‘ไอ้แก่’ สกูปปี้ไอคันเก่าเพื่อนยากของวริศรา พาเจ้าของขับตามมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่สตาร์ทโดยรีโมต ไม่ใช่ใช้กุญแจบิดเหมือนรุ่นเก่าทึนทึกของหล่อน จากถนนเส้นหน้าโรงงานแปรรูปนมวัวมาถึงบ้านไม้สองชั้นหลังเก่าบ้านเกิดของวริศรา สาวโรงงานวัย 19 ปีอมยิ้มมาตลอดทาง ดีใจที่เพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายมาช่วยสตาร์ทรถแถมยังใจดีขับมาส่งถึงบ้านเพราะเป็นห่วงความปลอดภัย วริศราเข้างานกะเช้า 08.00-17.00 น. ไม่ได้ทำโอทีเพราะแม่ส่งข้อความมาบอกให้กลับบ้านมากินข้าวเย็นร่วมกับชีวินทร์ ที่พาแฟนสาวมาบ้านครั้งแรก เสียเวลากินชาไข่มุกคุยเล่นกับเพื่อนจนเกือบพลบค่ำแล้วรถยังมาเสียอีก แต่จะว่าไปแล้ว รถเสียก็ถือเป็นข้อดีที่ทำให้มีข้ออ้างขอความเห็นใจจากเพื่อน
“ว่างวันไหนเอารถไปเช็กด้วยล่ะ พังขึ้นมาอีกจะอันตราย ทางเส้นนั้นยิ่งไม่ค่อยดี พวกเสพยาก็เยอะ หนึ่งเป็นห่วง” เขาไม่ดับเครื่องยนต์ นั่งคร่อมบนเบาะขณะพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย
“อืม รอวันหยุดวาจะเอารถไปให้ร้านซ่อมช่วยดู มันเกเรบ่อย วาอยากซื้อใหม่ แต่ก็ไม่ค่อยมีเงิน ใช้ขับแค่พอทำงานได้ไปก่อน ขอบใจหนึ่งมากนะที่มาส่ง ถ้าไม่ได้หนึ่งวาต้องแย่แน่เลย”
เขาใจดีกับวริศราเสมอ เป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว คอยเป็นห่วงเป็นใย มารับมาส่ง แค่วริศราส่งไลน์ไปบ่นว่ารถเสีย ไม่ได้คาดหวังให้เขามาหาเพราะเข้าใจว่าเขาอยู่กรุงเทพฯ หนึ่งกลับบอกให้ส่งโลเกชั่นจากนั้นก็มาโผล่อยู่ตรงหน้า รู้จากการบอกเล่าว่าเขากลับมาตั้งแต่วันศุกร์เพราะตรงกับวันหยุด วริศราเสียดายที่รู้ช้าไป เพราะพรุ่งนี้เช้าเขาก็กลับแล้ว ขับรถจากสระบุรีเข้ากรุงเทพฯ ไปถึงให้ทันเรียนวิชาเอกช่วงบ่าย
“ไม่เป็นไร เพื่อนกัน วาลำบากหนึ่งต้องช่วยอยู่แล้ว”
“หนึ่งกินน้ำไหม วาเข้าไปเอาในบ้านมาให้”
“ไม่ล่ะ หนึ่งต้องกลับแล้ว อยากอยู่คุยด้วยนานกว่านี้นะแต่บังเอิญว่าหนึ่งพาแฟนมาด้วย เพิ่งเคยมาครั้งแรกกลัวจะเขินบ้านหนึ่งจนอยู่คนเดียวไม่ได้ ไปแล้วนะ ไว้มีโอกาสเราค่อยคุยกันใหม่”
