จักระทั้งเจ็ด

1353 Words
ดนุสรณ์เรียนรู้เกี่ยวกับพลังเวทย์ที่อยู่ภายในร่างกายของผู้ใช้เวทย์ และเขารับรู้ว่าแท้จริงแล้วพลังเวทย์นั้นคือจักระทั้ง7นั่นเอง ซึ่งจักระนั้นคือศูนย์รวมพลังงานภายในร่างกายของมนุษย์ หรือ พลังแฝงที่มีอยู่ในทุก ๆ สิ่ง เป็นศูนย์พลังงานอันละเอียดอ่อน (กายละเอียด) ซึ่งมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น จักระ ชี่ ลมปราณ เป็นต้น ในอินเดียนั้น พวกโยคีเชื่อว่า จักระที่สำคัญของมนุษย์ มีอยู่ด้วยกัน 7 ตำแหน่ง ในแต่ละตำแหน่งมีจุดกำเนิดที่แตกต่างกัน และดูแลควบคุมการทำงานของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายของคนเราให้ทำงานเป็นปกติ และการหมุนวนของจักระ เกิดจากลมหายใจเข้าออก ที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายตลอดเวลา จักระจะหมุนตามเข็มนาฬิกาด้วยความถี่ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเชื่อมโยงและสัมพันธ์กับระบบการทำงานของอวัยวะที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เพื่อให้เกิดความสมดุล ในปรัชญาฝ่ายโยคะ ขั้วบวกของร่างกายอยู่ตรงกระหม่อม ส่วนขั้วลบอยู่ปลายสุดของกระดูกสันหลัง ตามหลักวิทยาศาสตร์ ขั้วลบจะแล่นขึ้นไปหาขั้วบวก เมื่อใดกระแสไฟฟ้าในร่างกายโคจรได้คล่อง ร่างกายและจิตย่อมสมบูรณ์สุด  พลังขั้วลบจะแล่นขึ้นผ่านตำแหน่งสำคัญ ๆ ในร่างกาย คือ จักระต่าง ๆ ใช้สัญญลักษณ์เป็นดอกบัวทั้งเจ็ดจุด  อันประกอบไปด้วย จักระที่1 เป็นรากฐานของระบบจักระ และเป็นพื้นฐานของพลังชีวิตชื่อทางสันสกฤต คือ มูลธาร ตำแหน่งจะอยู่ตรงปลายสุดของกระดูกสันหลัง มีสัญญลักษณ์เป็นดอกบัวสี่กลีบ สีที่สัมพันธ์กันคือสีแดง เครือข่ายทางกายภาพของระบบ ต่อมลูกหมาก เพศ ระบบขับถ่าย มีคุณสมบัติ คือ ความไร้เดียงสา ความบริสุทธิ์ ความเป็นธรรมชาติ จักระที่2 เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังงานทางเพศและความเชื่อมั่นในตนเอง ชื่อสันสกฤต คือ สวาธิษฐาน  ตำแหน่งจะอยู่เหนืออวัยวะเพศ ต่ำกว่าหน้าท้องประมาณสองนิ้ว สัญญลักษณ์เป็นดอกบัวหกกลีบ สีที่สัมพันธ์กันคือ สีส้ม เครือข่ายทางกายภาพของระบบ ตับบางส่วน ไต ม้าม ตับอ่อน มดลูก มีคุณสมบัติ  คือ การสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ สุนทรีย์ การรับรู้ที่ชาญฉลาด จักระที่3 เป็นจุดศูนย์กลางย์ของร่างกาย ควบคุมระบบทางเดินอาหารทั้งหมด ทั้งการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย ชื่อสันสกฤต คือ มณีปุระ  อยู่ตรงไขสันหลังตรงจุดสะดือ สัญญลักษณ์เป็นดอกบัวสิบกลีบ  สีที่สัมพันธ์กันคือ สีเหลือง  เครือข่ายทางกายภาพของระบบ กระเพาะอาหาร ตับบางส่วน มีคุณสมบัติ คือ กายภาพ รูปธรรมและจิตวิญญาณ ความพอใจ ความใจกว้าง มีศีลธรรม จักระที่4 เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง ความเมตตากรุณา ความเสียสละ ชื่อสันสกฤต คือ อนาหตะ  ตำแหน่งอยู่ตรงหัวใจ สัญญลักษณ์เป็นดอกบัวสิบสองกลีบ สีที่สัมพันธ์กันคือ  สีเขียว เครือข่ายทางกายภาพของระบบ หัวใจ การหายใจ มีคุณสมบัติ  ที่เกี่ยวข้องกับความรัก ความร่าเริง จักระที่5 เป็นจักระที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ชื่อสันสกฤต คือ วิสุทธิ อยู่ตรงต่อมไธรอยด์ สัญญลักษณ์เป็นดอกบัวสิบหกกลีบ  สีที่สัมพันธ์กันคือสีนำ้เงิน เครือข่ายทางกายภาพของระบบ  ต่อมไทรอยด์ คอ แขน ปาก ลิ้น หน้า มือ ไหล่ มีคุณสมบัติ เกี่ยวข้องกับจิตสำนึกของการรวมกลุ่ม ความอ่อนหวาน   ความสุขุม ความไม่ก้าวร้าว การสื่อสารที่ดี จักระที่6 เป็นจักระที่เปรียบเหมือนดวงตาแห่งปัญญา ชื่อสันสกฤต คือ อาชญะ  ตั้งอยู่ตรงกลางหน้าผาก สัญญลักษณ์เป็นดอกบัวสองกลีบ สีที่สัมพันธ์กันคือสีครามหรือสีน้ำเงิน เครือข่ายทางกายภาพของระบบ การมองเห็น การได้ยิน ความคิด ความมีเงื่อนไข มีคุณสมบัติ เกี่ยวกับการให้อภัย ควบคุมอัตตา และความมีเงื่อนไข จักระที่7 เป็รศูนย์กลางควบคุมทุกจักระในร่างกาย เป็นจุดรับพลังจักรวาลและกระจายไปทั่วร่างกาย ชื่อสันสกฤต คือ  สหัสราระ ตำแหน่งสูงสุดกลางกระหม่อม สัญญลักษณ์เป็นดอกบัวพันกลีบ  สีที่สัมพันธ์กันคือสีม่วง เครือข่ายทางกายภาพของระบบสมองส่วนกลาง มีคุณสมบัติ  เกี่ยวกับการตระหนักรู้ในตนเอง ดนุสรณ์ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงพลังเวทย์ว่าเกิดจากจักระ และจักระนั้นก็สามารถฝึกฝนได้ด้วยการสมาธิเพื่อให้จิตวิญญาณสามารถสัมผัสถึงพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายนั่นเอง และการฝึกสมาธิก็สัมพันธ์กับการนั่งสมาธิเพื่อดูดซับผลึกปราณและขับเคลื่อนพลังปราณให้ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายอย่างสมดุล ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกันอย่างเป็นระบบ และแท้จริงแล้วคุณชายหมิงเซียนก็อาจมีพลังเวทย์ซ่อนเร้นอยู่ภายในกาย แต่เนื่องจากเขาไม่เคยสนใจฝึกฝนสมาธิและดูดซับพลังปราณดังนั้นแล้วพลังเวทย์ที่แฝงเร้นอยู่ภายในกายจึงไม่แสดงผลสัมฤทธิ์ออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แจ้งก็เป็นได้ " ฮุ่ยจื่อ เด็กที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพลังเวทย์นั้นจักสามารถรับรู้ได้ตอนไหนหรือว่ามีพลังเวทย์แฝงเร้นอยู่ภายในกาย..." ดนุสรณ์ถามออกมาด้วยความอยากรู้ " พลังเวทย์ของแต่ละคนนั้นจักปรากฎให้เห็นและตรวจสอบได้ในช่วงอายุ1ขวบปีถึง10ขวบปีขอรับ ซึ่งพลังเวทย์ของแต่ละคนนั้นจักแสดงออกมาในช่วงอายุที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพลังเวทย์ขอรับ.." ฮุ่ยจือตอบออกมา " ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพลังเวทย์ที่แฝงเร้นอยู่สินะ.." ดนุสรณ์มั่นใจยิ่งขึ้นว่าคุณชายหมิงเซียนผู้นี้มีพลังเวทย์แฝงเร้นอยู่ภายในกายแน่นอน แต่ด้วยเหตุผลที่ไม่เคยฝึกฝนสมาธิและพลังปราณดังนั้นพลังเวทย์จึงไม่ปรากฎเด่นชัด หรืออาจเป็นเพราะพลังเวทย์ที่แฝงเร้นอยู่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนักนั่นเอง " ขอรับคุณชาย " ฮุ่ยจือพยักหน้าเล็กน้อย ดนุสรณ์ตั้งใจที่จะฝึกฝนสมาธิเพื่อค้นหาจักระที่แฝงเร้นอยู่ภายในร่างกายของเขา นับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่เขาชื่นชอบเรื่องพวกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเข้าใจถึงหลักการเป็นอย่างดี ' หวังว่าความรู้ของเราจักนำมาใช้ได้นะ..' ดนุสรณ์คิดภายในใจ เพราะแท้จริงแล้ววิธีการนั่งฝึกสมาธิก็คือ ผู้ฝึกสมาธิจะต้องเพ่งเล็งไปยังจุดกำเนิดพลังทั้ง7และจินตนาการให้เป็นช่อดอกบัว ซึ่งในวัฒนธรรมของอินเดีย จักระมีรูปลักษณ์เป็นดอกบัวที่หมายถึงพลัง และมีจำนวนกลีบดอกในแต่ละจุดของร่างกายต่างจำนวนกันไป จักระสมาธิคือการเพ่งสมาธิไปยังจุดต่างๆของจักระทั้ง7นั่นเอง วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผันไป จากวันเป็นเดือน และจากเดือนก็เข้าสู่หลายเดือนที่ดนุสรณ์ใช้ชีวิตในร่างของคุณชายหมิงเซียน ในทุกๆวันเขามักจะฝึกฝนตนเอง และตอนนี้เขาได้เก็บตัวอยู่แต่ภายในห้องนอนเท่านั้นเพื่อฝึกฝนจักระสมาธิและดูดซับผลึกปราณไปพร้อมๆกัน สิ่งที่ดนุสรณ์ในร่างของคุณชายหมิงเซียนได้ทำอยู่นั้น ทำให้บ่าวไพร่ในเรือนพากันแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วคุณชายหมิงเซียนของพวกเขาจะใช้เวลาเขียนภาพแต่งโครงกลอนและบรรเลงดนตรีเท่านั้น หาใช่การฝึกฝนตนเองเช่นนี้ ฮุ่ยจือรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่คุณชายของเขาหันมาสนใจเรียนรู้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง และภายในระยะเวลา3เดือนที่ผ่านมาก็ทำให้คุณชายหมิงเซียนมีระดับพลังปราณที่สูงขึ้นจนน่าตกใจ เพราะตอนนี้คุณชายของเขามีพลังปราณอยู่ในระดับ2 นั่นคือปราณกายาขั้นสูงนั่นเอง " หากคุณชายตั้งใจฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆเช่นนี้อีกมินานระดับพลังปราณก็จักแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน.." ฮุ่ยจือยกยิ้มอย่างพึงพอใจในตัวของคุณชายของเขา เพราะถึงอย่างไรทรัพยากรเพาะบ่มเช่นผลึกปราณก็มีเพียงพอให้คุณชายของเขาดูดซับไปอีกหลายปีเลยทีเดียว....
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD