บทที่ 2/3

1499 Words
บทที่ 2/3 หวังเหม่ยหลินเบิกตากว้างมองแจกันที่ตกกระทบพื้นแตกกระจายเบื้องหน้าด้วยความตกใจ แม้รู้ว่ายามนี้ผู้เป็นเจ้าของเรือนเล็กนี้จะอยู่ในระยะที่อารมณ์ไม่คงที่ แต่การกระทำเช่นนี้ออกจะรุนแรงไปหรือไม่ เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ ตัวเขาก็พบว่าข้าวของใกล้ตัวเขาล้วนถูกทำลายไปจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ขนาดเดินไม่ได้ยังฤทธิ์เยอะเพียงนี้ อ่า... คุณชายซ่งท่านนี่ช่าง... “ฉีเอ๋อร์ ให้คนมาช่วยข้าเก็บของหน่อย” ซ่งรุ่ยหยางขมวดคิ้มเข้มตวัดสายตาดุดันขุ่นเคืองมองสาวใช้ตรงหน้าด้วยความสงสัย อาการนิ่งสงบอีกทั้งแววตาไร้ความหวาดกลัว ท่าทางเช่นนี้นางย่อมไม่ใช้สาวใช้ธรรมดาในเรือน ยิ่งพินิจดูผิวพรรณใบหน้าแล้วยิ่งทำให้ในใจของเขารู้สึกเย้ยหยันขึ้นมา อนุเซียว นี่เป็นหลานสาวคนใหม่ของเจ้าหรือ... ครั้งนี้ถึงกลับยอมปลอมตัวเป็นสาวใช้ หึ! ไร้ยางอาย ไม่รู้จักจำ ตั้งแต่เขาบาดเจ็บกลับมา อนุของบิดาก็ส่งหลานสาวของตนมาปรนนิบัติดูแลเขาขาดสาย หึ! สตรีพวกนั้น เบื้องหน้าพูดจาอ่อนหวานกิริยาสุภาพ แต่ยามลับหลังสายตากลับมองเขาด้วยความดูแคลน แน่นอนว่าจุดประสงค์ของพวกนางเขาล้วนกระจ่างในใจ ดังนั้นที่ผ่านมาเขาจึงแผลงฤทธิ์ใส่ไปไม่น้อยจนพวกนางล่าถอยไปเอง เช่นนั้นมาดูกันว่าหลานสาวคนใหม่ของอนุเซียวผู้นี้จะทนได้สักกี่วันกัน “เจ้าเป็นใครกล้าดีอย่างไรมาออกคำสั่งในเรือนข้า” “คารวะคุณชาย ข้าน้อยแซ่หู หูหลินเอ๋อร์ เจ้าค่ะ” หูหลินเอ๋อร์ คุณหนูท่านมาเป็นพี่น้องกับข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หูฉีเอ๋อร์ร่ำไห้ในใจ เรื่องในวันนี้หากฮูหยินหวังรู้เข้าเกรงว่าแผ่นหลังของนางคงไม่พอให้ลงทัณฑ์ “หึ! เป็นอนุเซียวส่งเจ้ามาใช่หรือไม่” “เจ้าค่ะ ต่อไปในยามกลางวันข้าจะเข้ามาปรนนิบัติดูแลคุณชายเจ้าค่ะ” “ปรนนิบัติ สาวงามเช่นเจ้าจะปรนนิบัติบุรุษพิการเช่นข้าอย่างนั้นรึ” หวังเหม่ยหลินเงยหน้าขึ้นสบแววตาของบุรุษที่นั่งอยู่บนเตียงกว้าง แววตาเย้ยหยันดูแคลนที่ส่งมานั้นหากเป็นผู้อื่นได้รับคงรู้สึกขุ่นเคืองในใจไม่น้อย แต่กลับหวังเหม่ยหลินนางกลับวางเฉย อีกทั้งยังถอนหายใจยาวพร้อมหันไปสั่งงานหูฉีเอ๋อร์ “เสร็จแล้วไปสั่งคนครัวต้มน้ำข้าวมาสักถ้วย” ซ่งรุ่ยหยางขบกรามแน่น สตรีนางนี้เป็นใครกล้าดีอย่างไรวางท่าใหญ่โตสั่งการคนในเรือนของเขา หวังเหม่ยหลินหันมาสบแววตาขุ่นเคืองของคนบนเตียงแล้วแสร้งมองผ่าน ก่อนจะเดินไปรอบๆ เรือนเล็กหยิบเครื่องเคลือบในเรือนมากองบนโต๊ะกลางห้อง “ผู้ใดบอกว่าข้าจะกินข้าว” หวังเหม่ยหลินหันมายิ้มอ่อนโยน หยิบเก้าอี้กลมตัวหนึ่งมานั่งใกล้ๆ เขา แน่นอนว่านางย่อมเว้นระยะห่างให้เขาไม่อาจเอื้อมถึง ในยามนี้นางยังไม่รู้จักเขาดีพอหากเขาเกิดอาละวาดคิดบีบคอนางขึ้นมาแม้เป็นคนเจ็บแต่ก็เป็นบุรุษ ตัวนางเป็นเพียงสตรีย่อมไม่อาจสู้ไหว “คุณชาย ท่านสงบอารมณ์ลงสักหน่อย แล้วคุยกันก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “บุรุษพิการเช่นข้าไม่มีสิ่งใดจะคุยกับเจ้า ออกไป!” ซ่งรุ่ยหยางเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะตวาดไล่พร้อมหยิบหมอนบนเตียงปาใส่สตรีน่าโมโหตรงหน้า หวังเหม่ยหลินถอนหายใจยาวรับหมอนและผ้าห่มที่อีกฝ่ายปามาแล้วพับไปวางที่ตั่งริมหน้าต่าง ก่อนเดินมานั่งที่เดิมอีกครั้ง “ยามนี้พูดคุยกันได้แล้วหรือยังเจ้าคะ” “เจ้า! ออกไป! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า” ซ่งรุ่ยหยางขบกรามแน่นตวาดออกมาอีกครั้งก่อนที่จะไอชุดใหญ่ ประตูหน้าห้องพลันเปิดออกพร้อมกับบุรุษร่างสูงโปร่งในชุดรัดกุม หวังเหม่ยหลินมองเห็นบุรุษผู้มาใหม่เดินไปหยิบกาน้ำชายกขึ้นรินน้ำชาแล้วพุ่งตรงเข้ามาก็หันไปเอ่ยเสียงเข้ม “หยุด!” เฉินจื่อรั่วชะงักเท้ามองคุณหนูสกุลหวังด้วยสายตาขุ่นเคือง เขาเป็นคนของคุณชายซ่ง แม้นางเป็นคู่หมายของคุณชายแต่ยามนี้ก็ยังไม่ได้ตบแต่งเข้ามา เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจฟังคำสั่งของนาง “หากอยากให้เขาอาละวาดปาถ้วยชาก็ตามใจ” เฉินจื่อรั่วพลันชะงักเท้า มือที่ถือถ้วยชาพลันแข็งค้าง มองไปยังซ่งรุ่ยหยางที่ยามนี้ส่งสายตาราวกับจะสังหารคนมายังสตรีตรงหน้า “คุณชาย เรามาทำข้อตกลงกันดีหรือไม่” “ออกไป! จื่อรั่วลากนางออกไปให้พ้นหน้าข้า” ซ่งรุ่ยหยางเอ่ยตะคอกสุดแรงแต่ทว่าน้ำเสียงที่ออกมากลับอ่อนแรง อีกทั้งยังไออีกชุดใหญ่ ท่าทางอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้แน่นอนว่าย่อมเกิดจากการขาดอาหาร หวังเหม่ยหลินถอนหายใจยาว ประเมินเบื้องต้นแล้วอาการของซ่งรุ่ยหยางคงไม่อาจรั้งรอให้นานกว่านี้ได้ เช่นนั้นวิธีการสร้างความไว้วางใจเพื่อก่อเกิดความเชื่อใจ เชื่อมั่น จนยินยอมรับการรักษาคงใช้ไม่ได้เสียแล้ว ไม้อ่อนไม่ทันการณ์ก็ใช้ไม้แข็งก็แล้วกัน หูฉีเอ๋อร์เดินเข้ามาพร้อมถาดอาหาร หวังเหม่ยหลินมองไปที่ถาดอาหารในมือสาวใช้แล้วรับมายื่นไปทางเตียงของซ่งรุ่ยหยาง “ไม่ต้องให้คนมาลากข้า ท่านเพียงดื่มน้ำข้าวถ้วยนี้ให้หมดก็พอ” ซ่งรุ่ยหยางขบกรามแน่น สองมือผอมแห้งกำผ้าปูเตียงจนสุดแรง เพียงแต่คนเราต้องรู้จักประมาณกำลังตน ในเมื่อมีวิธีขับไล่ที่ไม่ต้องเปลืองแรงก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่รับไว้ “ส่งมา” หวังเหม่ยหลินส่งถ้วยข้าวไปให้เฉินจื่อรั่ว สายตาจดจ้องในทุกการเคลื่อนไหวของคนเจ็บ มือบางกำชายกระโปรงของตน ปลายเท้าวางในตำแหน่งพร้อมถอยหนีหากอีกฝ่ายคิดปาถ้วยข้าวในมือใส่นาง “ก็แค่น้ำข้าวถ้วยเดียว” ซ่งรุ่ยหยางเอ่ยจบก็ยกน้ำชามข้าวในมือขึ้นดื่มยามที่กลืนลงท้องจนหมดก็คว่ำชามให้สตรีน่าตายตรงหน้าดู หวังเหม่ยหลินยิ้มหวานลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วย่อตัวเล็กน้อยเป็นการคำนับลาเขา เฉินจื่อรั่วประคองคุณชายของตนลงนอนพัก อีกทั้งไม่ลืมไปหยิบหมอนและผ้าห่มมาให้คุณชายของตนก่อนที่จะออกมานอกเรือน เพียงแต่ยามที่ออกมาด้านนอกกลับพบคุณหนูสกุลหวังนั่งรออยู่ที่ใต้ร่มไม้หน้าเรือน “คุณหนูสาม” หูฉีเอ๋อร์ประคองนายหญิงของตนลุกขึ้น หวังเหม่ยหลินยิ้มอ่อนโยนให้คนของคุณชายขี้โมโหแล้วก้มศีรษะเล็กน้อย “ขอบใจเจ้ามากที่ไม่เอ่ยบอกเรื่องของข้า” “ข้าน้อยเป็นคนของคุณชาย หากวันหน้าคุณชายเอ่ยถามย่อมไม่ปิดบัง” “เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า เพียงแต่ที่ข้ามารอเจ้าไม่ใช่เพื่อขอบใจ” เฉินจื่อรั่วขมวดคิ้วส่งสายตาเป็นคำถามไปให้อีกฝ่าย หวังเหม่ยหลินเบนสายตาไปยังเรือนเล็ก ในใจนึกถึงคนป่วยเจ้าอารมณ์แล้วถอนหายใจยาว “ในเรือนไม่ควรมีสิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตรายทั้งกับตัวคุณชายของเจ้าและผู้อื่น” หวังเหม่ยหลินเอ่ยเสียงราบเรียบกับเฉินจื่อรั่ว ผู้เป็นบ่าวติดตามพลันนึกถึงกองข้าวของมากมายที่กลางห้อง “ข้าทราบแล้ว ขอบคุณคุณหนูที่ห่วงใย” หวังเหม่ยหลินพยักหน้ารับ ท่าทางขอบคุณอย่างจริงใจที่อีกฝ่ายกระทำนั้นทำให้ในใจของนางคลายความกังวลลงได้ส่วนหนึ่ง “ในเรือนอุดอู้เกินไปว่างๆ เจ้าก็เปิดประตูหน้าต่างบ้าง อ่อ... หากคืนนี้คุณชายไม่มีอาการปวดท้อง พรุ่งนี้มื้อเช้าให้ต้มโจ๊กมาให้คุณชาย” ดูจากร่างกายที่ผอมแห้ง ผิวพรรณที่หยาบกร้านแล้ว เขาคงไม่ได้กินอาหารในปริมาณที่เหมาะสม หรือบางทีอาจไม่ได้กินอะไรเลยมาหลายวันแล้ว ดังนั้นวันนี้นางจึงเริ่มจากอาหารเหลวและพรุ่งนี้ค่อยปรับเป็นอาหารอ่อน เพื่อให้ร่างกายเขาปรับตัวและไม่เกิดอาการปวดท้องในภายหลัง “แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่” กล่าวจบคุณหนูสกุลหวังก็จากไปเฉินจื่อรั่วพลันเบิกตากว้าง พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ คุณหนูสามท่านยังยั่วโมโหคุณชายไม่พออีกหรือ .................................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD