ่อ เปล่าค่ะคุณหญิง”
หล่อนฝืนยิ้ม และพยายามซ่อนความโมโหเอาไว้สุดกำลัง
“ตาลสบายดีค่ะ”
คุณหญิงยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปแนะนำหลานสาวของเพื่อนรักให้กับหล่อนรู้จัก
“นี่คุณเมลินีจ้ะ หรือหนูน้ำตาลจะเรียกสั้นๆ ว่าเมนี่ก็ได้นะ เธอจะมาเป็นลูกศิษย์ของหนูน้ำตาลจ้ะ”
หล่อนยกมือไหว้เมลินี และกล่าวทักทายอย่างเป็นมิตรให้กับลูกศิษย์สาวสวย
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเมนี่”
เมลินีเองก็ยิ้มกว้างเช่นกัน “ไม่คิดว่าคุณครูที่จะมาสอนเมนี่จะยังเด็กอยู่แบบนี้ เมนี่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะคุณน้ำตาล”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
พิรดาระบายยิ้มเกลื่อนใบหน้า และอดทนที่จะไม่หันไปมองผู้ชายที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกอีกคน แต่ทำได้ยากนัก เพราะสายตามันไม่รักดี มันเอาแต่หันไปมองเพลิงพญาบ่อยครั้ง ซึ่งเขาก็มองมาพอดี กระแสไฟฟ้านับหมื่นโวลท์วิ่งเข้าใส่ร่างของหล่อน
โอ้... นี่หล่อนจะต้องอึดอัดกับสายตาเจ้าเล่ห์ของเพลิงพญาไปอีกนานแค่ไหนเนี้ย