"พ่อคะเสร็จรึยัง" ฉันตะโกนถามพ่อที่วันนี้ดูเหมือนว่าใช้เวลาในการแต่งตัวนานเป็นพิเศษเนื่องในโอกาสที่จะไปเดินทางเยี่ยมเยียนเจ้าแฝดของเสน่ห์ที่พึ่งลืมตาดูโลกมาเมื่อประมาณสามชั่วโมงก่อนหน้านี้
เห็นเฮียอั๋นบอกว่านางคลอดธรรมชาติด้วยแหละค่ะทุกคน เก่งสุดอะไรสุดเพื่อนรักของน้องน้ำหวาน
"เออๆ เร่งจังวะ" พ่อบ่นขณะกำลังกำลังเอื้อมแขนไปปิดประตูรถ "ฉันก็ต้องแต่งตัวให้เนี๊ยบหน่อยสิวะ ทายาทท่านต่งซินเลยนะนั่นน้ำหวาน"
"อะไรของพ่อเนี้ย ฮ่าๆๆ" ฉันถึงกับหลุดขำออกมาอย่างยั้งปากของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ในทันทีที่หันไปเห็นว่าพ่อของตัวเองสวมชุดอะไรไปเยี่ยมเจ้าแฝดของเสน่ห์กับเฮียอั๋นเขา
"หัวเราะอะไรของแกวะน้ำหวาน" พ่อตีเลื่อนมือมาตีแขนฉันที่ถึงตอนนี้ก็ยังหัวเราะออกมาไม่หยุดหย่อน ไม่พอนะยังตีหน้ายักษ์ใส่ฉันอีกด้วยต่างหาก ฮ่าๆๆ
"ก็...พ่อ ก็พ่อจะใส่ชุดสูทผูกไทก์ไปทำไมกันเล่า! โอ๊ย! พ่อนะพ่อหาเรื่องให้หนูท้องแข็งตายตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสว่าง ฮ่าๆๆ"
ทุกคนคิดตามฉันนะ ตอนนี้...พ่อฉันท่านสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสุภาพทับสูทด้วยสูทตัวหรู แล้วยังไม่รวมกางเกงที่รีดเรียบซะจนกลีบแทบจะบาดตาคนมองกกับรองเท้าหนังปลายงอนๆ ที่ผ่านการขัดมาจนเงาวับนั่นอีกนะ ผมเผ้าที่ปกติไม่เคยจะใส่ใจแต่วันนี้กลับลงเจลแล้วหวีมาอย่างเนี๊ยบทุกกระเบียดนิ้วไปอีก ให้ตาย! เอากับเขาเถอะ ฮ่าๆๆ
"แกกับฉันเรากำลัฃจะไปเยี่ยมหลานขิงท่านเจ้าสัวต่งซินแห่งเมืองนครศรีธรรมราชเลยนะเว้ยน้ำหวาน!"
เพี๊ยะ!
"โอ๊ย! เจ็บนะพ่อตีมาได้ ก็ได้ๆ...ไม่ขำแล้วก็ได้อะ" ฉันเลือกที่จะหยุดขำให้พ่อได้ยินและเปลี่ยนไปขำพ่ออยู่ข้างในใจแทน ฮ่าๆๆ
โรงพยาบาลมหานครอินเตอร์
พรวด!
"แค่กๆๆ" คิดเอาแล้วกันว่าขนาดเฮียอั๋นก็ยังถึงขั้นสำลักกาแฟที่กำลังกินในจังหวะที่ได้เห็นชุดที่พ่อฉันใส่มาเลยอะทุกคน ฮ่าๆๆ
"ขอบคุณคุณพ่อนะครับที่อุตส่าห์มาเยี่ยมลูกชายและลูกสาวของผม" เฮียอั๋นที่ในตอนนี้เสื้อเปื้อนกาแฟไปหมดยกมือไหว้คุณพ่อของฉัน ก่อนจะหันมาขยิบตากับฉันที่ยืนอยู่ข้างๆ คุณพ่ออย่างรู้กัน
"แฝดชายหญิงเลยรึเจ้าสัว ดีจริงเชียว" พ่อของฉันตบมือเบาๆ อย่างยินดีกับเฮียอั๋น ใช่สิ! ฉันลืมบอกไปเลยว่าในตอนนี้เฮียอั๋นเขาขึ้นแท่นมาเป็นเจ้าสัวแดนนครศรีธรรมราชบ้านเราแทนป๊าของเขาแล้วนะ พ่อของฉันก็เลยแทนตัวเฮียอั๋นว่าเจ้าสัวอย่างที่ทุกคนเห็นนะแหละค่ะ
"คลอดยากไหมละลูกเสน่ห์" ก่อนพ่อฉันจะหันไปถามเสน่ห์ด้วยท่าทีเป็นห่วง ฉันไม่ต้องบอกทุกคนก็รู้ใช่ไหมว่าพ่อของฉันน่ะรักนางมากแค่ไหน เพราะนางคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชีวิตของฉันกับพ่อเดินทางมาจนถึงจุดนี้ได้นั่นเองค่ะ
"ขอผมตอบแทนละกันครับคุณพ่อ รายนี้เขาแทบไปต้องออกแรงเบ่งเลยละครับ ไหลออกมาคารถกันเลยทีเดียวเชียวละ" เฮียอั๋นยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นฟันขาวๆ ครบทั้งสามสิบสองซี่
"ไปทานกาแฟกันหน่อยไหมครับคุณพ่อ ส่วนทางนี้ก็ปล่อยให้สาวๆ เขาได้คุยกันไปตามประสาผู้หญิง" ก่อนเฮียอั๋นจะผายมือให้พ่อฉันเดินตามออกไป
"ฮ่าๆๆ" เสน่ห์เองก็คงจะพยายามกลั้นหัวเราะมานานพอสมควรแล้วแหละค่ะทุกคน ฉันดูออก ฮ่าๆๆ
"เรื่องมันมีอยู่ว่าพ่อกูเขาอยากจะแต่งตัวให้สมกับมาเยี่ยมหลานท่านต่งซินน่ะ" ฉันว่าก่อนจะระบายยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อนึกไปถึงชุดที่พ่อเลือกที่จะสวมใส่มาวันนี้
"พ่อมึงเล่นจัดมาเต็มเหนี่ยวขนาดนี้ ผัวกูที่ใส่เสื้อยืดเกงยีนส์คงอายไปเลยว่ะอีช้าง ฮ่าๆๆ"
"หัวเราะอะไรกันค้า~" เสียงหวีดแหลมนางของแม่นางอีกสามคนที่พึ่งมาถึงดังขึ้นจนสนั่นไปทั้งห้องพักพิเศษหลังคลอดกันเลยทีเดียวเชียว
"มาดูนี่" เสน่ห์ยื่นมือถือที่คาดว่าคงจะแอบถ่ายรูปพ่อฉันไว้ให้พวกนางได้ดูด้วยกัน และไม่ต้องสืบนะว่านางทั้งสามนั้นจะหลุดหัวเราะออกมาเหมือนฉัน เฮียอั๋นและเสน่ห์เมื่อก่อนหน้านี้ไหม
"ฮ่าๆๆ"
นั่น คิดเอาเถอะว่ามันมาถึงขั้นที่ทุกคนในที่นี้พากันขำจนแทบจะลงไปนอนกลิ้งบนพื้นห้องพักพิเศษหลังคลอดอะคิดดู ฮ่าๆๆ
พรพฤกษา เฮ้าส์
"น้ำหวาน..." พ่อร้องเรียกฉันเสียงเข้มขณะที่เรากำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นด้วยกันอยู่ในห้องทานอาหาร
"คะพ่อ?" ฉันเงยหน้ามองคุณพ่อพร้อมกับเลิกคิ้วเชิงคำถาม
"คือ...คือ...พ่ออยากมีหลานน่ะน้ำหวาน"
"แต่หนูยังไม่อยากแต่งงานเลยนะคะพ่อ" เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะพร้อมในตอนไหน ฉันก็เลยเลือกที่จะปฏิเสธคำขอของพ่อไปเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
"เพราะพ่อใช่ไหมน้ำหวาน เพราะพ่อ...เลยทำให้ลูกไม่อยากแต่งงานมีครอบครัว อย่างใช่ไหมลูก..."
"พ่อคะ" ฉันเรียกพ่อเสียงเบาอย่างไม่อยากได้ยินพ่อกล่าวโทษตัวเอง ถึงแม้สิ่งที่พ่อพึ่งจะพูดออกมานั้นล้วนแต่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงทั้งหมดของฉันก็ตาม
"น้ำหวานยอมรับเลยค่ะว่ามันมีส่วน" แต่สุดท้ายฉันก็เลือกที่ใช้โอกาสนี้ในการเปิดอกคุยกับพ่อแบบตรงๆ
"พ่อคงเลวมากสินะน้ำหวาน..." หยดน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดของผู้เป็นพ่อค่อยๆ หยดลงไปในจานข้าวที่พึ่งมีร่องรอยการตักออกไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"พ่อคะ..."
"เขาไม่เหมือนพ่อลูก ฮึก.." นายปรีชาพยายามข่มเสียงสะอื้นไม่ให้มันเล็ดลอดออกมาจนลูกสาวได้ยิน
"เชื่อพ่อเถอะว่าเขาเป็นคนดี การที่เขาทำจะกับพ่อแบบนั้นมันก็เป็นสิ่งที่พ่อเลวๆ สมควรที่จะได้รับลูก ฮึก..พ่อขอโทษที่สร้างรอยแผลในจิตใจลูกไว้จนมันใหญ่ถึงขนาดที่ว่าลูกไม่กล้าจะเปิดรับใครเข้ามาในชีวิต"
นายปรีชาไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่า ลูกสาวเขาต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่ตัวเองเคยกระทำต่อเธอเมื่อครั้งในอดีตมากมายแค่ไหน และกว่าเขาจะรู้สึกตัว ความเจ็บปวดที่ลูกสาวได้รับมาหลายปี...ก็ได้กลับกลายมาเป็นแผลใหญ่ในใจที่ไม่มีวันที่จะรักษาหายได้อีกต่อไปแล้ว
ไม่มีทางที่จะรักษาหายอีกแล้ว...
"พ่อคะ" น้ำหวานถลาเข้าไปกอดพ่อตัวเองเอาไว้แน่น แม้ใจหนึ่งเธอจะรู้สึกเสียใจที่ไปกล่าวซ้ำเติมความผิดพลาดของผู้เป็นพ่อเมื่อในอดีต แต่อีกใจหนึ่งหญิงสาวก็กลับรู้สึกดีใจที่พ่อเธอนั้นไม่ได้ถือโทษโกรธเธอและยังยอมที่จะเอ่ยคำขอโทษต่อความผิดพลาดของตัวเองออกมาอย่างไร้ซึ่งข้อกังขาใดๆ เสียอีกด้วย...
น้องน่าสงสารนะ แต่ขออภัยจริงๆ ที่ความน่าสงสารของน้องยังไม่จบลงแค่ตรงนี้...