ผมคุยกับเวลาอยู่นาน แล้วกดวางสาย รู้ว่าในวันนี้น้องสาวผมมีนัดกับเพื่อนไปเดินเล่นที่ห้าง ก่อนวางน้องก็ไม่วายบังคับให้ผมไปหาอะไรกินด้วย เพราะรู้ว่าช่วงเช้าผมไม่ค่อยกินอะไร หากเธอไม่อยู่คุม
ก๊อก ๆ ๆ
จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าห้องทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง
"เข้ามา" ผมเอ่ยปากอนุญาต
ซึ่งคนที่เปิดเข้ามาก็คือไอ้ต้นที่ผมเพิ่งคุยกับมันก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทำให้มันมาหาผมแบบนี้
"มีอะไร" ผมจึงรีบเอ่ยปากถามมันทันที เผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้น ผมจะได้จัดการได้ถูก
"มีคนมาหาเฮียครับ" ไอ้ต้นทำหน้ามึงและตอบกลับผมมา
"ใคร" นั่นทำให้ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมีอาการแบบนั้น
"ฉันเอง" จนกระทั่งเสียงที่คุ้นเคยหูเมื่อหลายเดือนก่อนดังขึ้น พร้อมกับร่างคุณเวนัยที่เดินเข้ามา
"มึงไปทำงานเถอะ" ผมพยักหน้าให้กับลูกน้องตัวเอง เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ให้มันกลับไปทำงาน
"ครับเฮีย" ไอ้ต้นตอบรับ และถอยออกไป แต่ก็ไม่วายหันไปมองคนข้าง ๆ ด้วยสายตาไม่พอใจ
"เป็นยังไงบ้าง" คุณเวนัยเดินเข้ามาและถือวิสาสะนั่งตรงข้ามกับผม เหมือนเขาคุ้นชินกับที่นี่เป็นอย่างดี
ก็แน่ล่ะ ในเมื่อเขามาหาผมจนคนงานผมจำได้แล้ว
"ทำแบบนี้ทำไม" ผมไม่ตอบ แต่ถามเขากลับด้วยความขุ่นเคืองใจ เรื่องที่เขามาก่อกวนการทำงานของผม
"ก็ทำให้แกกลับไปช่วยฉันทำงานยังไงล่ะ" คุณเวนัยก็พูดประโยคเดิม ที่ผมได้ยินอยู่ตลอด
"ผมไม่ทำ" ซึ่งผมก็ตอบกลับไปเช่นเดิม
"เวคิณ" นั่นทำให้เขาเริ่มเดือดดาลขึ้นมาแล้ว
"คุณคิดว่าจะไสหัวผมไปง่าย ๆ แล้วจะให้ผมกลับไปง่าย ๆ เหรอครับ" ผมเองก็เดือดไม่แพ้กัน ยังจำได้ดีตอนที่เขาปล่อยผมกับแม่ออกมาโดยไม่เหนี่ยวรั้ง แต่ตอนนี้กลับอยากให้ผมกลับไป มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ
"ฉันขอโทษ" ซึ่งสิ่งที่เขาตอบกลับมาทำให้ผมอึ้งเล็กน้อย ตั้งแต่เจอหน้ากัน เขายังไม่เคยเอ่ยคำ ๆ นี้กับผมเลย
"คำ ๆ นี้ผมไม่ต้องการ เก็บมันไว้เถอะครับ" แต่ผมไม่ได้ต้องการมันแล้วในวันนี้ คำขอโทษจากเขาไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนใจได้อย่างแน่นอน
"แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ตอนนี้บริษัทกำลังแย่" เขาเลยถามผมกลับมา
"คุณเลยต้องการให้ผมไปช่วยงาน และไปยอมให้คุณจับคู่กับใครก็ได้อย่างนั้นเหรอครับ" ซึ่งผมพอจะรู้จัดประสงค์ของเขา จากคนที่รู้จัก ว่าตอนนี้บริษัทเขากำลังมีปัญหา และเขาก็วางแผนจะจับคู่ผมกับลูกสาวคู่ค้า ซึ่งมันก็คือการคลุมถุงชนดี ๆ นี่เอง
"แกต้องช่วยฉันสิ" เขาร้องขอผมอีกครั้ง
"เห็นแก่ตัวเกินไปไหมครับ" ซึ่งผมก็มองเขาอย่างเย็นชา ทั้งคำพูดและการกระทำของเขามันเห็นแก่ตัวเกินไปจริง ๆ
"เวคิณ ฉันขอร้อง แกอยากเห็นสิ่งที่ปู่ย่าแกสร้างมาพังลงไปหรือยังไง" แล้วเขาก็เอาปู่ย่า ที่ดีกับผมตั้งแต่เด็กมาอ้าง ในตอนที่ผมกับแม่จากมา ท่านทั้งสองได้เสียไปแล้วนั่นเอง
"มันเรื่องของคุณ" ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะหากพวกท่านยังอยู่ ชีวิตผม แม่ และน้องสาวก็คงจะดีกว่าที่เป็นอยู่
แม่ของผมต้องได้รักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และต้องหาย ไม่ต้องมาจากพวกผมไปเร็วขนาดนี้
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้น้องแกช่วย" พอผมไม่ยอม เขาก็ยกไม้ตายที่มีขึ้นมาอ้าง
"อย่าไปยุ่งกับเวลา" ซึ่งพอเป็นเรื่องของเวลา ก็ทำให้ผมเดือดกว่าเดิมได้ไม่ยาก
"แกจะเอายังไง" เขาจึงถามผมกลับมาอีกครั้ง
"คุณไม่มีทางปล่อยผมไปสินะ" ผมพูดขึ้นอย่างเหลืออด เพราะรู้จักนิสัยชายตรงหน้าตั้งแต่เด็ก ว่ายังไงเขาก็จะต้องทำทุกทางเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
"ใช่ ถ้าแกช่วยให้บริษัทกลับมาได้ ฉันจะไม่บังคับแกอีก" เขายื่นข้อเสนอมาให้ผม
"ได้ แต่ผมขอเวลา 5 ปี ถ้าบริษัทกลับมาได้ ผมจะช่วยงานคุณแค่ 5 ปี" ผมจึงต่อรอง ขอเวลา 5 ปี จากนี้ถ้าผมทำสำเร็จก็จะเป็นอิสระจากเขา
"ได้สิ ตามใจแก" ซึ่งเขาก็ตอบตกลงมาง่าย ๆ
"อื้ม" ผมพยักหน้ารับ ยืนยันข้อเสนอนี้
"ทำเรื่องลาออกซะ แล้วไปช่วยงานฉัน" เขาสั่งขึ้นอย่างเผด็จการ หลังจากที่ผมตอบตกลง ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ผมพอจะคาดเดาได้ว่าหลังจากนี้ชีวิตตัวเองจะเป็นยังไง
"คุณกลับไปก่อนเถอะ" ผมถอนหายใจออกมาและขอให้เขากลับไปก่อน ให้เวลาผมได้คิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ สักพัก
"ฉันจะรอแก" คุณเวนัยพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นแล้วเขาก็กลับไป
ทิ้งให้ผมนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องทำงานเพียงคนเดียว ในเมื่อผมหนีมันไม่ได้แล้ว ก็ควรจะทำให้มันจบ ๆ ไป เพื่อเป็นการปกป้องเวลาด้วย ผมหยิบกรอบรูปที่มีผม แม่ และเวลาถ่ายด้วยกันขึ้นมาดู
แม้ว่าผมจะเกลียดเขา แต่นั่นมันล้วนออกมาจากใจของผมเอง แม่ไม่เคยสอนให้ผมเกลียดพ่อ แม่เพียงแค่ขอให้พวกเราอยู่กันอย่างสงบ ไม่เคยไประรานใครเลย
"ผมตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมครับแม่"
พอนั่งอยู่กับตัวเองสักพัก ผมก็หยิบเอาเอกสารงานต่าง ๆ ขึ้นมาดู และพิมพ์ใบลาออก