บทที่ 7

1260 Words
ทางด้านลูคัส เขาเริ่มร้อนรนใจ เพราะในเวลานี้ใกล้มืดค่ำเต็มที ไม่รู้ว่าคุณยายจะเป็นตายร้ายดียังไง ครั้นจะกลับไปรอที่บ้านก็ไม่ได้ เขาจึงสั่งให้มาลิคนำลูกน้องมาช่วยค้นหา แต่ไม่สามารถทำได้เต็มที่ เพราะกลัวมังกรจะสงสัย ในเวลานี้ครูซได้เดินทางกลับบ้าน เพราะเขาเชื่อว่าผู้เป็นย่า จะต้องกลับมาหลังจากที่นางพอใจ หลังเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศนอกบ้าน นานแค่ไหนแล้วที่คุณนายเรไรไม่ได้ออกไปข้างนอก บางครั้งทรัพย์สินเงินทองก็ไม่ไดช่วยอะไร ถ้าหากชีวิตต้องอยู่ในคฤหาสน์ที่ไร้สีสัน นั่นคือเหตุผลที่ครูซเบื่อ เขาไม่ชอบนายแพทย์อย่างลูคัส ที่มักจะเคร่งครัดจริงจังกับชีวิตในทุกเรื่องจนเกินไป หลังจากหลบไปใช้ความคิด เพื่อตรึกตรองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ แก้วกานดาได้ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน พลางนึกถึงงานที่เหมันต์เสนอให้มานามบัตร เธอคงต้องทำตัวให้ชินกับสถานที่เสียงดังแบบนั้น แต่เรื่องใหญ่กว่างานในผับ คือหญิงสาวไม่รูว่าจะบอกมารดายังไงดี กนกคงไม่ยอมให้ทำงานเสี่ยงอันตรายเช่นนี้แน่ “ใครกัน มานั่งอยู่ในบ้าน เวลาพลบค่ำแบบนี้” หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ แต่ก็ดูสะอาดสะอ้าน “มาพบใครคะ” เพียงแค่ได้ยินเสียงหวานของแก้วกานดา คุณนายเรไรค่อยๆ หันไปทางต้นเสียง พร้อมกับดวงตาลุกวาว เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ “ประกายแก้ว! แม่ประกายแก้วจริงๆ ด้วย หนูแก้วลูกสะใภ้ของฉัน” หญิงสูงวัยลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปโน้มแก้วกานดาเข้ามาสวมกอดเอาไว้ หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก เธอเอาแต่ยืนนิ่งยอมให้คุณนายเรไรกอดอยู่อย่างนั้น ซึ่งในเวลานี้น้ำตาของนางได้ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว จนแก้วกานดารู้สึกสงสารจับใจ “ดะ ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะคุณยายขา... หนูชื่อแก้วกานดา ไม่ใช่ประกายแก้ว คุณยายกำลังจำคนผิดหรือเปล่าคะ” เมื่อเห็นว่าหญิงสูงวัยเริ่มร่ำไห้ออกมา จนนางสะอึกสะอื้น แก้วกานดารีบอธิบายตัวตนของเธอออกมาทันที เพราะไม่อยากให้นางเข้าใจผิดมากไปกว่านี้ “ฉันจะจำผิดได้ยังไง ก็หนูแก้วคือผู้หญิงที่ฉันเลือกเอาไว้ หมายมั่นปั้นมือให้มาเป็นสะใภ้ ไลอ้อนยังเคยบอกเลยว่า ฉันตาแหลมที่เลือกประกายแก้วมาเป็นภรรยาของเขา” “คุณยายนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวแก้วเอาของไปเก็บก่อนแล้วจะมาคุยด้วย” “ได้สิ อย่าไปนานนะ” “ไม่นานหรอกค่ะคุณยาย ห้องนอนของแก้วอยู่ใกล้ๆ นี้เอง” แก้วกานดาส่งยิ้มบางๆ ให้กับหญิงสูงวัย จากนั้นเธอจึงได้เอาเอกสารสมัครงานไปเก็บ พลางนึกถึงคำพูดของหญิงสูงวัย ก่อนจะเดินเข้าไปหากนกในครัว “แม่ค่ะ” “อ้าว! กลับมาแล้วเหรอลูก ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวจะได้หายเหนื่อย แล้วค่อยลงมากินข้าวกินปลากัน แม่ทำมื้อเย็นจวนจะเสร็จแล้ว” กนกหันไปส่งยิ้มให้กับลูกสาว ทั้งที่นางเองก็เพิ่งกลับจากทำงานเช่นกัน แต่ก็ไม่บ่นเหนื่อยสักคำ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวแก้วช่วย” “เป็นไงบ้าง พอจะมีที่ไหนโชคดี มองเห็นเพชรน้ำงามในตัวลูกสาวคนนี้ของแม่บ้างหรือเปล่า แก้วทั้งสวยทั้งเก่ง ถ้าไม่มีที่ไหนต้องการ นั่นก็แสดงว่าพวกเขากำลังพลาด ที่ไม่รู้ว่าแก้วมีความรู้ความสามารถมากแค่ไหน” “เรื่องงานเอาไว้ทานข้าวเสร็จค่อยคุยกันนะคะแม่ ว่าแต่คุณยายที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก ใครกันคะแม่” หญิงสาวพูดพลางหยิบจานขึ้นมา เพื่อเตรียมตักข้าว ซึ่งแก้วกานดาคิดว่ายังไงหญิงสูงวัยก็คงรับประทานมื้อเย็นกับพวกเธอ “อ๋อ... คุณยายพลัดหลงกับหลานชายของเขาที่ตลาด ทานมื้อเย็นเสร็จแก้วกับกิ่งพาคุณยายไปส่งที่บ้านให้แม่ทีนะลูก” กนกพูดพลางยกอาหารออกไปวางบนโต๊ะ ขณะที่แก้วกานดามองตามหลังมารดาออกไปด้วยความแปลกใจ “มาแล้วค่ะหมั่นโถวของคุณยาย” “กิ่งมาพอดีเลย พาคุณยายายมานั่งเลยลูก” “ไปทานข้าวกันค่ะคุณยาย วันนี้กิ่งเกือบมีเรื่องกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ เขาช่างนิสัยเสีย มารยาททราม รวมๆ แล้วมีดีแค่หน้าตา” พอหยิบหมั่นโถวใส่จาน กิ่งฉัตรก็มีท่าทีหน้าบูดหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ “ยัยกิ่งพูดอะไรออกมาเกรงใจคุณยายบ้างสิ” “ไม่เป็นไรหรอก บ้านหลังนี้ครึกครื้นดีฉันชอบ ว่าแต่หนูแก้วยังชอบกินฉู่ฉี่ปลาทูอยู่อีกหรือเปล่า” “คุณยายรู้ได้ยังไงคะว่าแก้วชอบทานฉู่ฉี่ปลาทู” คราวนี้แก้วกานดาถึงกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่หญิงสูงวัยพูดออกมา นอกจากชื่อของเธอจะคล้ายกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะนิสัยใจคอ ที่มักมองโลกในแง่ดี หรือแม้แต่อาหารการกิน “ทำไมฉันจะไม่รู้ หนูแก้วอย่าลืมสิ ฉันเป็นใคร นี่คุณนายเรไรผู้กว้างขวาง ที่สำคัญฉันหมายมั่นปั้นมือให้หนูประกายแก้วมาเป็นสะใภ้ จนกระทั่งเวลาผ่านไป ฉันก็ยังไม่เคยลืม” พอพูดมาถึงประโยคนี้ ทำเอาหญิงสูงวัยจุกอยู่ในอก เพราะหลายสิบปีมานี้นางอยู่อย่างอ้างว้าง หลังจากที่ไลอ้อนกลับไปง้อภรรยาของเขา แต่ทว่าทั้งคู่ได้ลาลับไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่พอเจอแก้วกานดานางกลับคิดว่าเธอคือประกายแก้ว “ประกายแก้ว ชื่อคุ้นๆ” กนกรู้สึกว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน พอนึกขึ้นได้ ทำให้หญิงหญิงวัยกลางคนถึงกับยกมือขึ้นมาป้องปาก แต่เธอก็ไม่อยากทำตัวให้ดูมีพิรุธ “คุณยายทานข้าวดีกว่าค่ะ วันนี้ดิฉันทำเมนูง่ายๆ คุณยายทานได้ไหมคะ” กนกทำเป็นไม่สนใจว่าใครคือประกายแก้ว ทั้งที่ภายในใจอยากเห็นภาพถ่าย เพื่อยืนยันว่าใช่คนเดียวกันกับที่เธอสงสัยไว้หรือเปล่า “กินได้สิ ฉันขอทานข้าวก่อนนะ เดี๋ยวค่อยกินหมั่นโถว” “ห่อไปกินที่บ้านก็ได้นะคะคุณยาย” แก้วกานดารู้สึกชอบที่คุณยายเป็นคนคุยสนุกและเป็นกันเอง “ก็ดีเหมือนกัน” หญิงสูงวัยรู้สึกชอบใจในรสชาติอาหารคาวหวาน แม้แต่ขนมไทย คุณนายเรไรยังขอห่อกลับบ้าน เพื่อเอาไปฝากหลานชาย “กิ่งออกไปดูซิ ใช่รถแท็กซี่ที่โทรเรียกหรือเปล่า” “เดี๋ยวแก้วไปดูเองค่ะแม่” พอแก้วกานดาเดินออกไป กนกเริ่มทนไม่ไหว เมื่อนางรู้สึกค้างคาใจ ในชื่อของประกายแก้ว “หลานชายคงชอบหมั่นโถวที่คุณยายเอาไปฝากนะคะ” “ลูคัสคงไม่กิน แต่ครูซไม่แน่ เพราะหลานชายของฉันคนนี้ ชอบเอาใจคุณย่าเป็นที่หนึ่ง” “ครูซ ชื่อเพราะจังเลยนะคะ” กนกไม่คิดว่าโลกจะกลม เมื่อเบื้องบนส่งคนที่เคยเกี่ยวข้องกับประกายแก้วเข้ามาวนเวียนในชีวิตของแก้วกานดา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD