สิบห้านาทีผ่านไป
แกร็ก!!
“ทำไมไม่เคาะประตู”
เสียงเย็นชามาเชียวครับนี่ผมก็รีบแบบที่สุดแล้วนะอาบน้ำแต่งตัวสิบห้านาทีแล้วรีบมาหานาราที่ห้องตามคำสั่งแต่พอเปิดเข้ามาแม่งความเย็นเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
“ก็เธอไม่ได้ล็อคอยู่แล้วจะเคาะทำไม”
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมเหลือเวลาไม่มากรีบไปกันเถอะ”
นาราถามผมแต่ตาไม่มองผมเลยสักนิดแค่ปรายตามองผมแล้วก็หันไปหยิบแท็บเลตกับเอกสารที่เธอนั่งดูรอผมเมื่อกี้
หมับ!!
ในขณะที่นารากำลังจะเดินผ่านหน้าผมไปผมก็คว้าแขนนาราเอาไว้ผมไม่ชอบเลยที่นาราทำตัวเย็นชาแบบนี้ใส่ผม
“มีอะไร”
“ฉันยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย”
พอผมพูดแบบนี้นาราก็มองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ ก่อนที่จะวางของที่ถืออยู่ในมือไว้หลังจากนั้นนาราก็ยกมือขึ้นมาติดกระดุมเสื้อสามเม็ดบนที่ผมจงใจไม่ติดมาตั้งแต่แรกทีละเม็ดจนครบ
“เน็คไทล่ะ"
“ไม่ได้หยิบมา..ฉันรีบ”
เฮ้อ!!
นาราถอนหายใจใส่หน้าผมอีกครั้งก่อนที่จะเปิดกระเป๋าถือของเธอที่มันใบใหญ่กว่าที่ผู้หญิงปกติเขาถือกันแล้วจับแน็คไทที่อยู่ในกระเป๋าออกมาสามเส้นก่อนที่จะมองมาที่เสื้อของผมที่ใส่อยู่กับสูตที่ผมถือมา
ในกระเป๋าของนาราจะพกเน็คไทไว้สามเส้นสามสีตลอดครับมันเป็นสีที่เข้ากับเสื้อเชิ้ตของผมที่มีอยู่ที่เป็นแบบนี้เพราะผมจะแต่งตัวไม่เรียบร้อยเป็นประจำครับแล้วนาราก็จะเป็นคนดูแลทุกอย่างนอกจากเน็คไทแล้วในกระเป๋าของนารายังมีของที่ผมจำเป็นต้องใช้อีกหลายอย่างในนั้นไม่เว้นแม้แต่ถุงยางอนามัยนาราเป็นทุกอย่างให้ผมแล้วจริงๆครับทั้งผู้ช่วย ทั้งเลขา ทั้งเพื่อนสนิท เพื่อนรู้ใจ แม่งเป็นทุกอย่าง
“เรียบร้อย…ทีนี้ก็ไปกันได้แล้ว”
“น่ารักที่สุดเลยนาราของกันต์”
“ทำบ้าอะไรของนายมาดึงแก้มฉันทำไม”
“อยากให้เธอยิ้ม…ยิ้มหน่อยนะนารา”
“ไร้สาระไปกันได้แล้ว”
“ขอโทษ!”
ผมปล่อยมือจากแก้มนาราแล้วเปลี่ยนมาจับมือนาราแทนก่อนที่จะพูดขอโทษออกมาไม่รู้สิครับผมอยากพูดคำนี้จริงๆเพราะวันนี้นาราดูเหนื่อยๆ แล้วต้องมาปวดหัวกับคนที่ไม่มีความรับผิดชอบอย่างผมอีกวันนี้เป็นวันประชุมใหญ่ครับผมรู้ดีว่านาราต้องเหนื่อยเตรียมอะไรบ้างแล้วผมก็ยังมาสร้างปัญหาเพิ่มให้อีก
“ขอโทษอะไรของนาย”
“ขอโทษที่ทำให้เหนื่อย”
“มันเป็นหน้าที่ของฉัน”
นาราตอบออกมาด้วยใบหน้าที่นิ่งๆ เย็นชาของเธอแล้วก็เดินออกห้องไปแล้วผมก็เดินตามออกมาติดๆ เพื่อนผมคนนี้เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วฉายาเจ้าหญิงน้ำแข็งคือฉายาที่เพื่อนๆ เรียกเธอ
หมับ!!
“อะไรอีก!! นายเดินดีๆ ได้ไหมฉันรีบ”
ผมรีบเดินตามแล้วเดินไปกอดคอนาราไว้
“รีบอะไรนักหนาครับคุณเพื่อนเดี๋ยวเพื่อนกันต์จะซิ่งพาคุณนาราเพื่อนรักไปถึงบริษัทภายในสิบนาทีเลยครับ”
“หึ!! ขี้โม้ไม่เปลี่ยนเลยนะนายเนี้ย”
“ฮั่นแน่! ยิ้มแล้วเหรอเห็นไหมนาราเวลาเธอยิ้มโลกแม่งสดใสขึ้นมาเลย”
“นี่ก็เกินไป!”
นาราพูดแล้วอมยิ้มออกมา
“จริงๆ เวลาเธอยิ้มน่ารักนะแต่เสียดาย”
“เสียดายอะไรของนาย”
“น่ารักน้อยกว่าจินของฉันพูดแล้วก็คิดถึงจินอีกแล้วว่ะนาราทำไงดีฉันจะจีบจินแบบจริงจังสักทีดีไหม”
ฉันถึงกับสะอึกแล้วเจ็บหน่วงๆในใจขึ้นมาที่ได้ยินกันต์พูดถึงผู้หญิงอีกคน…คนที่เขารักแล้วก็พูดถึงเธอคนนี้อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วที่ฉันได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้ฉันเคยเห็นหน้าเธอนะแต่เราไม่ได้รู้จักกันฉันรู้แค่ว่ากันต์รักผู้หญิงคนนี้มากและรักมานานแล้ว
“รีบไปเถอะอย่ามามัวพูดจาไร้สาระเดี๋ยวไม่ทันเข้าประชุม”
“อะไรของเธอเนี้ยเมื่อกี้ยังยิ้มอยู่เลยอยู่ดีๆกลับมาดึงหน้าตึงอีกละเป็นผู้หญิงหน้านิ่งมันไม่มีเสน่ห์นะนารา…เฮ้!!เดี๋ยวรอด้วย”
ฉันเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมแล้วเสียงกันต์ก็ตะโกนตามหลังมาติดๆอยากพูดอะไรก็พูดคนอย่างฉันมันไม่มีเสน่ห์อะไรอยู่แล้ว
ห้องประชุม
“เดี๋ยวก่อนนารา”
ผมคว้าแขนนาราไว้ตอนที่เธอกำลังจะเดินหอบแฟ้มงานออกไปจากห้องประชุมตอนนี้ผมประชุมเสร็จแล้วครับและทุกคนก็ทยอยเดินออกไปกันแล้วเหลือแค่ผมกับนาราที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะนาราน่ะสิครับตั้งแต่ออกจากคอนโดมาจนถึงตอนนี้นาราก็ยังหน้าตึงใส่ผมแถมไม่ยอมมองผมอีกด้วยผมรู้สึกได้ครับว่านาราไม่ปกติ
“มีอะไร”
“เป็นอะไร”
“เปล่า”
“โกหก”
“ก็แล้วแต่จะคิด ปล่อย! ฉันจะไปทำงาน”
ชัดเลยครับนารางอนผมชัวร์คงจะงอนที่ผมพูดว่าเธอไม่มีเสน่ห์แน่ๆ
“งอนฉันเหรอ”
“นายเห็นฉันเป็นคนไร้สาระแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“แล้วถ้าไม่งอนฉันทำไมต้องทำหน้าเย็นชาแบบนี้ใส่ฉันด้วยเราเป็นเพื่อนกันนะนารามีอะไรก็คุยกันตรงๆ”
“เรื่องบางเรื่องฉันก็คุยกับนายตรงๆไม่ได้หรอก”
“หมายความว่าไง”
ผมถามนาราออกไปอย่างไม่เข้าใจนสิ่งที่นาราพูดออกมา
“ช่างเถอะ! เอาเป็นว่าฉันไม่ได้งอนอะไรนายปล่อยฉันได้แล้ว”
"ไม่ปล่อย! เธอต้องไปกับฉันก่อน"
"นี่!! ฉันต้องทำงานนะกันต์ ปล่อย!"
ใครสนกันละครับโวยวายไปเถอะแต่ยังไงๆตอนนี้ผมต้องลากนาราไปกับผมให้ได้
ร้านอาหารตามสั่งข้างทาง
"พาฉันมาที่นี่ทำไม"
ฉันถามกันต์ออกมาเมื่อเขาพาฉันมาที่ร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำที่ฉันกับเขาชอบมาทานกันตั้งแต่สมัยเรียน
"มาร้านอาหารตามสั่งฉันชวนเธอมานั่งชมวิวมั้ง"
"อ้าว สองคนวันนี้จะเอาอะไรดี"
ในตอนที่กันต์กำลังพูดกับฉันอยู่นั้นเสียงป้าแมวเจ้าของร้านก็เดินมาถาม
"ผัดพริกแกงเนื้อไข่ดาวส่วนของผมก็เหมือนเดิมกระเพราหมูกรอบไข่ดาว"
กันต์เป็นคนสั่งอาหารทั้งของฉันและของเขาจานของฉันที่เขาสั่งมันเป็นเมนูที่ฉันทานประจำ..เขายังจำได้งั้นเหรอ!
"มองอะไร ไม่คิดว่าฉันจะจำได้ใช่ไหมละ"
"นายแค่บังเอิญสั่งถูกก็เท่านั้นเองความจริงนายไม่น่าจะจำอะไรได้เพราะฉันไม่สำคัญกับนายขนาดนั้น"
"อย่าดูถูกความใส่ใจของเพื่อนคนนี้สิครับคุณนาราผมน่ะเพื่อนสนิทเบอร์หนึ่งของคุณนะครับไม่มีใครที่ไหนเขาจะไม่รู้รายละเอียดของเพื่อนสนิทหรอกนะนาราเธอชอบหรือไม่ชอบอะไรฉันรู้ดี"
เวลาเขาย้ำคำว่าเพื่อนออกมามันเจ็บๆยังไงก็ไม่รู้นะคะเหมือนมันตอกย้ำว่าฉันควรอยู่ในสถานะไหนฉันจะชอบหรือไม่ชอบอะไรนายรู้ดีงั้นเหรอแล้วทำไมไม่รู้บ้างละว่าฉันชอบนาย..ฉันได้แต่คิดแบบนี้อยู่ในใจแล้วมองหน้าเขาที่ตอนนี้ก้มเล่นมือถืออย่างไม่สนใจอะไร
"มาละจ๊ะ!"
ผ่านไปไม่นานป้าแมวก็เดินมาเสิร์ฟอาหารที่ฉันกับกันต์สั่งพอจานข้าววางตรงหน้าต่อมหิวของฉันก็เริ่มทำงานทันทีแต่ฉันต้องชะงักไปเมื่อไข่ดาวที่ฉันได้มันไม่สุก...ฉันไม่ชอบกินไข่ดาวแบบนี้
พรึบ!!
"ทำอะไรของนาย"
"แลกกัน! ไข่ดาวของฉันสุกกว่าของเธอ"
แล้วกันต์ก็ตักไข่ดาวขึ้นมาแล้วสลับเอาของเขามาให้ฉันอย่าบอกนะว่าเขาก็จำเรื่องนี้ได้อีกแล้วเหรอ
"ไม่เป็นไรฉันกินได้"
"อย่าดื้อดิ! เดี๋ยวได้อ้วกออกมาอีก จำไม่ได้รึไงว่าครั้งหนึ่งที่เธอฝืนกินแล้วแม่งอ้วกออกมาตั้งแต่คำแรกอ่ะนาราเธอไม่ชอบกินไข่ดาวไม่สุกฉันจำได้"
การกระทำเล็กๆน้อยๆของเขาที่ดูใส่ใจฉันแบบนี้มันไม่ดีต่อใจฉันเลยจริงๆค่ะมันยิ่งทำให้ฉันถลำลึกลงไปเรื่อยๆเพราะสิ่งที่ฉันคิดกับเขามันไม่ควร
คำว่าเพื่อนถ้าคนใดคนหนึ่งล้ำเส้นและคิดเกินเลยความสัมพันธ์จะไม่มีวันเหมือนเดิมและฉันกำลังพยายามที่จะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นระหว่างฉันกับกันต์แต่สิ่งที่เขาทำมันยิ่งยากที่จะทำให้ฉันตัดใจ