“อือ…ไอ้เมศ ทำไมตอนเมามึงหล่อจังวะ”
“แล้วตอนไม่เมากูไม่หล่อหรือไง”
เขาถามเสียงห้าวติดจะพร่ามีแววหยอกล้อเล็กๆ ก่อนจะปัดมือเรียวออกจากข้างแก้ม แล้วยื่นหน้าเข้ามาหาจนปลายจมูกคมสันแตะปลายจมูกรั้น ทำเอาลมหายใจของคนถูกจู่โจมถึงกับสะดุดกึก หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ส่วนใบหน้านวลปลั่งนั้นเห่อร้อนด้วยความสะเทิ้นอายแกมประหม่า
“หล่อ…แต่ตอนเมาหล่อกว่า ตาเยิ้มโคตรเซ็กซี่” วาจาเยินยอซื่อๆ ที่หลุดออกมาจากปากอวบอิ่มทำให้คนที่มักไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ผ่านทางสีหน้าหัวใจกระตุกวาบอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากหยักกดลึกคล้ายพึงพอใจ และรอยยิ้มเล็กๆ นั้นก็ทำให้อีกฝ่ายทำหน้าเหวอ
เอ๊ะ!...เธอตาฝาดหรือเมาจนเป็นบ้าสติฟั่นเฟือนกันแน่ ถึงได้เห็นมุมปากของเขายกยิ้ม
“มึงยิ้มเป็นด้วยเหรอ” ธารธาราละล่ำละลักถาม พร้อมจ้องหน้าหล่อระเบิดระเบ้อที่เพิ่งผละห่างเหมือนตัวประหลาด
“อ้าว…กูก็คนนะครับ” เขาเลิกคิ้วเอ่ยหน้าตาย ทว่าแววตากลับปรากฏรอยยิ้มพรายชวนมอง และนั่นก็ทำเอาคนที่หัวใจเต้นแรงย้ำๆ ซ้ำๆ ถึงกับยิ้มแก้มปริ อุ่นวาบในอกจนบรรยายแทบไม่ถูก
“ยิ้มให้กูบ่อยๆ นะ…กูชอบ มึงยิ้มทีใจละลาย” คุณหมอสาวเอ่ยเป็นเชิงอ้อนพร้อมมองหน้าหล่อๆ ด้วยสายตาหวานเชื่อม ขาดคำเธอก็ฟุบไปกับโต๊ะเสียดื้อๆ
“เฮ้ย! ไอ้น้ำ นี่มึงน็อกกลางอากาศเลยเหรอวะ”
“ฮื้อ…กูไม่ได้น็อก มึนหัวเฉยๆ ขอพักยกแป๊บนึง” คนเมาจัดทำเสียงงึมงำทั้งที่หน้ายังซุกอยู่กับโต๊ะ
“ไม่ต้องพักยกหรอก กูแดกเหล้าไม่ไหวแล้ว เรากลับกันเหอะ เดี๋ยวกูไปส่ง” เอ่ยจบร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างก็ผุดลุกขึ้น แล้วเซนิดๆ อาการมึนหัวพุ่งเข้าจู่โจมจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
ปรเมศยืนหลับตานิ่วหน้าอยู่สักพัก ทว่าสุดท้ายก็ไม่อาจฝืนจำต้องทรุดกายลงนั่งอย่างหมดสภาพ เอื้อมมือไปประสานกับมือของธารธาราเอาไว้ แล้วฟุบไปไม่ต่างจากอีกฝ่าย
“เฮียครับ…เฮีย ร้านจะปิดแล้วครับ” นพเก้าเอ่ยบอกพร้อมสะกิดไหล่ของคนรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นน้องชายเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของปรเมศ
เสียงที่เหมือนลอยมาแต่ไกลทำให้ปรเมศได้สติอีกครั้ง
“อือ…” พ่อหนุ่มพันธุ์ดิบขานรับกลั้วลำคอหนา คลายมือจากมือเรียวของธารธารา ก่อนจะทาบมือกับโต๊ะดันตัวเองให้ลุกขึ้นด้วยสภาพทุลักทุเล เซน้อยๆ จากนั้นก็หันไปมองหน้าไอ้หนุ่มสกินเฮด ลุคแบดบอย
“ร้านปิดแล้วเหรอวะไอ้เก้า”
“ใช่ครับ ผมว่าเฮียนอนที่นี่ดีกว่าไหมครับ” น้องชายเจ้าของร้านเอ่ยพลางรินน้ำเย็นๆ ส่งให้อีกฝ่ายเผื่อจะช่วยให้ตาสว่างและสร่างเมาขึ้นมาบ้าง
“อือ…ก็ดีเหมือนกัน เมาขนาดนี้กูคงขับรถกลับไม่ไหว” หลังจากซัดน้ำเย็นเข้าไปปรเมศก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเอ่ยเรียกคนที่ยังฟุบอยู่กับโต๊ะแบบไม่สนห่าอะไร
“เฮ้ย! ไอ้น้ำ ลุกเร็วมึง” สรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกทำให้สาวห้าวหูผึ่งอีกครั้ง สติเริ่มบังเกิด ก่อนจะผงกหัวขึ้นมามองอีกฝ่าย แล้วเอ่ยเย้าด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฮั่นแน่…มึงเรียกชื่อกูอีกแล้ว…ดีจัง”
คนโดนล้อทำหน้าไม่ถูก รู้แต่ว่าซีกแก้มสากเหมือนมีไฟมาอังอย่างน่าบัดซบ
