ตอนที่ 1
พิรดา วรลักษณ์ หรือ น้ำตาล คุณครูสอนเด็กอนุบาลที่ทั้งเฉิ่มและเชยจนหาใครเทียบไม่ติด เวลาในวันหนึ่งของหล่อนหมดไปกับเด็กตัวน้อยวัยกำลังซน
หล่อนมีความสุขกับโลกที่ไร้เดียงสาของเหล่าหนูน้อย มีความสุขกับคำเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ไม่เสแสร้ง
หญิงสาววัยยี่สิบห้าปีขยับแว่นตาที่หนาราวกับแผ่นกระจกโต๊ะทำงานเล็กน้อย เมื่อกำลังจะเดินผ่านรั้วบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งไป
ไม่เคยมีวันไหนที่หล่อนไม่เผลอตัวมองเข้าไปด้านใน ไม่มีวันไหนเลยที่หล่อนจะหยุดหวังว่าจะได้เจอผู้ชายที่ตัวเองตกหลุมรักมาตั้งแต่เด็ก
ครอบครัวของหล่อนมาตั้งรกรากอยู่ใกล้กับคฤหาสน์ของมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่างตระกูล ‘นามราชสีห์’ ที่มีท่านนายพลกฤษนะ กับคุณหญิงเปรมฤดีเป็นผู้นำครอบครัว โดยทั้งสองผู้ร่ำรวยมีลูกชายสืบสกุลสองคน
คนแรกคือ พันตะวัน นามราชสีห์ หรือพี่พันที่หล่อนทั้งรักทั้งบูชา เพราะชายหนุ่มแสนจะอ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษราวกับหลุดออกมาจากพระเอกนิยาย
ส่วนคนที่สอง ผู้ชายที่หล่อนเกลียดจนแทบไม่อยากจะมองหน้า เพลิงพญา นามราชสีห์ ผู้ชายเถื่อนถ่อย และแสดงความหยาบคายใส่หล่อนทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากัน หล่อนชิงชังผู้ชายคนนี้ แต่กลับมีเหตุการณ์มากมายทำให้ต้องใกล้ชิดกันตลอด
พิรดาถอนใจแรงๆ เมื่อใบหน้าของผู้ชายถ่อยที่ตัวเองเกลียดผุดขึ้นมาในสมอง และนั่นก็ทำให้หล่อนจำต้องละสายตาจากการมองเข้าไปในรั้วบ้านหลังใหญ่ทันที พร้อมกับรีบจ้ำอ้าวเพื่อให้ถึงบ้านโดยเร็ว
แค่เพียงไม่ถึงสิบก้าว หล่อนก็มาหยุดหน้าประตูรั้วไม้สีขาวที่บิดาเพิ่งจะทาสีให้ใหม่ หล่อนเปิดมันและก้าวเข้าไปภายใน มารดานั่งห่อข้าวต้มมัดเพื่อนำไปข้าวที่หน้าปากซอยในวันพรุ่งนี้อยู่ใต้ถุนบ้าน
“สวัสดีจ้ะแม่”
นางเพียงหันมามองบุตรสาว กล่าวทักทายดั่งเช่นในทุกๆ วันที่เคยทำ จากนั้นก็หันไปสนใจงานตรงหน้าของตัวเองต่อ
พิรดาเดินเข้าไปหยุดใกล้ๆ มารดา ก่อนจะทรุดลงนั่งใกล้ๆ และเริ่มชวนท่านคุย
“พ่อไปไหนล่ะจ๊ะแม่”
“คุณหญิงท่านให้ไปขับรถให้น่ะ”
พ่อของหล่อนจะถูกเรียกไปขับรถแทนเสมอยามที่ลุงสมหมายลาป่วย และวันนี้ก็เช่นกัน
“แล้วพ่อจะกลับมากี่โมงล่ะจ๊ะแม่”
“ไม่รู้สิ เห็นว่าให้ขับไปส่งที่งานเลี้ยงน่ะ คงจะกลับดึกๆ หน่อยล่ะมั้ง” มารดาว่าแล้วก็รีบตั้งหน้าตั้งตา เร่งมือห่อข้าวต้มมัดต่อไป
“เดี๋ยวตาลขึ้นไปอาบน้ำแล้วจะลงมาช่วยแม่ห่อขนมนะจ๊ะ”
“เดี๋ยวแม่ก็เสร็จแล้วล่ะ เอาไว้ตาลช่วยเอาขนมไปส่งให้คุณๆ ที่บ้านหลังใหญ่แทนแม่ดีกว่า”
คนได้ยินยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ให้ฉันไปจริงๆ เหรอแม่”
“อืม” นางเพียงพยักหน้ารับ “ก็ตาลอยากไปเจอคุณพันไม่ใช่เหรอ” มารดาพูดขึ้นอย่างรู้ทัน
คนเป็นลูกแก้มแดงราวกับลูกตำลึงสุก
“ใช่จ้ะ ฉันอยากเห็นหน้าคุณพัน ไม่ได้เห็นมาหลายวันแล้ว”
มารดาของหล่อนชะงักมือที่กำลังห่อข้าวต้มมัดอยู่ ก่อนจะเงยขึ้นจ้องหน้าหล่อน สายตาของท่านเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“เทิดทูนได้นะตาล แต่อย่าหวังว่าจะได้มาครอบครอง ถ้าเกิดผิดหวังขึ้นมา ตาลจะเจ็บนะลูก”
หญิงสาวยิ้มเศร้าหมอง และพูดอย่างเจียมตัวเอง “ตาลเข้าใจสิ่งที่แม่เตือนดีจ้ะ และตาลก็รู้ตัวดีว่าควรจะอยู่ตรงไหน” หล่อนถอนใจออกมาแผ่วเบา “ตาลรักคุณพัน แต่ตาลไม่เคยคิดที่จะครอบครองคุณพัน ตาลแค่เห็นคุณพันมีความสุข แค่นี้ตาลก็พอใจแล้วล่ะจ้ะ”
นางเพียงมองลูกสาวอย่างเห็นใจ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อลูกสาวกับพันตะวันอยู่คนละโลกกัน
“แม่ขอโทษที่ไม่สามารถทำให้ตาลอยู่ในสังคมเดียวกับคุณพันได้”
“แม่อย่าพูดแบบนั้นเลยจ้ะ ตาลต้องขอบคุณแม่มากกว่าที่ทำให้ตาลเกิดมา และเกิดมาครบสามสิบสอง ไม่พิกลพิการ เรื่องเงินทอง หรือฐานะทางสังคมมันเป็นสิ่งที่เรากำหนดเองไม่ได้ แค่แม่สอนให้ตาลเป็นคนดีได้แบบนี้ ตาลก็ดีใจมากแล้วจ้ะ”
มารดามองหล่อนน้ำตารื้น หล่อนเองก็น้ำตาซึมเหมือนกันเวลาที่ต้องพูดอะไรซึ้งๆ แบบนี้ออกไป
“ตาลขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะแม่ เดี๋ยวตาลจะรีบลงมาหาจ้ะ”
นางเพียงพยักหน้าเล็กน้อย และก้มหน้าห่อขนมต่อไป ในขณะที่ผู้เป็นลูกสาวเดินหายขึ้นไปบนบ้าน
เพลิงพญา นามราชสีห์ หนุ่มเสเพลเลือดร้อนนามกระฉ่อน ในวัย 28 ปีเต็มของเขาเต็มไปด้วยความช่ำชองในโลกของโลกีย์ ซึ่งช่างแตกต่างจากผู้เป็นพี่ชายอย่าง พันตะวัน ยิ่งนัก เพราะพันตะวันในวัย 35 ปีคือนักธุรกิจมือทองที่จับต้องอะไรก็เป็นเงินเป็นทองเสียทุกอย่าง พี่ชายของเขาประสบความสำเร็จบนสนามแข่งขันของธุรกิจ ในขณะที่เขาประสบความสำเร็จในสนามแข่งขันบนเตียง
พ่อกับแม่ภาคภูมิใจในตัวของพี่ชายมาก ในขณะที่พวกท่านทั้งสองไม่ค่อยได้สนใจเขามากนัก อาจจะเพราะเหนื่อยหน่ายกับความมึนที่สั่งอะไรก็ไม่ยอมทำของเขาก็เป็นได้
เพลิงพญาจ้องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาบานใหญ่เบื้องหน้า ใบหน้าของเขาเป็นสี่เหลี่ยมคมคาย ไว้หนวดไว้เครารอบริมฝีปากพองาม ผู้หญิงมากมายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาหล่อปานเทพบุตรบนสวรรค์ และก็ต้องครางด้วยความติดอกติดใจหลังจากถูกเขากระซวกใส่บนเตียงเสร็จสิ้น ทุกนางต่างวิงวอนให้เขากระซวกเข้าไปในรูเสียวของตัวเองต่อ อ้อนวอนให้เขาปล่อยน้ำสวาทเข้าไปหลายๆ รอบ แต่ผู้ชายอย่างเขาให้ได้แค่ค่ำคืนเดียวเท่านั้นต่อผู้หญิงหนึ่งคน เพราะคิวสาวๆ ที่รอขึ้นเตียงยาวข้ามปี
มุมปากที่มีลักยิ้มทั้งสองข้างยกสูงขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียดหยัน ผู้หญิงก็แค่เครื่องบำบัดความใคร่ให้กับเจ้าหนูฝังมุกของเขาเท่านั้นแหละ
มือหนาสีแทนยกขึ้นลูบเส้นผมที่ยังคงเปียกหยาดน้ำไปด้านหลัง รอยสักรูปนกเหยี่ยวที่หัวไหล่ยิ่งเพิ่มความบึกบึนให้กับชายหนุ่มยิ่งขึ้น
เพลิงพญาละสายตาจากกระจกเงา เดินแก้ผ้าโทงๆ ตรงไปยังห้องแต่งตัว เอ็นยาวใหญ่ที่ฝังมุกเอาไว้ถึงสามเม็ด สั่นคลอนไปมาไม่ต่างจากหัวของงูตัวเขื่อง ผู้หญิงมากมายดูดอมให้มัน และนั่นก็สิ่งที่เขาชื่นชอบ
ประตูบานเลื่อนสไลด์ไปด้านข้างๆ และชายหนุ่มก้าวเข้าไปภายในที่ตกแต่งเอาไว้อย่างประณีตและมีระดับ แต่กระนั้นกลับเต็มไปด้วยโทนสีเข้มที่เป็นสีโปรดของเจ้าของห้องอย่างเพลิงพญา
ผู้คนต่างขนาดนามเขาว่าคือ ‘จอมมาร’
ในขณะที่พันตะวันพี่ชายของเขาคือ ‘เทพบุตร’
เขาไม่ให้ความสนใจกับฉายาพวกนี้นัก เพราะมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขหรือมีความทุกข์มากขึ้น แต่หากเป็นการกระทำของตัวเองต่างหากที่จะตัดสินความสุขทุกข์เหล่านั้น
เพลิงพญาคว้าชุดลำลองออกมาสวมใส่ ก่อนจะเดินออกมายังห้องนอนอีกครั้ง และกดโทรศัพท์มือถือโทรออกไปหาบุคคลเป้าหมาย