4

1515 Words
“ทำให้เต็มที่ล่ะ ถ้าเราได้งานนี้จะได้กำไรมากโขทีเดียว” ตอนนี้อัคราก่อตั้งบริษัทโฆษณาอ**บริษัทหนึ่ง และกำลังคับเคี่ยวกับบริษัทอื่นที่ต้องการทำโฆษณาให้กับบริษัทอามาโนะงาวะ ซึ่งมาเป็นบริษัทนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมทั่วโลก และเป็นบริษัทที่ดูแลศิลปินดังๆ ทั้งในญี่ปุ่นและเกาหลี หากอามาคาวะตัดสินใจให้บริษัทของอัคราดูแลเรื่องการโฆษณาแต่เพียงผู้เดียว รายได้และกำไรจะเข้ามาในกระเป๋าอย่างมากมาย และในระยะยาวด้วย “ครับคุณพ่อ ผมจะพยายามเต็มที่ครับ” ผู้เป็นลูกรับคำ อัคราบอกตัวเองตั้งแต่ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทนี้แล้วว่า จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จให้ได้ “แล้วเรื่องอาหารเสริม ครีมบำรุงผิวที่โอมตั้งใจจะทำล่ะ ยังจะทำอยู่หรือเปล่า?” อรรคเดชถามเรื่องงานอีกเรื่องหนึ่ง “ผมทำแน่ครับคุณพ่อ ใกล้เสร็จแล้วด้วยครับ” “ทำหลายอย่างพร้อมๆ กันแบบนี้ ต้องดูแลสุขภาพด้วยนะ มีอะไรให้พ่อช่วยก็บอกหรือจะให้อาร์มมาช่วยอีกแรงก็ได้นะโอม” อรรคเดชพูดด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับเสนอตัวเข้าช่วย ไม่ลืมที่จะดึงอัคคินเข้ามาอยู่ในบทสนทนา “ผมยินดีช่วยคุณโอมครับ” อัคคินเอ่ยจากใจจริง “เออ...ถ้าอยากจะให้ช่วยแล้วจะบอก” อัคราอยากจะพูดออกไปว่า ไม่ต้องยุ่งมากกว่า แต่เป็นเพราะคำสัญญาที่ให้ไว้กับอินทุอร เขาจึงต้องพูดดีๆ กับอัคคิน “ดีแล้วลูก เป็นพี่น้องต้องรักกัน” รอยยิ้มของอรรคเดชเปื้อนเต็มใบหน้า เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน ระหว่างที่ครอบครัวเนติรัตน์พิบูลกำลังสนทนาเรื่องงานสำคัญ รวิษาก็ทำตามคำสั่งของอัครา จัดเสื้อผ้าที่เขาจะต้องสวมใส่คืนนี้และสำหรับใส่ไปหาดไร่เลย์มาแขวนไว้ตรงหน้าประตูเสื้อผ้า นำของใช้ส่วนตัวที่อัคราจะต้องใช้ไปวางไว้ตรงเคาน์เตอร์อ่างล่างหน้าในห้องน้ำ แล้วเดินยังกระเป๋าเสื้อผ้าอีกครั้งเพื่อปิดมันให้เรียบร้อย “เสร็จแล้ว” เธอพูดกับตัวเอง ก่อนจะก้าวเดินไปยังประตูห้อง กำลังจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู ทว่ามือเล็กค้างกลางอากาศ เป็นเพราะประตูบานนั้นเปิดออกเสียก่อน “คุณโอม” เธอขานชื่อเขาเบาๆ หัวใจเต้นระรัว มองประตูที่ปิดด้วยมือใหญ่อย่างหวั่นๆ ก้าวถอยหลังเข้ามาในห้องโดยอัตโนมัติ “เสร็จแล้วเหรอ?” เจ้าของห้องถาม “สะ...เสร็จแล้วค่ะ” รวิษาตอบไม่เสียงสั่น “กลัวฉันหรือไง ปากสั่น หน้าซีดเชียว” เขาพูดไปด้วยก้าวเท้าไปหาเธอด้วย “ปะ...เปล่าค่ะ” เสียงของหญิงสาวก็ยังสั่นอยู่ ถอยหลังหนีร่างสูงใหญ่ หัวใจเริ่มสั่นเมื่อเห็นดวงตาของเขา “เปล่าแล้วทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นล่ะ แล้วเดินหนีฉันทำไม?” อัครายังสนุกที่ได้แกล้งริวษา “มิ้นขอตัวก่อนนะคะ จะไปทำงานอย่างอื่นต่อ” เธอหาทางเอาตัวรอดทันที เมื่อก่อนรวิษาไม่เคยกลัวที่จะอยู่ตามลำพังกับเขา ทว่าเวลานี้เป็นสิ่งที่เธอต้องการทำมากที่สุด รวิษาเบี่ยงเท้าไปทางด้านข้าง ตั้งใจจะนำพาตัวเองออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด ทว่าสิ่งที่เธอตั้งใจเป็นหมันเสียแล้ว “ว้าย...” เธออุทานเมื่อร่างของตนเองลอยเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอัครา “ปล่อยมิ้นค่ะ อย่าทำมิ้นมิ้นกลัวแล้วค่ะ” รวิษาพูดเสียงสั่นเครือ ทำหน้าทำตาเหมือนจะร้องไห้ “ฉันไม่ทำอะไรหรอกน่า ไม่ต้องกลัวหรอก” เจ้าของห้องยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง สีหน้าเขาเวลานี้เหมือนคนเจ้าเล่ห์ก็ไม่ปาน “ปล่อยมิ้นเถอะค่ะ นะคะคุณโอม” รวิษาขอร้องน้ำตาปริ่ม “ปล่อยก็ได้” คำพูดประโยคนี้ทำให้เธอยิ้ม “แต่มันต้องมีข้อแม้กันหน่อยนะ” รอยยิ้มของรวิษาหุบลงทันควัน “เอ่อ...ขะ...ข้อแลกเปลี่ยนอะไรคะ?” แต่ยังทำใจกล้าเอ่ยถาม “ให้ฉันจูบดีๆ ซักหนึ่งนาที” อัคราเอ่ยบอกข้อแม้ สาวในอ้อมกอดตกใจ ม่านตาขยายกว้างและเริ่มดิ้น เป็นการตอบเขาทางหนึ่ง “เลือกเอาระหว่างให้ฉันจูบดีๆ กับจับเธอปล้ำ” ประโยคนี้ทำให้ความตกใจจากเดิมเพิ่มมากขึ้น แล้วทำให้ตัวเลือกเด่นชัดในความรู้สึกของคนที่ต้องเลือก เวลานี้รวิษาอยากจะร้องไห้เป็นที่สุด ไม่คิดว่าตนเองจะถูกกดดันได้มากขนาดนี้ในสมองของรวิษามีเพียงข้อเลือกเดียวเท่านั้น...ใครเลือกข้อหลังก็บ้าแล้ว “ว่าไงล่ะ จะเลือกข้อไหน?” อัคราถามเร่ง เมื่อเห็นเธอเงียบ ตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา “ไม่เลือกได้มั้ยคะ คุณโอมปล่อยมิ้นเถอะค่ะ” หญิงสาวพยายามอ้อนวอนขอร้อง ดิ้นดุกดิกในอ้อมกอดแข็งแรง ยังไม่อยากปริปากตอบ เพราะหากการขอร้องได้ผล เธอก็จะได้ไม่ต้องเลือกข้อใดข้อหนึ่ง แล้วรวิษาหวังว่าเขาจะเมตตาเธอ... “ฉันปล่อยเธอแน่ แต่เธอต้องเลือกว่าจะให้ฉันจูบ หรือจะให้ฉันปล้ำ ถ้าเธอไม่เลือกฉันจะเลือกเอง...ฉันจะปล้ำเธอ” น้ำเสียงจริงจังของอัคราตอบกลับ “ฉันจะให้เวลาเธอแค่นับสาม ถ้าไม่ตอบฉันจะปล้ำเธอ หนึ่ง สอง...” คำว่าสามกำลังจะเปล่งออกไป ทว่าเสียงหวานปนสั่นดังขึ้นเสียก่อน “ขะ...ข้อแรกค่ะ” เธอก้มหน้างุดเวลาตอบ ดวงหน้าสาวแดงซ่านรวิษารู้สึกราวกับว่า ตนเองคล้ายคนจนตรอก ไม่มีทางเลือกเป็นของตัวเอง “พูดง่ายๆ อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย จะได้ไม่ต้องใช้กำลัง” เขาพูดราวกับคนได้รับชัยชนะ ใช้ปลายนิ้วไล้ไปมาบนกลีบปากสีชมพูอิ่มที่สั่นจากความกลัวปะปนกับความประหม่า รวิษาหลับตาแน่นยามที่เขาค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้ามา ช่วงวินาทีที่ลมหายใจร้อนๆ รินรดปลายจมูกสาวนั้น เธออยากจะเป็นลมมากที่สุด แต่ทว่าร่างกายมันไม่เป็นไปตามดังใจคิด ยืนนิ่งในอ้อมแขนของเขา วินาทีสำคัญเวียนมาถึงอีกครั้งหนึ่งแล้ว วินาทีที่เธอโดนจุมพิตจากชายที่ตนรัก ริมฝีปากหนามีเสน่ห์แนบลงบนเรียวปากของเธอเบาๆ ซ้ำๆ ไปมาสองสามครั้ง ราวกับว่าให้เธอเกิดความคุ้นเคย ลดความประหม่าที่มีอยู่มากลง แต่สำหรับรวิษาไม่ว่าเขาจะทำเช่นไร อาการดังกล่าวก็ไม่หมดไป “เผยอปากหน่อยสิ” เสียงของเขาเอ่ยบอกรวิษาแผ่วเบา ยังคงคลอเคลียปากสาวต่อไปรวิษากลัวว่าหากไม่ทำตามคำสั่ง เขาจะทำตามข้อหลัง เธอจึงแยกริมฝีปากของตนเองออกกว้าง อัคราแนบเรียวปากของตนลงบนปากสาวอย่างจริงๆ จังๆ บดเบียดไปมาชั่วครู่ ก็สอดปลายลิ้นเข้าไปในช่องปากสาว กระดกลิ้นทักทายลิ้นประหม่าของเธอ ก่อนจะพันเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นนุ่มแสนนุ่ม ฝ่ามือใหญ่เลื่อนมาจับตรงท้ายทอยของเธอ บังคับให้ใบหน้าสาวเชิดขึ้น เพื่อที่ตนจะได้จูบเธออย่างถนัดถนี่ ปลายลิ้นใหญ่ซอกซอนหาความหวานที่คุกรุ่นไปทั่วปากของรวิษา กวาดต้อนอย่างเพลิดเพลินราวกับว่าโหยหาริมฝีปากของสตรีมาเนิ่นนาน รสหวานจากโพรงปากนุ่มยังฉ่ำอยู่ในปากของเขา ความซาบซ่านที่ได้รับยังคงวนเวียนในร่างกาย ความปรารถนามากกว่าการจูบ เพิ่มระดับมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายและความรู้สึกของอัคราต้องการเธอมากเหลือเกิน แก่นกายชายตื่นตัวเต็มที่เพียงแค่เริ่มต้นด้วยจูบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้เวลาในการปลุกอัคราน้อยให้ตื่นตัวหลายนาทีกว่าจะขยายตัวโตเต็มวัย แต่เขาต้องตัดใจ...เก็บเปรี้ยวไว้กินหวาน “เธอไปได้แล้วมิ้น” เขาสั่งเสียงพร่าหลังจากที่ดึงริมฝีปากของตัวเองให้ออกห่างกลีบปากสาว คลายอ้อมแขนที่รัดรึงร่างอวบอิ่ม ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ รวิษากลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ เท้าเล็กๆ ก้าวเท้าวิ่งไปยังประตูห้อง รีบพาตัวเองออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด อัครามองตามร่างที่วิ่งพ้นประตูด้วยรอยยิ้มร้าย ยังนึกแปลกใจอยู่ว่า เหตุใดเขาจึงรู้สึกอยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับรวิษามากขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในสมอง ไม่รู้ว่าวันนั้นอะไรดลใจให้คิดและทำเช่นนั้น และวันนี้เขาต้องทำตามความคิดนั้นที่อยู่ในสมองให้ประสบความสำเร็จ “เธอไม่รอดมือฉันแน่มิ้น...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD