“เป็นยังไง ได้เจอน้องรึเปล่า!”
ไม่ผิดไปจากที่คิดไว้เท่าไหร่นัก เมื่อแม่ของเขาจะรีบปรี่เข้ามาถามหาคนที่ท่านเฝ้าแต่คิดถึง และรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยตลอดหลายปีที่ผ่านมาเป็นอย่างแรกทันทีที่พบหน้าไม่สนกระทั่งว่าสภาพของเขาในตอนนี้นั้น มันจะดูย่ำแย่สักแค่ไหน
“เจอครับ”
“น้องเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม” หากให้พูดตามที่เห็น ก็ต้องยอมรับว่ายัยเด็กแสบนั่นโตขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันค่อนข้างมาก ซ้ำยังเป็นคนสวยชวนมอง จึงไม่แปลกเลยที่จะมีผู้ชายหลายต่อหลายคน พยายามทำทุกทางเพื่อให้เธอไปเป็นเมีย
“ยังแสบเหมือนเดิมครับ” พูดมาถึงตรงนี้แผลที่ถูกกัดก็เริ่มเจ็บขึ้นมาหน่อยๆ มันทำให้เขาได้แต่คาดโทษแม่ตัวดีอยู่ภายในใจ ต่างจากมารดาที่ได้แต่ยิ้มรับต่อคำตอบที่ได้ยิน ไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไรเด็กน้อยที่นางรักและเอ็นดูไม่ต่างอะไรกับลูกแท้ๆ ของตัวเอง กลับกันพอได้ยินแบบนี้แล้วก็ชักอยากจะเห็นหน้าอีกสักครั้ง แต่ไม่ว่านางจะพูดยังไงนั้น ลูกชายก็ไม่ยอมพาไปเจออินทุอรท่าเดียว กล้าตะวันให้เหตุผลว่าเขาไม่อยากให้นางกลับไปอยู่จุดเดิม
“แม่ได้ยินคนเขาพูดกัน เรื่องน้องกับพ่อเลี้ยงพันแสง เราพอจะช่วยอะไรน้องได้บ้างไหมกล้า” บอกตามตรงว่านางค่อนข้างเป็นกังวลเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ แม้จะอยู่กันคนละจังหวัด แต่ชื่อเสียๆ ของพ่อเลี้ยงพันแสงนั้นกลับโด่งดังมาไกลถึงที่นี่ ยิ่งรู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังต้องการสิ่งใด นางก็ยิ่งห่วง
“มันไม่ใช่เรื่องของเรา ผมไม่อยาก...”
“อย่าพูดแบบนี้นะกล้า หรือลืมไปหมดแล้วว่าใครคือคนที่ให้โอกาสเราสองแม่ลูกได้มีที่ซุกหัวนอน!” ลองไม่มีบุคคลที่เพิ่งจะถูกกล่าวถึง นางกับลูกคงไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก คงต้องร่อนเร่ไปเรื่อยๆ อย่างคนไม่มีจุดหมาย เพราะอย่างนั้นนางถึงได้พร่ำสอนลูกเสมอว่าไม่ให้ลืมสิ่งที่ได้มา และควรตอบแทนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
“ผมไม่เคยลืมครับแม่ แต่ผม...” พูดถึงตรงนี้กล้าตะวันก็ถึงกลับเงียบไปนาน ในหัวเฝ้าแต่ถามตัวเอง ว่าเขาสมควรจัดการกับปัญหาตรงหน้านี้ยังไงดี
ยอมรับว่าสมองมันกำลังตีกันวุ่นวายไปหมด ใจหนึ่งเขาเองก็อยากยื่นมือเข้าไปช่วย แต่อีกใจก็ไม่อยากพาตัวเองเข้าไปยุ่ง ด้วยรู้ดีว่าจะเกิดขึ้นอะไรหากยื่นมือเข้าไปแส่ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ลำพังแค่ตัวเขาเองไม่เท่าไหร่หรอก
แต่คนข้างกายของเขานี่สิที่น่าเป็นห่วง แต่ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเลือกทางไหนนั้น สิ่งที่จะตามมามันก็น่าปวดหัวพอกันอยู่ดี!
