“มิ้น เธอไปเตรียมเหล้ากับกับแกล้มให้ฉันด้วย ฉันกับเพื่อนกินข้าวเสร็จจะไปกินเหล้าต่อที่ริมสระน้ำ” อัคราสั่งรวิษาหลังจากที่อาหารพร่องไปครึ่งจาน
“ค่ะคุณโอม” เมื่อได้รับคำสั่งใหม่ รวิษาจึงเดินไปยังห้องครัว จัดเตรียมทุกสิ่งอย่างที่อัคราต้องการ
“นายนี่สั่งมิ้นอย่างกับเป็นคนใช้เลยนะ ทั้งที่คุณลุงคุณป้าเลี้ยงมิ้นเหมือนลูกเหมือนหลาน”
ยุทธนาเอ่ยขึ้น รู้สึกไม่พอใจที่อัคราสั่งงานรวิษาไม่ต่างกับคนใช้ ทั้งทีก้อยก็ยืนตรงนั้นแต่ไม่คิดจะสั่งการให้ทำโน่นทำนี่
“ฉันจะใช้ก็ไม่เห็นแปลกนี่ อีกอย่างฉันก็ใช่มิ้นบ่อยๆ ไม่เห็นมิ้นจะว่าอะไรเลยสักคำ นายมาเดือดร้อนอะไรด้วย” อัคราตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันก็แค่ถามเฉยๆ เพราะปกติฉันไม่เคยเห็นนายใช้มิ้นเลย เห็นแต่ใช้สาวใช้คนอื่น”
ยุทธนามาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน และทุกครั้งเขาไม่เคยเห็นอรรคเดช อินทุอรหรืออัคราสั่งให้รวิษาทำนู่นทำนี่เลยสกครั้ง นอกเสียจากว่าเธอยินยอมทำงานนั้นๆ เอง แต่นี่อัคราสั่งงานรวิษาทั้งที่มีสาวใช้หน้าใหม่ที่เขาไม่รู้จักยืนอยู่ชิดสาวนิสัยดี ทว่าอัครากลับไม่สั่ง ยุทธนาจึงอดที่จะสงสัยไม่ได้
“ก็วันนี้ฉันเกิดอยากจะสั่งให้มิ้นเป็นคนเตรียมเหล้ายาปลาปิ้งให้ นายมีปัญหาอะไรมั้ย?” อารมณ์ของอัคราเริ่มไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกไม่พอใจยุทธนาที่เป็นห่วงรวิษาจนออกนอกหน้า ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะสั่งให้รวิษาทำตามที่ตนเองต้องการ
“เฮ้ย! เอก กินข้าวเถอะ ต้มยำฝีมือมิ้นอร่อยเหาะเลย” ศักดิ์ชัยเห็นท่าไม่ดี จึงพูดแทรกขึ้นหวังจะให้อารมณ์ขุ่นมัวของอัคราลดลง
“นั่นสิ กับข้าวฝีมือมิ้นอร่อยมากๆ เลย เลิกคุยเรื่องซีเรียสแล้วมากินข้าวต่อดีกว่านะ นานๆ ถึงจะได้อยู่กันครบทีม” ศุรเดชร่วมสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น
“นายกินข้าวต่อเถอะเอก ฉันใช้มิ้นแค่นี้เขาไม่ตายหรอก งานหนักกว่านี้ฉันยังใช้มิ้นทำมาแล้ว”
อัคราอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่ยังยั้งๆ อารมณ์เอาไว้ ยุทธนาไม่พูดอะไรต่อและไม่สงสัยในวาจาของอัคราด้วย เพราะเขาไม่ต้องการให้การสังสรรค์ในวันนี้หมดสนุก
ทั้งหมดจึงลงมือรับประทานอาหารต่อไปจนกระทั่งชายหนุ่มทั้งห้าคนอิ่มท้อง จึงพากันเดินมานั่งพูดคุยและดื่มกินตามประสาชายโสดกันต่อที่ริมสระน้ำ
