ดนุสรณ์นั่งฟังบ่าวชายนามฮุ่ยจือเล่าถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตัวของคุณชายหมิงเซียนซึ่งเป็นคุณชายเล็กตระกูลหมิงไปเรื่อยๆอย่างตั้งใจ เพราะดูเหมือนว่าต่อไปนี้เขาจะต้องใช้ชีวิตในร่างของคุณชายหมิงเซียนผู้นี้นั่นเอง
" ฮุ่ยจือ..เช่นนั้นข้าก็สามารถใช้เวทมนตร์ได้ใช่หรือไม่.." ดนุสรณ์ถามออกมา เพราะฟังจากที่ฮุ่ยจือเล่ามาแล้วตระกูลหมิงเป็นตระกูลของผู้ใช้เวทย์
" เอ่อ...คะ..คุณชายมิสามารถใช้เวทย์ได้ขอรับ เนื่องจากมิสามารถประทับพันธะกับคำภีร์อันเชิญได้..." ฮุ่ยจือทำหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
" หืม..ข้าเกิดในตระกูลผู้ใช้เวทย์แต่มิสามารถใช้เวทมนตร์ได้เช่นนั้นหรือ..." ดนุสรณ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเรื่องราวเริ่มจะคล้ายกับพล็อตนิยายจีนกำลังภายในที่เขาเคยอ่าน
' คุณชายผู้อาภัพ ถูกมองว่าเป็นสวะไร้ค่าของตระกูล อะไรกันทำไมเหมือนกับพล็อตนิยายเลยวะ ' ดนุสรณ์ได้แต่คิดภายในใจแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับสิ่งที่เขาพบเจอ
" เอ่อ..ว่าแต่มีการฝึกวรยุทธหรือลมปราณบ้างหรือไม่.." ดนุสรณ์ถามออกมา เพราะเขาอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกใบใหม่ที่เขาจะต้องใช้ชีวิตต่อไป
" ขอรับ " บ่าวชายนามฮุ่ยจือพยักหน้าเล็กน้อย
" อ่อ..ข้าเข้าใจแล้ว.." ดนุสรณ์พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ โลกใบใหม่ที่เขาอาศัยอยู่นี้มีการใช้พลังเวทย์และยังมีพลังปราณและการฝึกฝนวรยุทธอีกด้วย
' อย่างกับฝันเลยแฮะ ดีเหมือนกันที่ได้ใช้ชีวิตในโลกแฟนตาซีแบบนี้...' ดนุสรณ์คิดในใจเพราะเขาลุ่มหลงและชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และนี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกเรียนคณะอักษรศาสตร์สาขาวิชาภาษาจีนนั่นเอง
" ฮุ่ยจือ..เอ่อ...ข้าถูกมองว่าเป็นสวะไร้ค่าของตระกูลหมิงใช่หรือไม่.." ดนุสรณ์ถามออกมาตรงๆ เพราะคุณชายที่เกิดในตระกูลใหญ่แต่กลับไร้ความสามารถมักจะถูกเรียกว่าสวะไร้ค่าเหมือนในพล็อตนิยาย
" ขะ..ขอรับ คนในตระกูลหมิงไม่ค่อยชื่นชอบคุณชายมากนัก..." บ่าวชายนามฮุ่ยจือพูดออกมาเบาๆเพราะเกรงว่าคุณชายของเขาจะรู้สึกแย่มากไปกว่านี้
" อื้ม..น่าแปลกนะทั้งๆที่ข้าถูกมองว่าเป็นสวะไร้ค่าแต่เหตุใดชีวิตการเป็นอยู่ของข้าดูสะดวกสบายเช่นนี้ล่ะ..." ดนุสรณ์พูดออกมาเพราะคุณชายหมิงเซียนผู้นี้อยู่ในห้องนอนที่ใหญ่โตหรูหรา เครื่องเรือนต่างๆก็ดูมีราคา เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ติดกายก็เป็นผ้าไหมแพรพรรณเนื้อดี แถมยังมีบ่าวคอยรับใช้อีกด้วย
" เรื่องนี้เป็นเพราะตระกูลหมิงยังคงเกรงใจตระกูลมี่ของฮูหยินมี่เจินอยู่ขอรับ.." ฮุ่ยจือพูดออกมาถึงความเป็นจริง
ตระกูลมี่ของมี่เจินผู้เป็นมารดาของคุณชายหมิงเซียนนั้นเป็นตระกูลคณะบดีใหญ่ที่ร่ำรวยติดอันดับ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่หนึ่งในเก้าตระกูลผู้ใช้เวทย์แต่ก็ถือว่ามีอิทธิพลอย่างมากเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ดังนั้นแล้วตระกูลหมิงจึงให้ความเกรงใจอยู่หลายส่วน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชีวิตการเป็นอยู่ของคุณชายหมิงเซียนในตระกูลหมิงสุขสบายเป็นอย่างมากนั่นเอง
' อำนาจของทรัพย์สินเงินทองสินะ คุณชายหมิงเซียนผู้นี้ก็มีดีอยู่ไม่น้อย..' ดนุสรณ์คิดในใจก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ เพราะชีวิตของเขาต่อจากนี้คงไม่รันทดเหมือนในพล็อตนิยายจีนกำลังภายใน ทำให้บ่าวชายนามฮุ่ยจือแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีที่ดนุสรณ์แสดงออกมา
" ฮุ่ยจือ หากข้าต้องการฝึกฝนการใช้เวทย์ต้องทำเยี่ยงไรหรือ.." ดนุสรณ์ถามออกมาเพราะดูแล้วชีวิตต่อไปจากนี้เขาต้องดำเนินไปตามพล็อตเรื่องของนิยายแนวจีนโบราณกำลังภายในที่เขาเคยอ่านมาหลายเรื่อง และหากเปรียบเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นนิยายตัวของเขาก็คือตัวเอกของเรื่องที่ต้องเร่งฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งเพื่อสยบคำครหาของผู้คนในตระกูลหมิงที่มองว่าคุณชายหมิงเซียนผู้นี้เป็นสวะไร้ค่า
" เอ่อ..เรื่องนี้เป็นพรสวรรค์ของแต่ละคนที่ติดตัวมาแต่กำเนิดขอรับ ใช่ว่าทุกคนในแผ่นดินนี้จักมีพลังเวทย์..." ฮุ่ยจือเองก็จนปัญญาจะช่วยคุณชายผู้อาภัพของเขา
" เช่นนั้นหรือ ว่าแต่ฮุ่ยจือเจ้ามีพลังเวทย์หรือไม่.." ดนุสรณ์ถามออกมา
" ขอรับ ข้ามีพลังเวทย์แต่ไม่แข็งแกร่งนัก.." ฮุ่ยจือพูดออกมาตามความจริง
" อ่อ..เจ้ามีพลังเวทย์แล้วเหตุใดจึงต้องตามรับใช้ข้า.." ดนุสรณ์ถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะผู้ที่มีพลังเวทย์ไม่น่าที่จะต้องมาเป็นบ่าวรับใช้เช่นนี้
" เพราะนายท่านมี่จวนท่านตาของคุณชายมีเมตตารับเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เด็ก และนับตั้งแต่คุณชายอายุได้3ขวบปีข้าก็ถูกส่งมาเป็นดูเเลคุณชายในฐานะบ่าวรับใช้และพี่เลี้ยงขอรับ..." บ่าวชายนามฮุ่ยจือนั้นแท้จริงแล้วเป็นทั้งบ่าว เป็นทั้งสหาย และพี่เลี้ยงของคุณชายหมิงเซียนนั่นเอง
" ข้าเข้าใจแล้ว ว่าแต่ข้าคงมิอาภัพเรื่องพลังลมปราณหรอกนะ.." ดนุสรณ์พูดออกมา เพราะถึงชีวิตของคุณชายหมิงเซียนจะอาภัพเรื่องพลังเวทย์แต่คงไม่เลวร้ายจนไม่สามารถมีพลังปราณได้
" ขอรับ คุณชายมีพลังปราณอยู่ในระดับก่อกำเนิดขั้นสูง..." ฮุ่ยจือยกยิ้มเล็กน้อย เพราะคุณชายของเขาไม่ได้อาภัพไปเสียทุกเรื่อง เพราะอย่างน้อยก็มีพลังปราณถึงแม้จะน้อยนิดเมื่อเทียบกับคนในรุ่นเดียวกัน
" ระดับก่อกำเนิดขั้นสูงอย่างนั้นหรือ..ฮุ่ยจือเจ้าช่วยบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าพลังปราณนั้นแบ่งเป็นกี่ระดับ..." ดนุสรณ์รู้สึกสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะความฝันของเขาคือการใช้วิชาตัวเบาเหมือนกับในหนังจีนกำลังภายในนั่นเอง
" ขอรับ..พลังปราณแบ่งออกเป็นเจ็ดระดับ ระดับที่หนึ่งเรียกว่าปราณก่อกำเนิด ระดับสองปราณกายา ระดับสามปราณจิตวิญญาณ ระดับสี่ปราณบาดาล ระดับห้าปราณพิภพ ระดับหกปราณนภา ระดับเจ็ดปราณโลกกาขอรับ แต่ละระดับแบ่งออกเป็นสามขั้น ได้แก่ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูงขอรับคุณชาย..." ฮุ่ยจืออธิบายออกมาอย่างช้าๆ
" อ่อ...เช่นนั้นข้าก็มีพลังปราณอยู่ในระดับเเรกเริ่มสินะ ไร้พรสวรรค์จริงๆด้วย.." ดนุสรณ์พูดออกมาเพราะดูแล้วคุณชายหมิงเซียนเหมือนจะไร้พรสวรรค์จริงๆ
" มิเป็นเช่นหรอกขอรับ การที่คุณชายมีระดับพลังปราณก่อกำเนิดนั้นเป็นเพราะคุณชายหาสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ แต่สิ่งที่คุณชายให้ความสำคัญและความสนใจคือการเขียนภาพและแต่งโครงกลอนรวมถึงเรื่องดนตรีขอรับ หากเป็นเรื่องพวกนี้แล้วคุณชายคือผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง..." ฮุ่ยจือยกยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ เพราะคุณชายของเขามีพรสวรรค์ด้านการเขียนภาพ แต่งโครงกลอนและเล่นดนตรีนั่นเอง
" อะ..อื้ม " ดนุสรณ์พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ
' คุณชายหมิงเซียน สิ่งที่ทำอยู่คือความสุขและวิถีชีวิตที่เลือกแล้วสินะ แต่ต่อไปนี้ผมขอเลือกในสิ่งที่ผมต้องการก็แล้วกันในเมื่อคุณฝากฝังให้ผมดูแลร่างกายนี้ ผมจะทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน..' ดนุสรณ์คิดภายในใจ เพราะเขาต้องใช้ชีวิตเป็นคุณชายหมิงเซียนในโลกใบนี้ แต่เขาจะเลือกในสิ่งที่ตนเองชื่นชอบและสนใจเท่านั้น.......