“หนูหวานมีโอกาสนะคะ เพราะคุณคินยังไม่มีภรรเมีย”
“พี่พวงว่าเราจะต้องใจกล้าสักหน่อย อะจ๊าก...” ทำตัวสั่น ๆ และออกอาการขนลุกอีกที หันมาสบตากับอารัณ พร้อมกับทำปากเจ่อ ๆ และท่าทางเซ็กซี่
“ม้วก... ม้วก... คุณคินขา มะ มาให้จูบ ขอจุ๊บทีหนึ่ง” เปล่งเสียงออกมาเบา ๆ
“พี่พวงนี้บ้าจริง ๆ” อารัณหัวเราะจนหน้าแดง
“ถึงบ้าพี่ก็น่ารักนะคะ คนอะไรเกิดมา หล่อ เท่ ดูดีแบบนี้ พี่อยากได้เป็นผัว” พูดคำว่าผัว พวงก็รัวลิ้นเร็วอย่างน่าเกลียด
ผลัวะ... ประตูเปิดออกมา สองสาวถึงกับชะงัก
อคินใส่แค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่บนมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
อคินเหมือนภาพสโลว์โมชัน หันมาทั้งตัว พร้อมกับสะบัดหัวเบา ๆ เม็ดน้ำสาดกระจายจนมาโดนหน้าของทั้งสองสาว
พวงเคลิ้มและทำหน้าแดง มองอคินด้วยดวงตาละห้อยมองตามการเคลื่อนไหวของอคินที่เยื้องย่าง
ส่วนอารัณนั้นใจเต้นแร้งเต้นกา นับจังหวะไม่ได้แล้ว ในอกเหมือนมีคนมาตีหัวใจให้เป็นจังหวะเสียงกลอง แต่รู้สึกใจหวิว ๆ
“ยังไม่เสร็จอีกหรือ”
เขาพูดดัง จนทั้งสองคนสะดุ้ง และตื่นจากภวังค์
“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“เสร็จแล้วก็ออกไปสิ ฉันจะพักผ่อน” ชายหนุ่มไล่ดื้อ ๆ
“ไปค่ะหนูหวาน” ฉวยแขนและของในมือของอารัณ พร้อมดันหลังของหญิงสาวให้เดินออกไปด้วยกัน
เมื่อประตูห้องถูกปิดลงไปแล้ว ทั้งคู่ก็พ่นลมหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน
“พี่บอกแล้วไงคะว่าพี่นะ อยู่ใกล้คุณคินไม่ได้ พี่หายใจไม่ออก” ลูบหน้าอกของตัวเอง ก่อนจะทุบปึก ๆ
“เป็นอะไรไปคะพี่พวง”
“หวานเห็นกล้ามที่มีแต่หยดน้ำนั่นไหม พี่ใจจะละลายแล้ว” ทำท่าเซี้ยว ๆ อารัณจึงหัวเราะ
“พี่พวงนี่จริง ๆ เลย ฉันจะไปฟ้องผัวพี่”
“ไม่ได้นะ อย่าเชียวน่า ไอ้ชัน มันต้องเตะพี่ตายแน่ ๆ”
“เสียดายนะคะ ที่หวานไม่มีมือถือ ไม่งั้นจะถ่ายรูปหน้าของพี่พวงเวลาที่เห็นคุณคินว่ามันเป็นยังไง”
“แล้วมันเป็นยังไง”
“ก็เหมือนสาวใจแตกนะสิคะ”
“แหม แหม แหม ว่าแต่เขานะคะ” ทำเสียงสูง ปากยื่นยาวด้วย
“ตัวเองก็ยืนหน้าแดง แก้มนี่ปลั่งเชียว แล้วตาเป็นประกายนะคะเวลาที่มองคุณคิน”
“ปะ เปล่าสักหน่อย” ปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งที่หน้าแดงขึ้นมาอีก
“นี่ ๆ แค่เอ่ยถึงคุณคินนิด ๆ หน่อย ๆ ทำหน้าเริ่มแดงอีกแล้วนี่ พี่เห็นนะคะ กิ๊ว ๆ”
“เปล่าแดงน่ะ”
“กิ๊ว ๆ ชอบคุณคินใช่ไหมคะ หนูหวาน”
“เปล่า หวานไม่ได้ชอบ” ปฏิเสธเสียงแข็ง รีบจ้ำอ้าวนำหน้าพวงไปในทันที พวงได้ยิ้มและส่ายหน้า อารัณคงชอบอคินมาก ๆ จนได้สะเทิ้นอายมากมายแบบนี้
เช้าวันต่อมา ที่ในห้องครัว ทุกคนกำลังง่วนช่วยกันจัดโต๊ะอาหารเช้า
“ใครเห็นหวานบ้าง” ลัดดาถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว มองไปทางเรือนหลังใหญ่ด้วยหัวใจห่อเหี่ยว และเต็มไปด้วยความห่วงใย
นาฬิกาที่ผนังบอกเวลา 08.00 น.
“ปรกติตื่นนอนแล้วนี่นา ไปใส่บาตร แล้วก็มาช่วยแม่ทำงาน” ลัดดาบ่น
พันเดินเข้ามาในห้องครัว
“ป้า ๆ คุณกรองกับคุณแซนอยู่ที่โต๊ะแล้วนะ เสิร์ฟอาหารเช้าเลยไหม”
“แล้วถามหรือยังว่าจะรับชาหรือกาแฟ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ลัดดารีบจัดแจงตักข้าวต้มที่อยู่บนเตาใส่โถ แล้วเดินเข้าไปข้างใน
คุณกรองจิตมีสีหน้าระรื่น คงจะดีใจที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการสำเร็จ
“ป้าครับของแซนขอไข่ต้มด้วยได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ”
พันยกโถกาแฟมา พร้อมกับถาดไข่ต้มที่ได้ทำเอาไว้ให้แล้วเพราะเห็นว่าเป็นของชอบของอาคิรา
“มาแล้วค่ะไข่ต้มห้านาทีของโปรดของคุณแซน พันเตรียมให้แล้วค่ะ” เสนอหน้า
“ขอบคุณครับ” หยิบเอาไข่มาวาง พร้อมกับตอกเปลือกไข่เบา ๆ และเหยาะซอสแม็กกี้
“หางานได้หรือยัง ชอบทำตัวเป็นเด็ก ๆ ให้แม่เป็นห่วงอยู่เรื่อย ๆ” คุณกรองจิตเริ่มบ่น
“แม่ครับ เมื่อไรแม่จะเลิกยุ่ง หรือว่า เจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของคนอื่นเสียที” เขามักจะพูดจากับแม่แบบนี้เสมอ
สองคนนี้เจอกัน ก็จะเข้าตำรา ขิงก็ราข่าก็แรง
“เอ๊ะ! ที่แม่พูดเนี่ยเพราะแม่เป็นห่วงหรอกนะ”
“แหม... แม่รอดูแซนก็แล้วกัน”
“ดูอย่างยายหวายสิ ได้งานทำแล้ว” เอ่ยชมไปถึง
อาทิตยา
“งานอะไรนะ” หันไปถามลัดดา
“ประชาสัมพันธ์ที่โรงพยาบาลค่ะ”
“เห็นไหม ได้ดั่งใจ และก็ตั้งใจเรียน ไม่เคยอะไรให้ขัดเคืองใจ” ยิ้มยินดีเหมือนกับเป็นลูกสาวของตัวเอง
“โรงพยาบาลไหนครับป้าดา”
“โรงพยาบาลเอกไทยประชาอุทิศค่ะ”
อาคิราถึงกับยิ้ม เมื่อรู้ว่า เขากับเธอได้งานทำที่เดียวกัน
“ยิ้มอะไร” ผู้เป็นแม่จ้องหน้า
“แม่ครับ คนยิ้มเพราะอะไร เพราะมีความสุขอย่างไรล่ะครับ แล้วเอ... พี่คินอยู่บ้านไม่ใช่หรือครับ ทำไมไม่ลงมากินข้าว” เขาเอ่ยถึงพี่ชาย
คุณกรองจิตหันไปมองลัดดาตาปริบ ๆ
“คงจะเหนื่อยมั้ง”
“เมาค้างมั้งคะ เมื่อคืนตอนงานเลี้ยงดื่มเข้าไปเยอะค่ะ”
พันช่วยเสริม
“งั้นผมรีบกินดีกว่า ผมจะไปปลุกพี่คิน จะให้พี่คินไปส่งไปทำธุระสักหน่อย” ยกกาแฟขึ้นซด
“ดะ เดี๋ยว...” แม่รีบรั้งเอาไว้
“จะรบกวนพี่ทำไม จะไปไหน ชันมันก็อยู่ ให้ชันไปส่ง ชันมันรู้เส้นทางดีที่สุด ยิ่งแถว ๆ นี้ ใช่ไหม ๆ พัน พี่ดา”
“ใช่ค่ะ ชันมันคล่องค่ะ ไปทางไหนรู้หมด ทางลัดก็รู้” พันรีบตอบ และยกหางน้องเขยยกใหญ่
“มีอะไรปกปิดผมหรือเปล่าครับ หรือว่าแม่ทำอะไร” ลูกชายหันไปจ้องตา
“อ่า...”
“ไม่มีอะไร”
ในตอนนั้นเอง มือถือของอาคิราก็ดังขึ้น เขาเห็นเป็นสายของอคิน จึงกดรับ และเดินเลี่ยงออกไปคุยข้างนอกห้องอาหาร
“ครับพี่”
“แซนขึ้นมาที่ห้องพี่หน่อยสิ”
“มีอะไรกับพี่คิน”
“อย่าบอกใครนะ”
“ครับ ๆ”
อาคิราก้าวขายาว ๆ ไปที่ห้องนอนของพี่ชาย