ติ๊ง!
(อย่าสำคัญตัวเองว่าเป็นที่หนึ่ง)
"ใครวะแม่งส่งข้อความแปลกๆ มาหากูอีกละ" ฉันขมุบขมิบปากอย่างจงใจสาปแช่งมนุษย์จำพวกหนึ่งที่ลงทุนสร้างแอคเคานต์ปลอมเพื่อที่จะได้ส่งข้อความมาก่อกวนฉันมันอยู่ได้แทบจะทุกวัน
"จ้าว..." แต่พอได้เปิดเข้าอ่านเนื้อความข้างในข้อความจากบุคคลปริศนานั่นอีกครั้ง ก็ทำให้ก้อนเนื้อข้างซ้ายที่เรียกกันว่าหัวใจของฉันกระตุกวูบอย่างไม่รู้เลยว่าจะตั้งรับกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญนี้ได้ยังไง
"ทำไม...ทำไมถึงทำกับเมียขาแบบนี้ ฮึก..." ฉันถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างสั่งห้ามตัวเองไม่ได้เมื่อได้เห็นภาพถ่ายของจ้าวที่กำลังเดินกอดคอผู้หญิงหน้าตาดีคนนึงออกมาจากคอนโดของเขาที่เราเคยสัญญาว่าจะย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกัน...
ใจนึงมันก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่อีกใจมันก็ตอกย้ำว่าตาของฉันมันไม่ได้บอด และสิ่งที่ฉันกำลังเห็นนี่แหละมันคือความจริงที่สุดแล้ว...
มหาวิทยาลัยมหานครคนอัจฉริยะ
"แต่กูว่ารูปนี้มันดูแปลกๆ อยู่นา" ฟ้าใสกัดนิ้วชี้ตัวเองเบาๆ ในตอนนี้พวกเราห้าคนกำลัง ช่วยกันวิเคราะห์รูปนั้นที่มีใครบางคนส่งมาให้ฉันเมื่อก่อนหน้านี้
"กูว่ามันดูเหมือนจะเดินประคองซะมากกว่าเดินกอดกันว่ะ"
"กูเห็นด้วยกับมึงอีฟ้า" แนนซี่ที่มีความคิดความอ่านแบบเดียวกับฟ้าใสกล่าวเสริมขึ้นมาอีกเสียง "ที่แน่ไปกว่านั้นมันดูเหมือนการจัดฉากมากกว่านะกูว่า เหมือนในละครไง"
"นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่ละครนะ" ฉันทอดถอนใจเสียงดังด้วยรู้สึกเจ็บปวดใจที่ยากจะอธิบาย
"แต่เขาจะมีใครกี่คนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกจริงไหมละ ก็เขารวยออกขนาดนั้นหนิ"
"แต่กูว่าเขาดูไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะ นี่ไม่ได้เข้าข้างเด้อ กูก็แค่คิดว่าเขา...วางตัวดีอยู่" ซันนี่ปลอบใจฉันที่ในตอนนี้ยังคงร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วงไม่อายน้องหมา
"แต่กูคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ที่กูจะอยู่ต่อแล้วละ" ก็ภาพตรงหน้าที่ใครคนนั้นส่งมามันตำตาเอาซะขนาดนั้นนี่เนอะ... ใครมันจะไปอยากใช้สามีร่วมกันกับชาวบ้านกัน ไม่ใช่ฉันละคนหนึ่ง
"กูจะกลับไปอยู่กับพ่อ และจะชวนพ่อย้ายไปอยู่ที่อื่น เงินที่เขาให้กูก็จะไม่รับมันมาอีกแล้ว"
ฉันยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เสน่ห์มันยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา แต่คิดดูอีกทีก็อาจจะเป็นเพราะมันรู้จักฉันดีมากกว่าใครว่าฉันเป็นผู้หญิงจำพวกที่เชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็น
"เดี๋ยวกูช่วยหาเอง" เสน่ห์เสนอตัวเองขึ้นมาและสิ่งนั้นมันก็ทำให้เพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสี่ชีวิตอย่างพวกเราถึงกับขนลุกชันไปทั้งตัวอย่างช่วยไม่ได้ เพราะอะไรนะเหรอ... ก็เพราะมันมักจะมีความคิดความอ่านที่ไม่เคยจะเหมือนชาวบ้านปกติทั่วไปยังไงละ!
"ถ้ามึงหาที่อยู่เองเดี๋ยวเขาก็ตามเจอ"
เย็นวันเดียวกัน
"พ่อ!" ฉันที่กลับบ้านมาพร้อมเสน่ห์แล้วก็ต้องวิ่งตรงเข้าไปหาพ่อของตัวเองด้วยความตกใจในทันทีที่สังเกตเห็นว่ามีรอยฟกช้ำจากการถูกรุมทำร้ายไปทั่วทั้งตัว
"ทำไมพ่อถึงอยู่ในสภาพนี้ แล้วนี่ยินดีหายไปไหน"
ฉันหันซ้ายแลขวาเพื่อกวาดตามองหาแม่เลี้ยงร่างท้วมที่คุ้นเคย แต่ก็กลับไร้ซึ่งวี่แววของผู้หญิงร่างท้วมคนนั้น
"ยินดีไปแล้ว ยินดีไปกับผู้ชายคนใหม่ เพราะ... เพราะพ่อไม่มีอะไรจะให้เธอแล้ว และ... และบ้านหลังนี้ ฮึก... ของเราที่ยินดีเอาไปจำนองกับธนาคารไว้ก็กำลังจะโดนยึด ฮึก.."
ถ้าจะให้พูดตรงๆ... นี่ก็คงเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจจากใจจริงๆ ครั้งแรกของพ่อฉัน ฉันรู้พ่อรักยินดีมาก พ่อถึงได้ยอมเธอทุกอย่าง และมันก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อคนเรารักใครมากๆ เราก็จะทุ่มเทให้กับใครคนนั้นมาก และเมื่อรักมาก ทุ่มเทมาก เราก็จะยิ่งคาดหวังเอาไว้มาก แต่พอทุกสิ่งอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวัง เรา...ก็จะเจ็บ เจ็บมาก
เหมือนกับพ่อและฉันที่กำลังรู้สึกเจ็บอยู่ในตอนนี้... มันน่าแปลกเนอะที่เราสองคนพ่อลูกทะเลาะกันแทบตาย แต่สุดท้ายในวันที่ชีวิตย่ำแย่มากที่สุดก็มีแค่เราสองคนที่ยังคงยืนอยู่เคียงข้างกายกัน
พึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองรักพ่อมากแค่ไหนก็วันนี้นี่แหละ...
"หนูก็เคยบอกพ่อแล้วว่ายินดีเขามีผู้ชายอีกคน" ฉันตรงเข้าไปสวมกอดพ่อที่ยังคงหลุดสะอื้นออกมาเป็นพักๆ ด้วยความรู้สึกสงสาร
"พ่อ... พ่อขอโทษลูก"
นับตั้งแต่ฉันถือกำเนิดเกิดมาสิบเก้าปี ครั้งนี้นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่พูดคำๆ นี้กับฉัน
"พ่อขอโทษ ที่ดึงตัวผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิตของเรา ทั้งๆ... ทั้งๆ ทั้งที่ชีวิตของลูกก็มีแต่พ่อคนเดียว"
ชีวิตของนางเอกคนนี้ เหยินยอมรับเลยว่าทรหดมากที่สุดเท่าที่เหยินเคยเขียนมา จริงๆ แล้วน้ำหวานไม่ได้ยากจนข้นแค้นขนาดนั้นนะคะ แต่เพราะมันมีเหตุการณ์บางอย่างที่แทรกซึมเข้ามาจนเป็นเหตุให้น้ำหวานต้องใช้ชีวิตอยู่บนความยากลำบาก
ส่วนพระเอกอย่างไอ้จ้าว (ปู่ของนายอินทร์-บังอร) ก็นับได้ว่าเป็นพระเอกที่ชั่ว และโหดเหี้ยมอำมหิตกับทุกคนไม่เว้นแม้แต่เมียของตัวเอง 🤣