ห้าง BBS (Best By Shaun)
หลังจากที่เถียงกันกับพ่อด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องจนพอใจแล้ว ฉันก็ขออนุญาติท่านออกมาเที่ยวห้างเบสท์บายฌอนเพราะรู้สึกอยากจะกินไอศกรีมขึ้นมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่ทุกครั้งเวลาที่เป็นประจำเดือนแล้วฉันจะต้องรู้สึกอย่างกินของเย็นๆ หวานๆ อย่างเช่นน้ำหวานหรือไอศกรีมทุกครั้งเลย
"ไฮ~ อีดอกทอง"
และฉันก็ไม่ลืมที่จะโทรไปนัดแนะกับเพื่อนสาวร่วมสาบานทั้งสี่คนให้มาเจอกันที่ไอศกรีม หลังจากที่ไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากันมามาหนึ่งปีเต็มๆ เพราะฉันย้ายเข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยซีเซอร์เนียร์นั่นเอง
"อีเหน่! มึงเที่ยวไปทักเมียขาของมาเฟียแบบนั้นระวังผัวขาของมันจะมาเป่าหัวเอานะเว้ย!"
อีฟ้าหมากระเป๋าประจำกลุ่มทำเป็นทักท้วงอีเสน่ห์ที่เอ่ยทักฉันด้วยประโยคเดิมๆ ก่อนที่ฉันจะเห็นว่ามันกำลังแกล้งว่ายกมือขึ้นปิดปากอย่างห้ามปรามอีเสน่ห์มัน
"พวกมึงรู้ได้ไงอะ" ละให้ตายเถอะ! นี่คือแบบว่า...ฉันจะมีความลับอะไรกับพวกมันไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย!
"พิซี่มันก็เป็นเพื่อนกูเหมือนกันน๊าเมียขา~" เสน่ห์ลากเสียงยาวอย่างจงใจล้อเลียนฉัน และถ้าหากจะให้สังเกตถึงชื่อบุคคลที่สามในประโยกนั้นของมันแล้วนั้นก็คงจะไม่พ้นอีพิซี่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นสินะถึงทำให้อีเหน่มันล่วงรู้ความลับในข้อนี้ของฉันได้
"มีเมียขาแล้วต้องมีอะไรนะอีซัน" เสน่ห์มันว่าก่อนจะแกล้งเอียงหูไปหาอีซันนี่ที่พร้อมสำหรับการตบมุกนี้ของอีเหน่เป็นที่สุด!
หมั่นไส้โว้ย!
"ผัวขา~" อีซันกับอีแนนตบมุกของอีเหน่ด้วยน้ำเสียงยานคางอย่างล้อเลียนฉันพร้อมๆ กันจนฉันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะยื่นมือไปตบหัวเล็กๆ ของคนที่เริ่มชงมุก
"รำคาญฉิบหาย!" ก่อนฉันจะปัดมือใส่พวกมันเพื่อแก้เขิน
"อีหวาน กูมีเรื่องสำคัญจะต้องบอกมึง" เสน่ห์มีท่าทีที่ดูจริงจังขึ้นกว่าเมื่อก่อนหน้าจนทั้งโต๊ะที่เคยเฮฮาต่างก็พากันเงียบสนิทเพื่อรอฟังเรื่องสำคัญนั้นที่เสน่ห์กำลังจะบอก
"ว่าอีเหน่ ละทำไมมึงต้องซีเรียสขนาดนั้นด้วยวะ" ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบจนได้ยินแค่เสียงลมหายใจของพวกเราทั้งห้าคน ถ้าจะบอกว่าเวลาที่เสน่ห์จริงจังมักจะมีเรื่องเหี้ยๆ เกิดขึ้นเสมอทุกคนจะเชื่อฉันหรือเปล่า
"มึงจำตอนที่มึงบอกพวกกูว่ามึงยิงคนของเสี่ยอรุณชัยได้ใช่ป่ะ" เสน่ห์พูดเสียงเบาจนฉันกับอีซันที่หูไม่ค่อยดีถึงกับต้องยกนิ้วก้อยขึ้นมาแคะขี้หูรอฟัง
"คือ...จริงๆ แล้วกูก็สงสัยว่าเสี่ยคนนั้นแกเป็นใครกันแน่ กูก็เลยลองถามจากมาร์คัสดู ผลที่ได้คือเสี่ยแกทำธุรกิจเดียวกับผัวมึงหรือก็คือโรงเบียร์นั่นแหละ เท่าที่กูรู้มาก็คือในตอนนี้โรงเบียร์เสี่ยอรุณชัยต้องตกอยูในสภาวะล้มละลายเพราะโรงเบียร์บันนี่บันที่พึ่งออกตัวมาใหม่ๆ แทรกตลาดการค้าขึ้นมา"
"..."
"ทีนี้ก็อย่างที่มึงรู้ว่าเสี่ยเขาแม่งตั้งใจที่จะส่งคนมาปลิดชีวิตผัวมึงให้ตายๆไปซะตั้งแต่วันก่อนใช่ไหมละ? และสิ่งที่กูต้องการจะบอกตอนนี้ก็คือกูคิดว่าเรื่องมันคงไม่จบแค่ในวันนั้นที่จังหวัดภูเก็ตแน่ ไอ้เสี่ยนั่นมันต้องคิดจะทำอะไรมากกว่านั้นแน่นอน และสิ่งที่ทำให้กูมั่นใจว่าจะเป็นแบบนั้นมันก็เพราะมันมีไอ้ผู้ชายท่าทางแปลกๆ สองคนตรงนั้นที่มันนั่งมองมาที่โต๊ะเราอยู่นานแล้ว!"
จบประโยคของเสน่ห์พวกเราทุกคนก็ผลัดกันเหลือบตาไปมองยังโต๊ะริมขวาสุด ก่อนจะได้เห็นว่าผู้ชายสองคนกำลังนั่งมองมาที่โต๊ะที่พวกเราห้าคนกำลังนั่งอยู่จริงๆ
"มึงแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ใช่คนของผัวมึง" เสน่ห์ร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรนจนพวกเราอีกสี่คนเริ่มที่จะนั่งม่ติดอยู่กับเก้าอี้เพราะความหวาดระแวง
"กูคิดว่าไม่ใช่นะ เพราะ...คนของจ้าวเขาจะใส่ชุดฟอร์มสีน้ำเงินแถบขาวทั้งหมดทุกคน" แม้จะยังรู้สึกหวาดหวั่นแต่ฉันก็ยังตอบคำถามเสน่ห์ได้ด้วยความมั่นใจเพราะเรื่องชุดฟอร์มนี่จ้าวเป็นคนบอกฉันมาเอง
"เอาไง ออกไปตอนนี้ก็คงยาก พวกนั้นนั่งชิดประตูทางเข้าเลย" แนนซี่ถามด้วยท่าทีเริ่มที่จะร้อนรนและพวกเราอีกสี่คนก็มีอาการที่ไม่แตกต่างไปจากมัน
"อีเหน่! อีฉิบหาย! ก็ในเมื่อเห็นอยู่ทนโท่ว่าพวกมันกำลังนั่งมองพวกเราแล้วทำไมมึงพึ่งมาพูดเอาตอนนี้!" ฟ้าใสถลึงตาและเผลอหลุดตวาดใส่เพราะความโมโห ซึ่งจริงๆ แล้วฉันเองก็กำลังรู้สึกไม่ต่างไปจากอีฟ้าใสมันนั่นแหละ
"ตอนแรกกูคิดว่ากูคิดไปเอง แต่พอเราพูดถึงเสี่ยอรุณชัยสองคนนั่นก็หันมาดูแบบโต้งๆ ไม่ละสายตา กูถึงพึ่งได้บอกไง" เสน่ห์กระซิบกลับอย่างไม่นึกสนใจท่าทีของฉันกับฟ้าใส
"แล้วมึงเป็นเมียมาเฟียภาษาเหี้ยอะไรไม่รู้ตัวบ้างรึไงว่ามีคนสะกดรอยตามอยู่อีควาย!"
"เรื่องนั้นช่างก่อน" ฉันปัดป่ายมือไปมาด้วยความกลัวจนสุดขีดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เมื่อสังเกตุเห็นว่าไอ้สองคนนั้นมันกำลังเล็งปืนมาที่พวกเราอย่างเปิดเผย
"พวกมันกำลังเล็งปืนจะเป่าหัวพวกเรา วิ่งเดี๋ยวนี้!"
ปัง!
สงสารลูกสาว แทบจะกินลูกปืนแทนข้าวไปแล้วตั้งแต่มีผัวเป็นมาเฟีย