ออกแรงบิดนิดเดียวมอเตอร์ไซค์คันใหม่เอี่ยมก็พาเจ้าของออกไปจากเขตรั้วบ้านแม่ม่ายลูกสาม วริศรายืนอึ้ง เมื่อกี้... หนึ่งพูดว่าพาแฟนมาบ้านงั้นเหรอ? แฟน... หนึ่งมีแฟนแล้ว... วริศราอกหักจนปวดไปทั้งร่างทิ้งสะโพกลงนั่งบนเบาะไอ้แก่ กรีดนิ้วเช็ดน้ำตาอุ่นที่ไหลรินร่วมด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างยากจน ไม่คู่ควรกับหนึ่งซึ่งมีฐานะทางบ้านค่อนข้างดี
“อ้าว แล้วมึงจะดรามาเป็นนางเอกเอ็มวีอีกนานไหม เดี๋ยวยุงก็กินเลือดมึงหมดตัวหรอกอีวา เข้าบ้าน!” เสียงแว้ดของพรรณีดังผ่านความมืดมาถึงต้นมะม่วงใหญ่ข้างรั้ว วริศราอายแม่ ลงไปปิดรั้ว ก่อนจะสตาร์ทไอ้แก่เอาไปจอดข้างรถกระบะห้องเย็นติดป้ายบริษัทจำหน่ายไก่สดของชีวินทร์ พี่ชายที่อายุมากกว่า 2 ปี
“ถูกไอ้หนึ่งมันบอกเลิกมาหรือไง ถึงได้เสียน้ำตาให้มัน” แม่ยืนพูดจากหน้าประตูแต่ดังไกลมาถึงที่จอดรถ ถ้าลมแรงกว่านี้อีกนิดคาดว่าน่าจะพัดไปถึงบ้านข้างเคียงให้ได้ยินกันไปหมดว่าวริศราเพิ่งถูกเพื่อนสนิทตัดรอนความหวังในการ ‘แอบรัก’
“วากับหนึ่งไม่ได้เป็นอะไรกันจะว่าบอกเลิกได้ยังไงล่ะแม่” วริศรามองนางพรรณีตาเขียวเข้ม ก่อนยกมือไหว้ ซึ่งพรรณีก็รับไหว้ “วาไม่ได้ซื้อกับข้าวมาด้วยนะ วันนี้ลมแรงเหมือนฝนจะตก แม่ค้าไม่เอาของกินมาขายหน้าโรงงาน”
“ไม่เป็นไร เมียพี่มึงซื้อมาด้วย 2-3 อย่าง วิวมันจัดใส่จานไว้แล้ว ไป เข้าบ้านไปกินด้วยกันแล้วค่อยไปอาบน้ำนอน ว่าแต่... มึงไม่ได้มีอะไรกับไอ้หนึ่งจริงๆ ใช่ไหมนังวา บอกมาตามตรง”
พรรณีหว่านล้อมถามความสดซิงของลูกสาว ไม่ได้ตัวติดกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่หว่า ใครจะรู้ มันอาจจะแอบไปมีผัวแล้วก็ได้ เผื่อใช่ จะได้สอนวริศราให้เอาตัวไปย้อมแมวหลอกขายเสี่ยไก่ เสี่ยมันหน้ามืดตามัวไม่รู้หรอกคนไหนซิงคนไหนไม่ซิง
“แม่ เห็นวาเป็นคนยังไง วาไม่ได้คบกับหนึ่งแล้วเมื่อกี้หนึ่งก็บอกวาว่าเขาพาแฟนมาด้วย วาเป็นได้แค่เพื่อนของหนึ่ง”
“ดีมาก ทำงานทั้งวันเหนื่อยไหมลูกรัก ลูกมหาจำเริญของแม่”
วริศราทำหน้าปั้นยาก พรรณีไม่แคร์ โอบไหล่ลูกสาวคนรองที่จะกลายเป็นบ่อเงินบ่อทองในอนาคตเข้าบ้านไปรวมกับไอ้วิน นังวิว กับนังแตงโม เด็กสาววัยขบเผาะที่หนีออกจากบ้านมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถของไอ้วิน วินพาขับรถไปส่งไก่จังหวัดไหนมันตามไปทุกที่ ทำตัวเหมือนได้เงินเดือนจากวิน ทั้งที่จริงก็... เอ๊ะ หรือจะได้วะ พรรณีเริ่มเคลือบแคลงใจ
วริศราทักทายพี่สะใภ้ซึ่งมารู้ทีหลังว่าอายุน้อยกว่าหล่อนถึง 2 ปี อายุเท่าวรรณาน้องสาวคนเล็ก แต่เรื่องอายุไม่ทำให้วริศรา วรรณา รวมถึงแม่ตกใจเท่าชีวินทร์สารภาพเสียงอ่อนว่าเมียเด็กของเขาตั้งท้องได้ 3 เดือนแล้ว ที่พามาบ้านเพราะจะปรึกษาแม่กับน้องๆ เรื่องจะนำเงินไปวางและผูกแขนแตงโมให้เป็นเรื่องเป็นราว โดยทางบ้านฝ่ายหญิงเรียกร้องเงินสูงถึงหนึ่งแสนบาท ไม่เช่นนั้นจะแจ้งตำรวจจับชีวินทร์ในข้อหาพรากผู้เยาว์ หัวหน้าครอบครัวที่มีหนี้สินล้นตัวอย่างพรรณีฟังจบถึงกับหงายหลังล้มออกจากวงข้าวไปเป็นลม
ฟื้นขึ้นมาบนโซฟาไม้โวยวายต่อจากความเดิมทั้งที่ตรงหน้าของพรรณีมีแค่ลูกสาวคนรอง “ไอ้วิน ไอ้ลูกทรพี! ไอ้ฉิบหาย! เงินส่งงวดรถไม่มีต้องขอกูทุกเดือนแล้วยังเสือกจะมีลูกมาให้กูช่วยเลี้ยง! เงินสู่ขอก็ให้กูเป็นคนหา! แล้วมันเสือกเรียกร้องอะไรตั้งเป็นแสน! กูจะไปเอาจากไหนมาให้มัน! หมื่นเดียวกูยังไม่มีเลยเถอะ ภาระชัดๆ เลยพี่ชายมึง อีวา!”
“เรื่องเกิดไปแล้วกลับไปแก้ไขไม่ได้หรอกแม่ บ่นไปก็เท่านั้น ถือซะว่าเป็นข่าวดี แม่น่าจะดีใจนะ ที่บ้านเราจะมีเด็กมาวิ่งเล่น” วริศรามองโลกในแง่ดีเกินไปจนถูกแม่ด่าสวน
“มึงอย่าสะเหล่อมาพูดอีวา! มึงว่าค่าใช้จ่ายรายวันของกูมันน้อยเหรอ แค่พวกมึงสามคนกูก็เลี้ยงจนเหนื่อย มีหลานมาเพิ่ม กูตายพอดี กูเหนื่อยมาทั้งชีวิตจนอายุสี่สิบกว่า มึงให้กูสบายตอนแก่ได้ไหม จะให้กูเหนื่อยหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานไปถึงไหน!”
“พี่วินทำงานหาเงินได้ วาก็ทำงานหาเงินได้ พี่วินคงจะส่งเงินให้แม่ในส่วนลูกเขา ส่วนวาก็ให้เงินแม่ใช้ตั้งเดือนละหมื่นเลยนะ ยังไงก็ไม่ลำบาก แม่อย่าเครียดเลยนะ เด็กน่ารักจะตาย วายังชอบเลย”
“แค่หมื่นเดียวจะไปพอยาไส้อะไร! แล้วน้ำหน้าอย่างไอ้วินเหรอจะมีเงินมาให้กู อย่าฝัน! ที่กูบ่น ยังไม่รวมหนี้ที่กูยืมเสี่ยไก่มาเลยนะ เงินต้นห้าแสน ดอกแสนห้าต่อเดือน กูค้างเสี่ยมาแล้ว 8-9 เดือนแล้ว กูหาเงินคนเดียวไม่ไหว จะตายเอา!”
โทรไปต่อรองขอเงินเสี่ยไก่เพิ่มเป็นหนึ่งล้านได้ไหม แสนเดียวดูท่าว่าจะไม่พอสำหรับใช้ในครัวเรือน
“ห้าแสน!”
วริศราตกใจยอดเงินที่เพิ่มสูง
“ไหนแม่บอกยืมเสี่ยมาห้าหมื่น! จ่ายดอกเดือนละสองพัน! ห้าแสนมาจากไหน ตอนที่แล้วแม่ไม่ได้พูดแบบนี้นะ!” วริศราทำงานงกๆ ทั้งเดือนได้เงินหมื่นปลายๆ แต่แม่กลับต้องจ่ายดอกเดือนละแสนห้า บ้าเหรอ! จะไปเอาจากไหนมาจ่าย!