“ไม่ต้องมาทำตาหวาน ลุกเร็ว กูง่วงจะตายชัก” พ่อเจ้าประคุณกลบเกลื่อนความรู้สึกด้วยการปั้นหน้าเรียบสนิท แล้วเอ่ยออกคำสั่งเสียงแข็งๆ
“อือ…กูลุกม่ายหวาย…” ธารธาราพยุงตัวทำท่าจะลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก ก่อนจะทรุดลงอย่างยอมจำนนกับอาการโลกหมุน พื้นใต้เท้าโคลงเคลงไปหมด
“ลุกไม่ไหวก็ต้องลุก แข็งใจหน่อยเร็ว” ปรเมศเอ่ยเป็นเชิงกระตุ้นระคนเร่งเร้า ก่อนจะขยับเข้าไปดึงต้นแขนอีกฝ่ายเพื่อพยุงให้ร่างอ่อนปวกเปียกลุกขึ้น
“อือ…ลุกก็ลุก” เธอเอ่ยรับคำงึมงำอย่างว่าง่ายหายพยศ แล้วทาบฝ่ามือลงกับพื้นโต๊ะตรงหน้าเพื่อดันให้ตัวเองลุกขึ้นยืนช่วยเขาอีกแรง
ท่าทางถ้อยทีถ้อยอาศัยของคนที่ต่างประกาศปาวๆ ว่าเกลียดกันทำให้น้องชายของเจ้าของร้านแอบอมยิ้ม เป็นบุญตาของเขาเหลือเกินที่ได้มาเห็นโม้เม้นต์ปรองดองอย่างน่าพิลึกเช่นนี้
“เฮียจะให้ผมเอาหมอน้ำไปส่งที่ห้องให้ไหมครับ” นพเก้าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันขวับมามองตาขวาง ลักษณะเหมือนหวงคุณหมอสาวไม่มีผิด
“เดี๋ยวกูไปเอง ห้องไหน”
“เอ่อ…ให้หมอน้ำนอนห้องเดียวกับเฮียได้ไหมครับ พอดีว่าคืนนี้เพื่อนผมมาขอค้างด้วยสามคนห้องเลยเต็มหมด จะเหลือก็แต่ห้องที่เฮียเคยนอน หรือว่าจะให้ผมโทรไปตามเฮียภูมารับหมอน้ำดี เพราะรายนั้นบอกก่อนออกจากร้านว่าถ้าเฮียเอาหมอน้ำกลับไม่ไหวก็ให้โทรหาแก”
“ไม่ต้องโทรไปกวนไอ้ภูหรอก ป่านนี้มันคงหลับปานตายแล้ว เดี๋ยวให้ไอ้น้ำมันนอนกับกูก็ได้”
“งั้นฝันดีนะครับ ผมขอตัวไปดูเด็กเก็บร้านก่อน”
นพเก้ากล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น แล้วหมุนตัวจากไปด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ส่วนปรเมศก็จับแขนธารธารามาพาดบ่ากว้าง ก่อนจะพาอีกฝ่ายออกก้าวเดินอย่างทุลักทุเล กว่าจะมาถึงห้องได้ก็เล่นเอาหอบกันเลยทีเดียว
หลังจากวางคนที่เมาไม่ได้สติลงบนเตียง ปรเมศก็ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำเพื่อเรียกความสดชื่น ครั้นเดินออกมาก็ต้องชะงักกับสายตาหวานหยาดเยิ้มของคนที่นั่งหัวฟูอยู่ปลายเตียงซึ่งพุ่งตรงมายังเขา และน้ำคำหวานหูชวนใจละลายที่เล็ดลอดออกมาจากปากสีแดงระเรื่อก็ทำให้เขาเกือบล้มหัวคะมำ
“เมศจ๋า…น้ำร้อน”
“ร้อนก็ไปนั่งตากแอร์โน่น” เห็นท่าไม่ดีเขาก็ชี้มือไปยังข้างเตียงอีกฝั่งที่แอร์ลงเต็มๆ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้ายุ่ง ส่ายหัวน้อยๆ แล้วลงมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเอง
“เฮ้ย! กูบอกให้ไปนั่งตากแอร์ ไม่ใช่แก้ผ้าโว้ย!” ปรเมศร้องห้ามปรามเสียงหลง แล้วรีบหันซีกแก้มแดงก่ำไปอีกทางเมื่อเหลือบไปเห็นเนินอกขาวผ่องรำไร
ยัยทอมบ้าเอ๊ย! เมาแล้วรั่ว แถมยังปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่กลัวผู้ชายอีก
“น้ำจะถอด น้ำร้อน”
“โว้ย! ยัยทอมบ้านี่ ทำไมถึงดื้อแบบนี้วะ” ปรเมศหันมาคำรามอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน อยากจะทึ้งหัวตัวเองให้กับความดื้อด้านของอีกฝ่ายยิ่งนัก
“ถ้าน้ำดื้อเมศก็ลงโทษน้ำสิ” คนเมาจัดเอ่ยท้าพลางมองเขาตาเยิ้ม นี่ยัยทอมตัวดีจะรู้ไหมว่าที่เธอกำลังทำน่ะเขาเรียกว่าอ่อย และผู้ชายอย่างเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนซะด้วยสิ