ความเจ็บปวดในอดีต

1419 Words
ย้อนกลับไปเมื่อสิบหกปีก่อน ในตอนนั้นฉันพึ่งจะอายุสามขวบ อาศัยอยู่กับพ่อแค่สองคนเพราะแม่ท่านตกเลือดจนเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่คลอดฉันออกมา พ่อก็เลยต้องรับหน้าที่เป็นคนเลี้ยงฉันมาด้วยตัวคนเดียวมาตั้งแต่นั้น หรือจะเรียกขานกันง่ายๆ ว่าพ่อเลี้ยงเดี่ยวนั่นแหละ ทุกสิ่งอย่างก็เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี พ่อ... ดูแลฉันดีมาก มากเท่าที่ลูกผู้ชายคนนึงจะทำได้ ฉัน...ได้มีทุกอย่างตามที่ใจฉันของปรารถนา ไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะถูกหรือมีราคาแพงสักแค่ไหนแต่หากสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการแล้วนั้น พ่อ...ก็จะดิ้นรนสรรหามาให้ฉันจนได้เสมอ แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในวันที่ฉันอายุครบสี่ขวบ เย็นวันนั้น... ฉันรอคอยพ่อด้วยความหวังที่ว่าในวันนี้พ่อจะกลับบ้านมาหาฉันพร้อมด้วยเค้กก้อนโตสำหรับวันครบรอบสี่ขวบของฉัน อย่างที่พ่อได้ให้คำสัญญาเอาไว้กับฉันในเมื่อวาน 'พ่อมาแล้ว' เชื่อไหมว่าฉันยังคงจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดีเสมอ 'นี่น้ายินดี เขาจะเข้ามาเป็นแม่ของแก' 'พ่อจ๊ะ เค้กวันเกิดของน้ำหวานละจ๊ะ' ด้วยเพราะความยังเป็นเด็กน้อยในตอนนั้นฉันเลยกล่าวทวงสัญญาที่พ่อได้ให้ไว้เมื่อวานในทันที 'น้ายินดีเขาก็เกิดวันนี้เหมือนกัน พ่อให้เค้กน้าเขาไปแล้ว' 'แต่พ่อจ๊ะ นั่นมันเค้กของน้ำหวานนะจ๊ะ' เด็กน้อยวัยสี่ขวบยังคงยืนทำตาใสซื่อด้วยความไร้เดียงสา 'ลูกพี่คงไม่อยากได้น้องเป็นแม่ งั้นน้องก็จะขอไปเองค่ะ' ฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ออกมาและฉันก็ไม่เข้าใจว่าเธอจะร้องไห้ไปทำไมก็ในเมื่อเธอเป็นคนแย่งเค้กของฉันไป 'วะ น้ำหวาน พ่อบอกว่าพ่อให้เค้กกับน้าเขาไปแล้วไง แกก็ได้มาทุกปี ให้น้าเขาบ้างสักปีมันไม่เป็นอะไรหรอกวะ' พ่อตวาดลั่นจนฉันตกใจจนตัวสั่น เพราะพ่อไม่เคยที่จะเป็นแบบนี้มาก่อน หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาพ่อของก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป อะไรที่อยากได้...ถ้าฉันเอ่ยขอ พ่อก็ต้องถามความคิดเห็นมาจากยินดีก่อน และแน่นอนว่าถ้าหากยินดีไม่เห็นด้วยก็เท่ากับว่าอด พ่อกับยินดีชอบเข้าบ่อนเล่นการพนัต ซึ่งฉันในตอนนั้นเข้าใจว่าสถานที่แห่งนั้นมันคือที่ทำงาน ในบางวันพ่อคงจะเครียดกับงานพ่อเลยมาลงไม้ลงมือกับฉัน อยู่ๆ ไปก็มีอยู่ครั้งนึงที่พ่อต้องหลบซ่อนตัวจากพวกผู้ชายตัวใหญ่ (ฉันพึ่งมารู้ทีหลังว่าคนพวกนั้นคือเจ้าหนี้) และทิ้งให้ฉันได้อาศัยอยู่กับยินดีเพียงลำพัง ฉันจำได้ว่าในตอนนั้นยินดีได้พาผู้ชายคนนึงเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ของพ่อ พร้อมเด็กผู้หญิงอีกสองคน หลังจากวันนั้นชีวิตฉันมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้บ้าน ฉัน...ต้องทานข้าวที่เหลือจากเด็กหญิงสองคนนั้นเสมอ ฉันต้องรับหน้าที่เป็นคนล้างจานและเช็ดเท้าเด็กหญิงทั้งสองคนนั้นให้สะอาดอยู่เสมอ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้จำได้ขึ้นใจก็คือ ฉัน... ต้องถือขันสีเงินไปเดินเร่ขอเศษเงินของเพื่อนบ้านระแวกเดียวกัน วันไหนทีมีคนเมตตาฉันก็โชคดีไป แต่ถ้าหากวันไหนไม่ได้อะไรกลับมา ฉันก็ต้องอดข้าวไปตามระเบียบ... ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ในที่สุดพ่อของฉันก็กลับมา และสิ่บที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจก็คือผู้ชายและเด็กหญิงสองคนนั้นกลับหายตัวไป ราวกับว่าไม่เคยมีใครอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กนี้มาก่อนนอกไปเสียจากฉันกับยินดี ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก ฉันก็เลยบอกกล่าวให้พ่อได้รับรู้ใตทันทีว่าก่อนหน้านี้ได้มีคนแปลกหน้าสามคนเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ของเราในตอนที่พ่อไม่อยู่ แต่น่าเสียดายที่พ่อหาสนใจที่จะฟังในคำพูดของฉันไม่ และสิ่งที่พ่อเลือกที่จะทำเป็นสิ่งแรกก็คือตรงเข้าไปกอดผู้หญิงคนนั้นและกล่าวขอบคุณที่เธอช่วยดูแลฉันเป็นอย่างดีในตอนที่พ่อไม่อยู่ หลังจากนั้นพ่อก็เข้าบ่อนการพนันตามที่ยินดีสรรหามาให้แทบจะทุกวัน และทุกครั้งหลังจากที่พ่อออกไปจากบ้าน ผู้ชายคนนั้นกับเด็กผู้หญิงทั้งสองก็จะเข้ามาอยู่ในบ้านแทน เพราะแต่ละครั้งที่เข้าไปในบ่อนการพนัน พ่อฉันมักจะไปกินนอนอยู่ในนั้นเป็นเวลาหลายวันติดๆ กัน ยินดีเองก็ยังคงมีผู้ชายคนนั้นเข้ามาวนเวียนในวงจรชีวิตในตอนที่พ่อไม่อยู่เป็นเนืองๆ และเมื่อถึงวันที่ฉันโตขึ้นมาและเริ่มที่จะรับรู้ว่าสิ่งไหนเป็นยังไงได้มากขึ้น ยินดีก็เลยเลือกที่จะออกไปหาผู้ชายคนนั้นด้วยตัวเอง และปล่อยฉันให้อยู่บ้านเพียงลำพัง ในวันที่ฉันอายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์ ยินดีก็ยุแยงพ่อว่าเด็กผู้หญิงหน้าตาอย่างฉันนั้นสามารถที่จะหลอกเอาเงินผู้ชายมาใช้สอยได้อย่างสบายๆ และเป็นเพราะฉันเองที่กลัวว่าพ่อกับยินดีจะทำร้ายร่างกายก็เลยจำต้องปฏิบัติในสิ่งที่ทั้งสองคนออกคำสั่งทุกสิ่งอย่าง นับตั้งแต่ขอรับบริจาคจนกระทั่งเป็นสาวเชียร์เบียร์อย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ ในที่สุดระหว่างฉันกับพ่อก็เดินทางมาถึงเกิดจุดแตกหัก จุดที่ทำให้ฉันมีความกล้ามากพอที่ต่อต้านพ่อกับยินดี โดยเรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากในวันที่ฉันอายุครบสิบแปดปีและพึ่งเรียนจบในระดับชั้นมัธยมปลายไปประมาณสองสัปดาห์ ยินดี...ได้ร้องบอกกับพ่อของฉันว่า เงินสดจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนบาทที่พ่อกับยินดีไปกู้ยืมมาเมื่อช่วงปลายปีก่อน ได้มีคนของเจ้าหนี้ที่ชื่อเฮียโป่งนั้นกำลังจะติดตามมาทวงเงินของคนเป็นนายคืน ก่อนยินดีจะนำเสนอแผนการณ์อันแยบยลของตัวเองให้พ่อได้ฟังว่า ส่งตัวฉันให้ไปแต่งงานกับเฮียโป่งเพื่อล้างหนี้จำนวนนั้นซะก็สิ้นเรื่อง และคำพูดนั้นของยินดีมันก็ทำให้พ่อของฉันเกิดความคิดที่วาาถ้าหากส่งตัวลูกสาวอย่างฉันไปเป็นเมียน้อยของเฮียโป่งแล้วนั้น ทั้งยินดีกับพ่อก็จะสุขสบายอยู่บนกองเงินกองทองไปทั้งชาติ ก็อย่างที่ทุกคนรู้... ฉันพยายามที่จะต่อต้านคำขอบ้าบอนั่นทุกวิถีทาง จนกระทั่งโลกใบนี้โคจรให้ฉันมาเจอกับจ้าวโฮป คนที่ช่วยให้ฉันหลุดพ้นจากการตกไปเป็นบ้านหลังน้อยขอฃเฮียโป่ง เพราะเขาไปเป่ากบาลเฮียโป่งจนถึงแก่ความตาย นับจากวันนั้นที่พ่อของฉันโดนจ้าวเอาปืนจ่อเข้าที่หัว ฉันก็ไม่เคยคิดที่เหยียบเท้าก้าวมาที่บ้านอีกเลย จนมาถึงวันนี้ที่ได้มาเห็นสภาพที่แทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิมของพ่อนี่แหละ จริงๆ แล้วมันก็มีทั้งเรื่องน่ายินดีและเสียใจในเวลาเดียวกัน เรื่องที่น่ายินดีที่ว่านั้นก็คือพ่อของฉันได้รับรู้แล้วว่า แท้จริงแล้วยินดีนั้นมีสามีและลูกของเธออยู่ก่อนแล้ว ส่วนในเรื่องที่ทำให้เรารู้สึดเสียใจเสียใจก็คงไม่พ้นที่จะเป็นเรื่องที่บ้านของพวกเรากำลังจะโดนยึด... คิดไม่ออกจริงๆ ว่าต่อจากนี้ไปฉันกับพ่อจะต้องเอายังไงกับชีวิตที่ยังคงเหลืออยู่ดี... กว่าจะสำนึกก็ตอนโดนเมียที่รักหนักหนาทิ้งไปหาผัวเก่าสินะปรีชา ยินดีต้อนรับเข้าสู่ความขมในเลเวลเริ่มต้น ไปจ้า ขมกว่านี้ก็ยังมีอีก #เซฟน้ำหวานผู้น่าสงสาร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD