บทที่4

1481 Words
“น้าตรีให้เรย์ไปด้วยนะคะ! ให้เรย์ไปด้วยนะ!” จนเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว อินทุอรก็ไม่รีรอเลยที่จะขอติดตามอีกฝ่ายไปด้วย เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว นับวันบ้านที่เธออยู่ก็ยิ่งร้อนราวกับไฟสุมความสุขที่เคยมีมาตลอดก็ค่อยๆ ลดน้อยถดถอยลงไปเรื่อยๆ หากคนตรงหน้ามาทิ้งเธอไปอีกคน ชีวิตที่เหลือของเธอก็คงไร้ซึ่งความสุขอย่างไม่ต้องสงสัยเลย! “คุณเรย์!” “ถ้าน้าตรีไม่อยู่ แล้วใครจะคอยปลอบเรย์ละคะ ไม่เอานะ! ยังไงเรย์ไม่ให้น้าตรีไป!” เธอรักคนตรงหน้าไม่ต่างจากแม่แท้ๆ หากท่านทิ้งเธอไปตอนนี้ ชีวิตเธอจะเหลืออะไรไว้เป็นที่พึ่งทางใจได้อีก มีแม่...ก็รักแต่พี่ชาย มีพ่อก็เอาแต่หลงเมียใหม่กับลูกคนเล็กที่ใกล้จะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว หากคนตรงหน้านี้ทิ้งเธอไปอีก ชีวิตของเธอนับจากนี้ คงไม่หลงเหลือความสุขให้ได้สัมผัสอีก “หยุดเอาแต่ใจตัวเองสักที!” เป็นกล้าตะวันที่ตวาดขึ้นก่อนจะหันไปบอกมารดาด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป… ”แม่เข้าไปเก็บของต่อเถอะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง” จิตรีมีท่าทีลังเลอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ยอมหมุนตัวจากไป การกระทำนั้นเองที่มันทำให้อีกคนทนไม่ไหว “ไม่เอา! เรย์ไม่ให้น้าตรีไป ถ้าน้าตรีไปเรย์จะโกรธ! จะไม่รักน้าตรีแล้ว” คำกล่าวนั้นทำให้ใจคนฟังใจแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อกล้าตะวันตัดสินใจไปแล้วว่าจะไปจากที่นี่ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามนั้น ไม่มีใครเปลี่ยนใจลูกชายนางได้ สุดท้ายนางก็ได้แต่หวังว่าคุณหนูตัวน้อยจะเข้าใจในสักวัน ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมนางกับลูกจำเป็นต้องไปจากเธอไปจากที่นี่! “คุณกลับไปได้แล้ว!” เสียงเข้มของกล้าตะวันตวาดขึ้นอีกหน ก่อนที่เขาจะเบือนหน้าหนีทันทีที่คนปากร้ายตวัดสายตามาจ้องมองกันอย่างคาดโทษ “น้าตรีใจร้าย เรย์จะไม่รักน้าตรีอีกแล้ว! ไม่รักแล้ว!” สิ้นเสียงร่างเล็กก็พาตัวเองวิ่งออกไป โดยหารู้ไม่ว่าภาพนั้นตกอยู่ในสายตาของสองแม่ลูกตลอดเวลา โดยเฉพาะจิตรี ที่ทั้งรักและห่วงอีกฝ่ายมาก มากชนิดที่ว่านางนึกภาพไม่ออกเลยว่าอินทุอรจะมีชีวิตอยู่อย่างไรนับจากนี้ ทั้งหมดนี้เองที่มันกำลังทำให้นางรู้สึกเป็นห่วง “แม่ใจไม่ดีเลยกล้า...” ความเป็นกังวลนี้เองที่มันทำให้นางต้องหันไปสบตาลูกชายอีกครั้ง เผื่อว่าอีกฝ่ายนั้นจะเกิดเปลี่ยนใจ “เขาต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ต่อไปให้ได้ครับแม่ เราอยู่กับเขาไปทั้งชีวิตไม่ได้ แม่อย่าคิดมากเลยนะครับ” ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นางก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี ถึงอีกฝ่ายจะไม่ใช่ลูก แต่นางก็เลี้ยงมาเองกับมือ รักเสียยิ่งกว่าลูก อยู่ๆ จะให้ทิ้งไปแบบนี้ใครบ้างจะไม่ใจหาย จิตรีไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า แม่สามีที่ล่วงลับไปแล้วนั้นจะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือถึงขนาดนี้ จนกระทั่งเมื่อรถตู้คันหรูที่นั่งมาจอดสนิทลงที่บ้านไม้สักหลังใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในกลาง ‘ไร่ชวนชม’ ไร่ชาขนาดใหญ่ที่นับจากนี้ไป มันจะตกเป็นของกล้าตะวันลูกชายนาง ตามที่พินัยกรรมได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้นางเองก็เพิ่งจะรู้จากคำบอกเล่าของคนสนิทของท่าน ว่าคุณย่าของกล้าตะวันนั้นไม่ได้นิ่งดูดายต่อการมีอยู่ของครอบครัวนางเลยสักนิด ท่านสั่งให้คนติดตามดูนางกับครอบครัวอย่างลับๆ แม้แต่งานศพของสามี ก็ยังให้คนขับรถพาไปร่ำลาเขาด้วยตัวเอง แม้จะทำได้เพียงยืนร่ำไห้อยู่ห่างๆ เท่านั้น “ผมจัดการเรื่องโรงเรียนใหม่ให้แล้วครับ ส่วนเรื่องภายในไร่ ถ้าคุณกล้ายังไม่พร้อม…” “พร้อมครับ ถึงผมจะไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน แต่ก็จะพยายามให้เต็มที่” คำตอบนั้นทำให้ปรีชาถึงกลับลอบยิ้มภายในใจ ดูได้จากสายตาแน่วแน่ของคนตรงหน้าแล้ว เขากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่ากล้าตะวันคนนี้นี่แหละ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งภายในไร่ให้ดีขึ้น แม้ตัวจะเป็นเด็ก แต่ความคิดความอ่านนั้นเอาเรื่องมากทีเดียว “ถ้างั้นวันนี้เริ่มจากการเที่ยวชมไร่ก่อนก็แล้วกันนะครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะปล่อยให้ปรีชาเดินนำไปที่รถคันใหญ่ จากนั้นทั้งคู่ก็พากันหายเข้าไปในไร่ตลอดทั้งวันจนผู้เป็นแม่เริ่มเป็นห่วง กระทั่งเมื่อเห็นอีกฝ่าย กลับมาอย่างปลอดภัยในช่วงหัวค่ำถึงค่อยโล่งอก “เป็นยังไงบ้างลูก” ถามไปแล้วก็อดเป็นห่วงลูกชายไม่ได้ ด้วยรู้ดีทีเดียวว่างานไร่งานสวนไม่ใช่เรื่องง่าย และหลายๆ สิ่งที่กล้าตะวันกำลังจะได้รับต่อจากนี้นั้น ก็น่าจะถือเป็นงานหนักสำหรับลูกชายของนางมากทีเดียว “สนุกดีครับแม่ ทุกๆ คนก็ดีกับผมมากด้วย” คิดมาถึงตรงนี้ ใจเจ้ากรรมก็อดที่จะเปรียบเทียบกับอีกสถานที่ขึ้นมาไม่ได้ แม้เจ้าของที่นั่นจะเมตตาเขากับแม่อยู่มาก แต่ผู้คนรอบข้างนั้นกลับเป็นอีกแบบ และเพราะเหตุผลนี้เองมันเลยทำให้เขาตัดสินใจพาแม่มาที่นี่ มาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในสถานที่ที่เป็นของเขาอย่างแท้จริง! เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่านับจากนี้จะมีเรื่องยากๆ สักกี่เรื่องให้จัดการ แต่ในเมื่อเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ผู้เป็นย่าที่จากไปจะได้ไม่ผิดหวัง… ที่ตัดสินใจยกทุกสิ่งทุกอย่างให้เขา เป็นคนสานต่อแบบนี้ หลายปีต่อมา “เราหย่ากันเถอะค่ะคุณพี่! อย่าให้น้องกับลูกๆ ต้องมารับผลกรรมที่คุณพี่ก่อไว้เลยนะคะ!” นั่นคือประโยคเด็ดที่ทำให้คนฟังหูตาสว่างทันทีที่ได้ยิน สุดท้ายเมื่อไม่อาจรั้งภรรยากับลูกๆ เอาไว้ได้ ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ ก็เห็นแต่จะต้องปล่อยเธอไปตามที่ต้องการ เวลาเปลี่ยน ใจคนก็ย่อมเปลี่ยน ยามมั่งมี มองไปทางไหน ใครก็พร้อมอ้าแขนต้อนรับ ทว่าในยามที่ล้ม มองไปทางไหนก็มักจะเจอแต่ผู้คนที่พากันเบือนหน้าหนี ซึ่งเขาไม่โทษใครในเรื่องนี้ เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเขาเป็นคนผิด ผิดที่ไว้ใจคนง่าย ผิดที่คิดว่ากำไรจากหุ้นที่นำไปลงทุนกับเพื่อนสนิทนั้นจะงอกเงยขึ้นเป็นเท่าตัว ทว่าสุดท้ายเขากลับคิดผิด เพราะนอกจากชีวิตจะไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่ใจหวังจะให้เป็นไปแล้วนั้น เขายังสิ้นเนื้อประดาตัว จนกลายเป็นบุคคลที่กำลังจะถูกฟ้องร้องให้ล้มละลาย บ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่ อีกไม่นานก็คงถูกยึด! ไหนจะภรรยาสาว ที่เพิ่งจะเอ่ยปากคำว่า ‘หย่า’ ออกมาให้ได้ยินนั่นอีก ยอมรับว่านาทีแรกเขาตกใจ ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะค่อยๆ หายไป แปรเปลี่ยนเป็นความชินชาที่แทรกกายเข้ามาแทนที่ “ถ้าคุณคิดเรื่องนี้มาดีแล้ว ผมก็ตามใจคุณ..ส่วนลูกๆ ผมพอมีเงินสดซ่อนอยู่บ้าง ผมจะยกให้คุณทั้งหมด” อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรนอกจากจ้องมองกันด้วยสายตาเหยียดหยาม เพราะรู้ดีว่าไอ้เงินสดที่ว่านั่นจะสักเท่าไหร่กันเชียว มันคงไม่ได้มากพอที่จะเลี้ยงดูนางกับลูกไปตลอดทั้งชีวิตได้หรอก เพราะอย่างนั้นการหนีเอาตัวรอดในช่วงเวลาที่ยังทำแบบนั้นได้อยู่ก็น่าจะถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว “ถ้าอย่างนั้นน้องลาเลยก็แล้วกันนะคะ ไว้คุณพี่พร้อมเมื่อไหร่ ก็ให้คนโทรไปบอกก็แล้วกัน!” ผู้เป็นภรรยาว่า ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปยังคอนโด ที่นางกับลูกๆ เพิ่งจะพากันย้ายเข้าไปอยู่ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองที่อาจจะติดสอยห้อยตามสามีไปด้วย จากเจ้าหนี้รอบด้านของเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD