“นะ หนูชอบพี่”
“หือ?” พูดออกไปแล้ว ใช่ ฉันพูดออกไปแล้ว แต่ไม่ใช่ข้ออ้างหรืออะไรนะ แต่มันคือความจริงต่างหาก ความจริงที่ออกมาจากหัวใจของฉัน ถ้าเกิดไม่พูดออกไปแบบนี้ ฉันจะทำยังไงล่ะ? ถ้าบอกความจริงออกไป เขาจะจำฉันได้เหรอ? ไม่มีทางหรอก แน่นอนว่าเขาอาจจะคิดว่าฉันบ้าก็ได้ เพราะงั้นบอกไปแบบนี้ล่ะดีแล้ว มันคือความจริง ฉันไม่กลัวหรอก
“หนูชอบพี่ ก็เลยตามพี่ ก็แค่นั้น” ดูเหมือนว่าพี่ฟีนิกซ์จะนิ่งไปพักหนึ่ง จนฉันรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ยังไงไม่รู้กับสายตาและท่าทางของเขา พี่ฟีนิกซ์มองใบหน้าของฉัน เลื่อนสายตาต่ำมาที่หน้าอกของฉันที่สวมแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวบางๆ ถึงแม้ว่าจะรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีนมเหมือนผู้หญิงที่เขาควงเมื่อคืน แต่ยังไงมันก็คือของสงวนของผู้หญิงที่ฉันต้องปกป้อง ฉันยกมือปิดทรวงอกอันน้อยนิดของตัวเอง กระทั่งพี่ฟีนิกซ์ขำออกมา
“พี่ขำอะไร?”
“ชอบงั้นเหรอ... แค่ชอบเหรอ ไม่มั้ง เพราะถ้าแค่ชอบ ทำไมจะต้องตามฉันนานถึงสามเดือนด้วย ไม่เข้าใจว่ะ”
“ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ รู้แค่ว่าหนูชอบพี่แค่นั้นพอ”
“เฮ้ พูดจริง” ฉันไม่ตอบอะไร และถึงแม้ใบหน้าของพี่ฟีนิกซ์จะทำให้ฉันใจเต้นก็ตามที แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้อ่อนไหวขนาดนั้นหรอกนะ ฉันเข้มแข็งมาได้ขนาดนี้ กับอีแค่ผู้ชายหล่อๆ คนหนึ่งที่โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจเรารดกันไปมา กับท่าทางที่แสนจะเจ้าเล่ห์ของเขาก็ไม่ได้ทำให้ฉันกลัวหรอกนะ ใช่ ไม่กลัวหรอก แต่ทำไม... ร่างกายถึงได้ชาไปหมดทั้งตัวแบบนี้ล่ะ
“ตามแบบมีเงื่อนงำ แบบนี้คงต้องจับทำเมีย” พี่ฟีนิกซ์แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตัวเอง แต่เป็นฉันมากกว่าที่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจกับสิ่งที่พี่เขาพูด สายตาคมสีดำสนิทกวาดสายตามองใบหน้าของฉัน จนริมฝีปากของฉันกัดกันแน่น ถ้ามันทำให้ฉันอยู่ใกล้ชิดกับเขา ฉันก็ทำได้นะในสิ่งที่เขาพูด ริมฝีปากของฉันที่กัดกันแน่นก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างส่งให้เขา
“ก็ตามเพราะอยากให้รู้ แต่ถ้าอยากจับหนูทำเมียก็ยอมนะ” ฉันมองพี่ฟีนิกซ์ที่จ้องใบหน้าของฉันอย่างตกใจนิดหน่อย แต่ก็แปรเปลี่ยนความตกใจเป็นรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ นานแค่ไหนกันที่เราสองคนอยู่กันแบบนี้ โดยไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปมา พี่ฟีนิกซ์เอียงใบหน้ามองฉัน เลื่อนมือที่ยันผนังกำแพงไว้มาแตะที่ไหล่ฉันเบาๆ จนฉันสะดุ้ง
“ในเมื่อเธอกล้าที่จะให้ฉัน ‘จับทำเมีย’ งั้นก็มาเป็นแฟนกันก่อน ตกลงไหม?”
แต่คำพูดสุดท้ายของเขา ทำให้ฉันสะดุ้งยิ่งกว่านะ พี่ฟีนิกซ์กำลังขอฉันเป็นแฟนงั้นเหรอ? ไม่จริงอะ ฉันหูฝาดไปใช่ไหม พี่ฟีนิกซ์กำลังขอฉันเป็นแฟน ใบหน้าของฉันตกใจอีกครั้งที่ฝ่ามือเย็นๆ ทาบมาที่แก้มซ้าย
“อึ้งหรือไง? ความจริงเธอก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนะ ว่าไง ถ้าชอบฉันก็มาเป็นแฟนกัน”
“แล้วผู้หญิงคนเมื่อคืนของพี่ล่ะ?”
“นั่นแค่ของนอกกาย แต่สำหรับเธอมันมากกว่านั้น... เธอคือผู้หญิงคนเดียวในรอบหลายเดือนเลยนะ ที่ฉันขอเป็นแฟน กล้าปฏิเสธฉันหรือไง?” ใบหน้าของพี่ฟีนิกซ์เริ่มออกอาการหงุดหงิด และพ่นลมออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ฉันมองเขาที่ผละจากฉันไปยืนพิงกำแพง และหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาเคาะๆ บุหรี่ออกมาหนึ่งม้วนจุดไฟแช็ก ริมฝีปากคล้ำไม่มากของเขาก็พ่นควันออกมา เหตุเพราะอาจจะสูบบุหรี่มากเกินไป
“ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ แต่หนูแค่ไม่มั่นใจ ว่าคนหล่อๆ อย่างพี่จะมาขอหนูเป็นแฟน”
“ไม่มั่นใจ? งั้นเดี๋ยวทำให้มั่นใจเอง”
“หือ พี่จะทำอะไร...” ฉันเงยหน้าสบตากับร่างหนาที่เดินตรงมาหาฉันอีกครั้ง ริมฝีปากของพี่ฟีนิกซ์ยกยิ้ม นิ้วมือด้านซ้ายที่คีบบุหรี่ก็ยันกำแพงไว้ มืออีกข้างก็เลื่อนมาคว้าท้ายทอยฉัน จนฉันตกใจกับการกระทำของเขา
“อ้าปากสิ”
“ทำไม?”
“เออ อ้าดิ ฉันว่าปากเธอมันต้องการลิ้นฉันว่ะ” พี่ฟีนิกซ์ยกยิ้มก่อนจะโน้มใบหน้ามาตอนที่ฉันกำลังอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับคำพูดของเขา และแน่นอนว่าหลังจากนี้ฉันคงมีความสุขจริงๆ ที่ริมฝีปากของพี่ฟีนิกซ์ประกบจูบฉันในตอนนี้ ริมฝีปากร้อนๆ ของเขากำลังบดจูบฉันอย่างมัวเมา ที่สำคัญที่เขาบอกว่าปากฉันต้องการลิ้นของเขา เขาก็ทำให้ฉันได้ ตอนนี้ฉันรับรู้ถึงลิ้นร้อนของพี่ฟีนิกซ์ที่ดูดดึงลิ้นของฉันอยู่ รสขมของบุหรี่ทำให้ฉันถึงกับไปไม่เป็นเลยสักนิด ขาแข้งอ่อนแรงลง จนยืนแทบไม่ได้ แต่เพราะมือหนาของพี่เขาช้อนเอวฉันไว้ ทั้งที่ริมฝีปากยังคงนัวเนียอยู่ในโพรงปากของฉัน
“อืม...”
น้ำเสียงที่ครางออกมา ทำให้ฉันถึงกับใจเต้นรัว รสจูบของเขามันช่างร้อนแรงและหวานจนร่างกายตอบสนองเขาด้วยการยกมือโอบกอดคอเขาแน่น นิ้วมือของฉันจิกลงไปที่เส้นผมนุ่ม กระทั่งพี่ฟีนิกซ์จูบจนพอใจก็ผละริมฝีปากออก ปล่อยให้ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มสูบ
“หึ เธอเองก็น่ารักดีนะ ว่าแต่เธอชื่ออะไร?”
“แฮ่ก นะ เนปจูน”
“เนปจูน โอเค ฉันชื่อฟีนิกซ์ จากนี้ไปจำชื่อผัวตัวเองให้ดีล่ะ... ยัยเตี้ย”