“จากผลการตรวจร่างกายครั้งล่าสุด หมอบอกว่าฉันคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ห่วงเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ของฉัน เห็นจะหนีไม่พ้นยัยเรย์ กลัวเหลือเกินว่าแกจะถูกไอ้พันแสงส่งคนมาฉุดไปทำมิดีมิร้ายเข้าสักวัน ไอ้ครั้นจะให้ส่งไปอยู่กับแม่… ฝ่ายนั้นก็คงไม่พ้นพาไปเร่ขายให้คนต้องชังน้ำหน้า” อีกฝ่ายหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่ออีกครั้งเมื่อตัดสินใจดีแล้วว่าคงจะมีแค่คนตรงหน้านี้เท่านั้น ที่จะดูแลแก้วตาดวงใจของตนได้…
”ถ้าไม่เหลือบากกว่าแรงจนเกินไป ฉันก็อยากขอร้องให้เธอ ช่วยพายัยเรย์ไปจากที่นี่ทีได้ไหม” นั่นคือคำขอร้องที่ดังขึ้นจากปากของผู้มีพระคุณ ที่ตอนนี้ดูทรุดโทรมลงไปมาก
แน่นอนว่ามันทำให้เขาตกใจ ก่อนจะเงียบไปนาน เพราะไม่คิดไม่ฝันมาก่อน ว่าท่านจะกล้าเอ่ยปากขอร้องกันซึ่งๆ หน้า อีกทั้งยังเป็นคำขอร้องที่ไม่คาดคิดว่ามันจะหลุดออกมาจากปาก ของคนที่หวงลูกสาวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด
“ผม…”
“นายยังไม่ต้องตอบฉันตอนนี้ก็ได้ เอากลับไปคิดดูก่อน และไม่ว่าสุดท้ายคำตอบของนายจะเป็นยังไง ฉันก็ยินดีที่จะเคารพทุกการตัดสินใจของนาย ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องถือว่าทั้งหมดนี้คือบุญคุณที่ต้องทดแทน ฉันแค่ขอร้องในฐานะพ่อคนหนึ่งก็เท่านั้น ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่พาเรื่องลำบากมาให้นายแบบนี้…” พ่อที่แม้จะไม่ได้ทำหน้าที่พ่อให้ดี แต่ในวาระสุดท้ายของชีวิต เขาก็ยังคาดหวังอยากจะทำทุกอย่างให้ลูกปลอดภัย แต่ลำพังตัวเขาเองคนเดียวคงทำไม่ได้
เพราะ ‘เวลา’ ของคนเรานั้น
บางครั้งบางทีก็ไม่ได้มีมากอย่างที่คิด หากว่านี่เป็นโอกาสสุดท้าย เขาก็อยากฝากดวงใจน้อยๆ ของตัวเองเอาไว้ในมือของคนที่ไว้ใจได้ที่สุด ซึ่งก็คือคนตรงหน้าคนนี้
คนที่น่าจะดูแล
และปกป้องลูกสาวของเขาได้ดีกว่าใครๆ
อินทุอรใช้เวลานานร่วมเดือนสำหรับจัดการกับปัญหา ก่อนที่สองพ่อลูกจะพากันย้ายออกมาเช่าบ้านหลังเล็กๆ อยู่ด้วยกันตามลำพัง เพราะทั้งบ้านและฟาร์มถูกพ่อเลี้ยงพันแสงยึดไปตามข้อตกลงที่มีไว้ในสัญญากู้ยืม
ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะพ่อของเธอนำโฉนดที่ดินไปจำนองกับเขา และเมื่อไม่มีเงินไปชดใช้ให้ เรื่องทั้งหมดเลยต้องลงเอยอย่างที่เห็น แต่ก็ยังดีกว่าให้เธอยอมไปเป็นเมียน้อยของผู้ชายคนนั้น นั่นต่างหากคือสิ่งที่เธอจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้น
“พ่อขา เรย์กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานของคนที่เพิ่งจะกลับมาจากที่ทำงานที่ดังขึ้น ทำให้คนสองคนที่กำลังดังคุยกันอยู่ต้องหันกลับไปมอง ก่อนที่ใบหน้าที่เต็มไปรอยยิ้มของอินทุอรจะชะงัก เมื่อพบว่าตอนนี้พ่อของเธอไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่มีอีกคนนั่งอยู่ข้างๆ ด้วย
“แกมาทำอะไรที่นี่!”