EP09
.
.
.
แสงสว่างจากม่านนอกระเบียงสาดส่องเข้ามาในห้องกระทบร่างกายบอบชํ้าที่นอนซมอยู่บนเตียง เปลือกตาคู่สวยค่อยๆ เปิดขึ้นสมองมันหนักอึ้งไปหมด เธอพาร่างกายตัวเองลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว ก็พบโพสอิสเขียนข้อความเอาไว้
'พี่ซื้อยาคุมพร้อมกับยาแก้ปวดมาให้กินข้าวแล้วก็นอนพักนะครับ เดี๋ยวเรียนเสร็จพี่รีบกลับไปหา'
"น่ารักที่สุดเลย"
หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมาบางๆ แล้วเดินไปหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะอาหาร เธอจัดการอุ่นข้าวต้มในหม้อแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะจัดการข้าวต้มกุ้งจนหมดชามแล้วตามด้วยยาที่พชรสั่ง ไม่นานร่างเล็กก็หมุนตัวเดินกลับไปในโซนห้องนอนแล้วหยิบหมอนขึ้นมากกกอดเอาไว้ด้วยความเบื่อหน่าย
"น่าเบื่อจัง" คนตัวเล็กยู่ปากแล้วลุกขึ้นจากเตียงทดลองร่างกายตัวเองด้วยการเดินไปอาบนํ้า เมื่อพบว่าเดินได้ปกติกว่าเมื่อวานเป็นไหนๆ เธอก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของพชรแต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับชุดยูนิฟอร์มของเอ็มเอ็มยูของผู้หญิง ในสมองจึงคิดอะไรดีๆ ออก มือเล็กยื่นไปหยิบมันมาแล้วเดินมายังหน้ากระจกเพื่อเปลี่ยนชุดไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย เธอหมุนตัวรอบกระจกพร้อมกับผุดรอยยิ้มขึ้นมา..
"ขอไปสนุกในโลกมหาลัยสักวันก็แล้วกัน~" พึมพำกับตัวเองเสร็จ เธอก็หย่อนตัวนั่งลงแล้วหยิบเครื่องสำอางมาแต่งหน้าบางๆ พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็คว้ากระเป๋าสะพายใบโปรดขึ้นมาคล้องบ่าแล้วเดินออกมาจากห้องพร้อมกับล็อกประตูเป็นที่เรียบร้อย
@Mick Mission University (MMU)
"ขอบคุณนะคะ" เชอรีนคลี่ยิ้มให้คุณลุงขับแท็กซี่แล้วเดินเข้ามาในมหาลัยสุดหรูในย่านเมืองหลวง เพียงแค่ด้านหน้าก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีตึกในมหาลัยเรียบหรูดูเเพงราวกับมหาลัยของต่างประเทศทำให้ทุกคนที่เข้ามาเรียนอยากจะเจอหน้าผู้ก่อตั้งที่แห่งนี้...
เธอเดินเข้ามาเรื่อยๆ พลางกวาดสายตามองหาตึกบริหาร ที่พชรเรียนอยู่ แล้วตัวเธอก็ชาวาบเมื่อหลงเดินเข้ามาในเขตที่มีแต่ผู้ชายท่าทางเถื่อนๆ เต็มไปหมด ทุกสายตาล้วนมองมาที่เธอแววตาเปล่งประกายวิบวับ
"คณะเราแม่งไม่มีผู้หญิงไม่ใช่หรอว่ะ...แล้วนี่ใครโผล่เข้ามาในสถาปัต?"
"ใครกูก็ไม่รู้....รู้แค่ว่าสวยฉิบหาย"
"หรือว่าเด็กใหม่คณะอื่นหลงเข้ามา"
"กูรู้แค่ว่าอยากต้อนรับเด็กใหม่ฉิบหายเลยว่ะ" เสียงซุบซิบของชายหนุ่มสามสี่คนตัวลํ้าสูงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากเธอนักแว่วเข้ามาในโซนประสาท เชอรีนกลืนนํ้าลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบากเธอกวาดสายตามองแถวๆ นี้ก็ไร้ซึ่งผู้คน เพราะเวลานี้ทุกคนต่างเข้าเรียนกันหมด ทำให้สัญชาตญาณบอกให้เธอรีบก้าวเดินหนี...
หมับ!
"ปล่อยนะ!" แต่ไม่ทันใด ข้อมือที่มีรอยชํ้าจากเชือกอยู่ก็ถูกคว้าหมับเข้าอย่างแรง จนร่างเธอเซไปกระทบอกแกร่งของหนึ่งในผู้ชายพวกนั้น เชอร์รีนพยายามดิ้นต่อต้านต่อก็กลับสู้แรงผู้ชายที่ลากร่างเธอมายังหลังตึกสถาปัตไม่ได้..
"พี่ปล่อยแน่...แต่ขอพวกพี่สนุกกับหนูก่อนนะจ๊ะ"
"ไอ้พวกบ้า...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ"
"เดี๋ยวจะได้คนบ้าเป็นผัวแล้วนี่ไง หึๆ"
"กูขอก่อน มึงค่อยเอาต่อ" หนึ่งในผู้ชายพวกนั้นพูดขึ้น
"ได้ไงกูเป็นคนลากมันมากูต้องได้ก่อนดิ" เชอรีนได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธบทสนทนาหื่นกรามของกลุ่มผู้ชายตรงหน้า หัวใจดังน้อยสั่นระริกหวาดกลัวว่าจะได้รับการกระทำรุนแรงแบบเมื่อคืนอีก ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเอ่อคลอด้วยม่านนํ้า...
"เอาหน่า....เอาตอนไหนก็ได้อยู่ดี" คนที่เงียบมานานพูดขึ้นแล้วจับแขนเพื่อนอีกคนเดินถอยห่างออกมาเปิดทางให้อีกคนเป็นคนเริ่ม
แควก!
"อย่านะ....ฮึก...ช่วยดะ...อื้อ!!" ไม่ทันที่เธอจะได้ร้องขอความช่วยเหลือก็ถูกมือใหญ่ปิดปากเอาไว้จนเสียงกลืนหายลงไปในลำคอ เชอร์รีนหลับตาแน่นเสื้อนักศึกษาถูกฉีกขาดปรากฏบราเชียร์สีเนื้อโผล่พ้นออกมา เรียวแขนถูกกดเอาไว้กับผนังตึกเอาไว้แน่น...
"แหกปากร้องไปก็ไม่มีประโยชน์...ไม่มีใครหน้าไหนมายุ่งเรื่องของเราหรอกคนสวย"
ปึก!
"อ๊ากกกก...!!"
"กูนี้ไงยุ่ง" มีดเล่มเล็กลอยปักมือหนาอย่างแม่นยำ จนเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน ร่างของผู้ชายคนนั้นถอยออกมากะทันหันพร้อมกับเพื่อนที่วิ่งเข้ามาหวังจะทำร้ายแต่พอเห็นว่าเป็นใครร่างกายก็หยุดอยู่ตรงนั้นอย่างอัตโนมัติ
หมับ!
"ไหนมึงบอกมาดิ มึงกำลังจะทำอะไรยัยนี้?" แทนไทเดินไปหยิบมีดมาแล้วคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของผู้ชายคนนั้น ชายหนุ่มเช็ดคราบเลือดกับชายเสื้อของคนตรงหน้าที่เปื้อนออกแล้วใส่ปลอกเหน็บไว้เอว พร้อมกับเลิกคิ้วถาม
"....อึก...มาช่วยกูดิว่ะ!!" ท่าทางหวาดกลัวของคนอื่นที่เหลือแสดงออกถึงคำตอบชัดเจน สามหนุ่มไม่มีใครเข้ามาช่วยต่างพากันวิ่งเผ่นหนี
แทนไทจึงหันมาคาดคั้นคำตอบต่อ "กูจะทำอะไรแล้วมึงมายุ่งอะไรด้วย"
"แล้วมึงคิดว่าเหตุผลอะไรกูถึงกล้าเข้ามายุ่ง?"
ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ชายหนุ่มสวนหมัดเข้าที่ใบหน้าจนเลือดไหลกลบมุมปาก คนที่ถูกทำร้ายไม่มีแม้แต่แรงจะสู้เลือดบนหลังมือไหลออกเป็นทางยาวสยดสยอง เชอรีนได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยเอาการสั่นเทา เรียวแขนยกขึ้นกอดหน้าอกตัวเองเอาไว้
"กูให้โอกาสมึงหนี แล้วอย่ายุ่งกับยัยนี้อีก" ทิ้งท้ายไว้แค่นั้น คนที่โดนทำร้ายก็พยุงร่างกายเจ็บปวดของตัวเองหนีด้วยความทุลักทุเล แล้วหลังตึกจึงเหลือเพียงเชอรีนที่กำลังจะพาตัวเองเดินหนีแทนไท...
"รู้แบบนี้หน้าจะปล่อยให้โดนข่มขืน" ร่างเล็กหยุดชะงักเธอหันไปมองแทนไทที่ยืนทำสีหน้าเรียบนิ่งอยู่ไม่ไกล
"จริงๆ แล้วนายก็ไม่ได้ต่างอะไรจากพวกนั้นหรอก อย่าทำเหมือนตัวเองดีเกินกว่าพวกมันเลย"
"ปากดีแบบนี้ไม่น่าช่วย"
"ต้องการอะไรอีก คำขอบคุณ?"
"...."
"ถ้างั้นฉันขอบคุณนะ ที่นายฝืนมาช่วยทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ขอ"
"เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นทำแบบเมื่อคืนดีไหม?"
"พูดจาบ้าๆ"
พรึบ! เชอร์รีนตอบปัดๆ แล้วรีบก้าวเดินหนีอีกครั้ง แต่เสื้อเเจ็คเก็ตตัวโตก็ถูกโยนคลุมหัว เธอจึงจับมันมาดูด้วยสีหน้างุนงง เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อยูนิฟอร์มของสถาปัตที่มีชื่อเจ้าของปักไว้อยู่
"อะไรของนาย?" เธอเลิกคิ้วถาม..
"ถ้าไม่อยากโดนพวกห่านั้นจับมาข่มขืนอีกก็ใส่ซะ หรือจริงๆ แล้วอยากอ่อยผู้ชายก็เชิญตามสบาย"
"นี้..." ไม่ทันที่เธอจะได้พ่นคำด่าใส่ ร่างหนาก็เดินชนไหล่เธอออกมาแบบไม่สะทกสะท้าน ที่ชายหนุ่มมาช่วยเชอร์รีนไว้ทัน ไม่ใช่ความตั้งใจอะไรทั้งนั้น เขาแค่กำลังสูบบุหรี่อยู่มุมใกล้ๆ ไม่คิดว่าจะมีคนโดนลากมาข่มขืน ตอนแรกกะจะไม่ยุ่ง แต่เขาแค่ไม่ต้องการให้ใครมาใช้ที่ตรงนั้นซํ้ารอยตัวเองก็เท่านั้นเอง
.
.
.
21.00 AM.
-เชอรีน-
"กูนี้ไงยุ่ง"
"ไหนมึงบอกมาดิ มึงกำลังจะทำอะไรยัยนี้?"
"แล้วมึงคิดว่าเหตุผลอะไรกูถึงกล้าเข้ามายุ่ง?"
"กูให้โอกาสมึงหนี แล้วอย่ายุ่งกับยัยนี้อีก" ทำไมคำพูดพวกนั้นมันถึงดูมีอะไรแอบแฝงจังนะ มันเป็นคำถามที่ค้างคาใจฉันมาจนถึงตอนนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว ไม่ได้อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลยสักนิด แต่ใจเจ้ากรรมมันก็ดันแอบรู้สึกดีที่เขาพูดเหมือนเป็นห่วงฉัน ให้ตายเถอะ ฉันเกลียดความรู้สึกแบบนี้ชะมัด
"เป็นอะไรนั่งยิ้มอยู่คนเดียว" แล้วเสียงของพี่พาร์ทก็ทักขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้องในช่วงดึกของวัน
"รีนยิ้มหรอคะ?" ฉันถามออกไป ฉันไปยิ้มตั้งแต่ตอนไหนกันยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด
"ก็พี่เห็นรีนนั่งยิ้มอยู่นี้ไง"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ รีนไปทำงานก่อนนะ" ฉันตอบปัดๆ แล้วหยิบกระเป๋าเป้ข้างกายที่มีชุดลำลองสำหรับเปลี่ยนกลับบ้านพร้อมกับเสื้อเเจ็คเก็ตของนายนั้นติดกระเป๋าไปด้วยขืนห้อยไว้ในห้องพี่พาร์ทรู้พอดี
"ให้พี่ไปส่งดีกว่า"
"ไม่เหนื่อยแย่หรอคะ พี่พาร์ทพึ่งเรียนเสร็จนิคะ"
"พี่เป็นห่วงเรามากกว่า ไปรอที่รถนะเดี๋ยวพี่ตามลงไป"
"ก็ได้ค่ะ" ฉันยื่นมือรับกุญแจจากพี่พาร์ทแล้วปลีกตัวลงมารอชั้นล่างที่โรงรถ ก่อนจะกดเปิดมันแล้วสอดตัวเข้าไปนั่งรอ ส่วนเรื่องที่ฉันเเอบไปมหาลัยมาวันนี้พี่พาร์ทยังไม่รู้ หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาฉันก็มานอนซมในห้องต่อจนเลยมาถึงช่วงดึก
"เฮ้อ...ทำไมในสมองฉันมันคิดแต่เรื่องนายนะ ใจคอจะจองล้างจองผลาญฉันแม้กระทั่งตอนไม่ได้อยู่ด้วยกันรึไง" ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองแล้วหยิบแจ็คเก็ตตัวโตออกมา ก่อนจะมีโพลาลอยหลุดออกมาจากกระเป๋าเสื้อมันคือรูปของผู้หญิงหน้าตาสวยน่ารักคนหนึ่ง ถ้าฉันเดาไม่ผิดคงเป็นคนที่เขารักแหละมั้ง แล้วทำไมความรู้สึกมันถึงเป็นหวิวๆ กันนะ...มันคงไม่ได้เกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้นใช่ไหม...
"มาแล้ว....คิดอะไรอยู่คนเดียวเหม่อเชียว"
"ไม่มีอะไรค่ะ...เรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวหนูไปทำงานสาย" ฉันตัดบทแล้วรีบยัดเเจ็คเก็ตใส่กระเป๋าเป้ทันที พี่พาร์ทจึงเริ่มออกรถแล้วเคลื่อนตัวมาที่สถานบันเทิงสุดหรูแห่งหนึ่งในเวลาไม่กี่นาทีถัดมา
"เลิกงานกี่โมง"
"คงช่วงตีสองมั้งคะ"
"มีอะไรให้โทรหาพี่นะรู้มั้ย แล้วนี่ถ้าลูกค้าทำอะไรมากเกินไปก็อย่าไปยอม"
"ค่า...ทราบแล้วค่ะพ่อ"
"งั้นพี่กลับแล้ว ไว้เจอกัน"
"บ๊ายบายค่ะ" ฉันโบกมือลาพี่พาร์ทแล้วเปิดประตูลงจากรถ ยืนรอให้รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกไปก็เดินเข้ามาข้างในของผับ มุ้งตรงไปหาคุณอิงเพรชผู้จัดการของที่นี้
"ขออนุญาตค่ะ"
"มาตรงเวลาดีนิ"
"ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ"
"ฉันจะไม่พูดอะไรมาก เดี๋ยวจะมีรุ่นพี่พาเธอไปเปลี่ยนชุดและเริ่มแนะนำงาน เธอก็เริ่มทำได้เลย อิงโก๊ะพาพนักงานใหม่ไปดูงาน" คุณอิงเพรชที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมร่ายยาวแล้วพยักหน้าไปหารุ่นพี่ผู้หญิงหุ่นสวยที่ยืนอยู่ข้างการ์ดตรงมุมห้อง
"ได้ค่ะคุณอิงเพชร ตามฉะนั้นมา" เธอตอบแล้วหันหน้ามาคุย ฉันจึงเดินตามหลังเธอไปติดๆ ก่อนที่เราจะหยุดตรงห้องแต่งแต่ที่มีผู้หญิงสวยๆ มากมายเต็มไปหมด
"งานของเธอคือคอยเอาใจปรนนิบัติแขกวีไอพีของที่นี้ ถ้าอยากได้ติบหนักๆ ก็อยู่ที่ความพอใจของลูก ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับเธออีกที"
"หนูทราบค่ะ"
"ฉันอิงโก๊ะเป็นคนดูแลเด็กๆ ส่วนวันนี้ฉันจะทำหน้าที่ต้อนรับแขกกับเธอ เพราะคุณอิงเพรชยังหาเด็กไม่ได้"
"ค่ะ...หนูชื่อเชอรีนนะคะ"
"เอาล่ะ ลูกค้าเริ่มมากันแล้ว เธอไปเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มของร้านแล้วรีบออกมาทำหน้าที่"
"ค่ะ..." ฉันพยักหน้าตอบแล้วเดินไปหยิบชุดจากพี่ผู้หญิงคนหนึ่งมาแล้วเดินหายเข้าไปในห้องลองชุด พอเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยมันก็สั้นเอามากเลยแฮะ แต่ก็พอได้ ฉันไม่ซีเรียสอะไรกับการแต่งตัวอยู่แล้ว...
"เสร็จแล้วค่ะพี่อิงโก๊ะ" ฉันบอกเธอจึงหันหน้ามามองฉันด้วยแววตาพอใจ
"ตามมา" เธอพูดเพียงเท่านั้นฉันก็เดินตามพี่แกมายังโซนวีไอพี
"แขกห้องนี้คือกลุ่มลูกค้าประจำของที่นี้ ปรนนิบัติให้ดีด้วยล่ะ"
"ค่ะ....เอ่อ...พี่อิงโก๊ะคะ หนูขอไปเข้าห้องนํ้าก่อนได้ไหม"
"ตามสบายแต่อย่าช้า" เธอพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ร่างกายสมบูรณ์แบบก็เดินหายไป ฉันจึงตัดสินใจเดินลงมาเข้าห้องนํ้าชั้นล่างแทนซึ่งวันนี้คนก็ดูเยอะแปลกๆ แต่ฉันก็ไม่สนใจมุ่งหน้าเข้าไปในห้องนํ้าทันที..
-End-
ปึก!
"ขอโทษค่ะ..." เชอร์รีนรีบขอโทษคนตรงหน้าทันทีเมื่อเธอชนเข้ากับร่างของใครบางคนเข้า หญิงสาวตรงหน้าชักสีหน้าไม่พอใจใส่เธอกลับ
"ทีหลังก็ช่วยแหกตาดูด้วยนะ"
"...." เชอรีนส่ายหัวเอือมระอาแล้วเดินเข้ามาในห้องนํ้าเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เธอสบตาเข้ากับแทนไทเข้า ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องนํ้าพร้อมกับรูดซิปกางเกง สายตาเรียบนิ่งไล่มองเรือนร่างเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเเสยะยิ้มมุมปาก
"มีอะไร"
"ผู้หญิงคนนี้เดินชนหนูค่ะพี่แทน.."
"ถ้าขอโทษแล้วไม่ยอมจบก็ช่วยไม่ได้"
"ออกไปก่อน เดี๋ยวฉันตามไป"
"แต่.."
"เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
"ก็ได้ค่ะ" หญิงสาวยอมเดินออกไปจากห้องนํ้าไร้ซึ่งผู้คนร่างหนาจึงเดินตามไปติดๆ พร้อมกับล็อกประตูแล้วเปลี่ยนจุดสนใจมาที่เธอแทน..ชายหนุ่มย่างกรายเดินต้อนคนตัวเล็กแล้วตวัดท่อนแขนอุ้มเธอขึ้นบนอ่างล้างมือหน้ากระจก
"เดี๋ยวนี้มาทำงานแบบนี้แล้วหรอ"
"ฉันจะทำงานอะไรมันเกี่ยวกับนายตรงไหน"
"ก็เพราะร่างกายเธอมันเป็นของฉัน หรือจำไม่ได้?"
"....." เชอรีนเค้นหัวเราะแล้วเบือนหน้าหนี..
"แล้วอย่าให้รู้ว่าเสอาะไปถ่างขาให้ใครเอาล่ะ เข้าใจที่พูดใช่มั้ย.."
.
.
.
อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร?
Nest
"งานอย่างอื่นไม่มีทำรึไง ถึงชอบทำงานเปลืองตัวแบบนี้"