“มาแล้วค่ะ ยำทะเล ต้มยำหัวปลาแล้วก็ถั่วคั่วเกลือค่ะ”
แม่ครัวสาวนำกับแกล้มที่ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดของอัครามาวางตรงโต๊ะเหล็กริมสระน้ำ โดยมีก้อยนำบรั่นดีและมิกเซอร์มาวางเรียงไว้บนโต๊ะอีกตัวข้างๆ ร่างเจ้าของบ้าน
“ผสมเหล้าให้หน่อยสิมิ้น” อัคราสั่งรวิษา
“เราทำกันเองก็ได้นี่โอม ปกติก็ทำเองกันอยู่แล้ว” ยุทธนาค้านเพื่อน อัคราหันมามองหน้านายแพทย์หนุ่มด้วยสายตาขุ่นมัว ไม่ชอบใจนักที่เห็นเพื่อนเป็นห่วงเป็นใยไก่วัดแสนสวยของเขามากเกินไป
“แค่นี้มิ้นไม่เหนื่อยตายหรอก ฉันให้มิ้นชงเหล้านะไม่ได้ให้มิ้นนอนดิ้นอยู่ใต้ร่างของฉันถึงได้กลัวเหนื่อยกลัวหอบ นายไม่ต้องห่วงสวัสดิภาพของมิ้นขนาดนั้นหรอก”
คราวนี้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นถึงกับอึ้ง อึ้งกับคำพูดของอัคราที่เสียงดังฟังชัด ไม่คิดว่าอัคราจะเปรียบเปรยออกมาในลักษณะนี้ เพราะคนที่เสียหายคือรวิษา แล้วคำพูดประโยคนี้เองที่ทำให้ยุทธนาไม่พอใจเป็นที่สุดส่วนคนที่ถูกพาดพิงถึงกับตกใจจนหน้าซีด กลัวว่าอัคราจะหลุดปากบอกความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเขาและเธอ
“ทำไมนายพูดอย่างนี้ล่ะโอม พูดอย่างนี้มิ้นเสียหายนะ” นายแพทย์หนุ่มสวนกลับเสียงดังไม่แพ้กัน ตาจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ไม่เป็นไรคะคุณเอก คุณโอมพูดเล่นน่ะค่ะ อีกอย่างนะคะมิ้นก็ชงเหล้าให้คุณโอมบ่อยๆ เรื่องแค่นี้สบายมากค่ะ อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ”
รวิษาออกโรงห้ามทัพก่อนที่ศึกระหว่างอัคราจอมเจ้าอารมณ์กับยุทธนาจะเลยเถิดไปไกลมากกว่านี้ ก่อนจะลงมือผสมบรั่นดีตามที่อัคราชอบ
“เอาน่าเอก นายใจเย็นๆ หน่อยสิ โอมมันก็พูดไปตามประสาคนเจ้าอารมณ์ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นซะหน่อย อีกอย่างนะมิ้นก็เต็มใจทำด้วย เลิกเถียงกันได้แล้วมานั่งดื่มนั่งกินให้ชุ่มปอดดีกว่า” ศักดิ์ชัยห้ามปรามอีกคน
“นี่ค่ะคุณโอม” รวิษายื่นแก้วบรั่นดีส่งให้อัคราทันทีที่ชงผสมเสร็จ
“ผสมให้เพื่อนๆ ฉันด้วยสิ” เขาสั่ง
“ค่ะคุณโอม” คนที่ถูกสั่งหันไปผสมบรั่นดีให้กับเพื่อนของอัคราจนครบทุกคน ก่อนที่เธอจะนั่งอยู่ใกล้ๆ คอยผสมบรั่นดีแก้วใหม่ให้ชายทั้งห้า ประหนึ่งว่าเธอเป็นสาวนั่งดริ๊งก็ไม่ปาน ทุกคนที่นั่งล้อมโต๊ะดื่มสุราแม้ว่าจะไม่พอใจกับการกระทำของอัครา เนื่องจากเขาทุกคนสามารถผสมบรั่นดีดื่มเองได้ แต่ก็ไม่อาจห้ามปรามชายเอาแต่ใจเพราะกลัวว่าจะเสียบรรยากาศ จึงปล่อยเลยตามเลย
“มิ้นไม่เห็นเหรอว่าถั่วคั่วเกลือหมดแล้ว ไปเอามาเพิ่มสิ” ทั้งที่ก้อยนั่งอยู่ตรงประตู คอยรับคำสั่งให้เรียกใช้แต่อัครากลับเรียกใช้รวิษาแทน
“ค่ะคุณโอม” ร่างเล็กรีบลุกขึ้นยืนแล้วเร่งฝีเท้าไปยังห้องครัว จัดการในสิ่งที่อัคราสั่งทันที พอเธอเดินกลับมาที่โต๊ะคำสั่งใหม่ก็ดังขึ้น
“มิ้น ฉันอยากกินยำวุ้นเส้นไปทำให้ฉันกินหน่อยสิ”
“ค่ะคุณโอม” พอวางจานถั่วคั่วเกลือเสร็จ เธอก็หมุนตัวเดินไปยังห้องครัวอีกครั้ง เพื่อทำวุ้นเส้นตามคำสั่งของอัครา ยุทธนาที่นั่งมองดูอัคราเรียกใช้รวิษาไม่ต่างกับคนใช้อยู่นานถึงกับทนไม่ไหว ลุกขึ้นพรวดยืนเต็มความสูง
“เดี๋ยวฉันมานะ ไปเข้าห้องน้ำ”
เขาเลือกที่จะไม่พูดตามความตั้งใจของตน เพราะรู้นิสัยอัคราดีว่า ยิ่งเขาพูดเข้าข้างรวิษามากเท่าไหร่ อัคราจะยิ่งกลั่นแกล้งรวิษามากเท่านั้น
อัครามองตามร่างนายแพทย์หนุ่มที่บอกว่าไปห้องน้ำนิ่ง เขาไม่คิดว่ายุทธนาจะไปห้องน้ำเหมือนที่พูด เนื่องจากอีกฝ่ายเพิ่งเข้าห้องน้ำไปเมื่อสิบนาทีก่อน คำพูดที่เอ่ยบอกเมื่อครู่จึงเป็นแค่คำกล่าวอ้าง
“มิ้นผมช่วยทำนะ” ยุทธนาไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำตามที่บอกกับเพื่อนๆ กลับเดินเข้ามาในครัวแทน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เองมิ้นทำได้ค่ะ คุณเอกไปดื่มกับเพื่อนๆ เถอะค่ะ”
รวิษาพูดอย่างคนเกรงใจ ทว่ายุทธนากลับไม่เดินจากไปไหน ก้าวเท้ามาหาแม่ครัวสาวที่กำลังง่วนอยู่กับอาการที่ตนทำ
“ผมไม่อยากดื่มแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเข้าเวรแต่เช้าเดี๋ยวแฮงค์ขึ้นมาแล้วมันจะยุ่ง อีกอย่างผมอยากช่วยมิ้นด้วยครับ” นายแพทย์หนุ่มให้เหตุผลที่รวิษาไม่อาจปฏิเสธน้ำใจในครั้งนี้ได้
“ถ้าอย่างนั้นคุณเอกช่วยมิ้นหั่นหอมหัวใหญ่กับขึ้นฉ่ายก็แล้วกันค่ะ” เธอชี้ไปทางโต๊ะเตรียมอาหารที่มีขึ้นฉ่ายกับหอมหัวใหญ่พร้อมหั่นวางอยู่ ข้างๆ มีเขียงกับมีด
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ยุทธการลงมือหั่นขึ้นฉ่ายเป็นอันดับแรก ก่อนจะหั่นหอมหัวใหญ่เป็นลำดับต่อมา แต่ทว่าการหั่นหอมหัวใหญ่ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด เพราะหั่นไปน้ำตาไหลไป รวิษาที่หันมามองจังหวะที่เขาใช้มือปาดน้ำตาพอดีถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดในสิ่งที่เขาพูดต่อขานกันมา
“โบราณเขาว่ากันว่า ถ้าหากผู้หญิงหั่นหอมหัวใหญ่หรือหัวหอมแล้วร้องไห้หมายความว่าจะไม่ถูกกับแม่สามี แต่ถ้าเป็นผู้ชายหั่นหัวหอมแล้วน้ำตาไหลหมายความว่าจะไม่ถูกกับพ่อแม่ของภรรยา” เธอพูดจบก็เดินไปหยิบทิชชู่ส่งให้ยุทธนาเช็ดน้ำตา
“โบราณเขาว่ากันอย่างนี้จริงๆ หรือครับ?” ชายร่างสูงเอ่ยถาม
“มิ้นได้ยินมาอย่างนี้น่ะคะ จริงไม่จริงมิ้นไม่รู้” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม “คุณเอกไปนั่งพักเถอะคะ ที่เหลือเดี๋ยวมิ้นจัดการเอง”
“ไม่ได้ครับ เหลืออีกนิดเดียวเองต้องหั่นให้เสร็จ ผมไม่ยอมแพ้หอมหัวใหญ่ลูกแค่นี้หรอกครับ”
เขาพูดอย่างมุ่งมั่นลงมือหั่นหัวหอมต่อไปจนเสร็จ แม้ว่าจะต้องเสียน้ำตาอีกหลายหยดก็ตาม รวิษาเห็นท่าทางของยุทธนาก็อดที่จะขำไม่ได้
“ดูคุณเอกสิคะ ร้องไห้หนักใหญ่เลย” รวิษาเอ่ยแชว พูดกลั้วหัวเราะ
“แค่นี้เรื่องจิ๊บๆ ครับ” คนที่โดนพิษหอมหัวใหญ่เล่นงาน เงยหน้าพูดน้ำตาไหลริน รวิษาเห็นดังนั้นจึงหยิบทิชชู่มาซับน้ำตาของยุทธนา เพราะถ้าหากเขานำมือที่เปื้อนหอมหัวใหญ่มาเช็ด รับรองได้ว่าน้ำตาไม่หยุดไหลแน่นอน
ยุทธนาแม้ว่าจะมองหน้ารวิษาไม่ชัด เพราะดวงตาของเขาเต็มไปด้วยม่านน้ำตา ทว่าหัวใจกลับเต้นแรง ชุ่มชื่นหัวใจกับความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ของเธอ
“ขอบคุณมากครับ” เขากล่าวขอบคุณเบาๆ มองดวงหน้าสวยหวานได้อย่างเต็มตา ยิ่งชิดใกล้เขายิ่งหลงรักเธอ แต่ไม่กล้าจะเปิดเผยความในใจ เขากลัว...กลัวว่ารวิษาจะไม่มีใจตอบกลับมา
“ยินดีและขอบคุณมากนะคะที่ช่วยมิ้น”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีและเต็มใจ”
รวิษายิ้มให้นายแพทย์หนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะหันปรุงยำวุ้นเส้นต่อ ทั้งสองไม่รู้เลยว่า ภาพทุกภาพที่อยู่ในห้องครัวตกอยู่ในสายตาของใครบางคนที่อ้างกับเพื่อนๆ ว่า จะไปเข้าห้องน้ำ แต่เขากลับเดินมาที่ห้องครัวอย่างรู้เท่าทันยุทธนา แล้วได้เห็นภาพเด็ดๆ ที่ทำให้อัคราตาลุกวาว ความไม่พอใจแผ่ซ่านไปทุกรูขุมขน จ้องมองไปยังร่างแน่งน้อยของรวิษาอย่างคาดโทษ