บทที่ 10 ศัตรูในที่ลับ

1669 Words
จะตายไหม? สถานการณ์ตรงหน้าอย่างกับในหนังฉันยกมือขึ้นมาปิดหูไว้ เพราะเสียงกระสุนปืนจากภายนอกพยายามยิงเข้าใส่รถของเราอยู่หลายนัด แต่ลูกน้องของเขาก็ยังขับรถต่อไป ฉันกดหน้าแนบกับพนักพิงของเบาะตามที่เขาบอก ก่อนจะตกใจเมื่อมือหนาดึงร่างของฉันให้ข้ามไปยังเบาะหลังก่อนจะกดใบหน้าแนบกับตักของเขา ไม่นะ ท่านี้ไม่ได้!!! “อย่าดิ้น อยู่เฉย ๆ ถ้ายังไม่อยากโดนยิงสมองไหลออกมากองตรงนี้” เขาเอ่ยเสียงเย็นพลางใช้มือกดท้ายทอยไม่ยอมให้ขยับไหนจะพูดให้เห็นภาพอีกแค่คิดว่าหน้าสวย ๆ ต้องเละเป็นโจ๊กฉันก็ขนลุกแล้วแต่ว่าถึงไม่โดนยิงตาย ก็ต้องโดนปืนกระแทกตายแน่นอนเลย “ไม่ดิ้นก็ได้แต่…” “จะเว้นคำหาพระแสงอะไรรีบพูดมา!!” เขาตวาดเสียงดัง “กะก็ ช่วยเก็บปืนด้วยมันจะแทงหน้าจันทร์อยู่แล้ว” เพราะกลัวเขาจะไม่ได้ยินเลยตะโกนเสียงดัง ไม่คิดว่าจะเป็นจังหวะที่บรรยากาศด้านนอกกลับมาสงบไม่มีเสียงปืนกระหน่ำยิงเข้ามา ทำให้เสียงของฉันมันดังจนทุกคนได้ยินกันหมด เสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากลูกน้องผมขาวของเขายิ่งทำให้คิ้วของฉันขมวดเข้าหากันแน่น เมื่อสถานการณ์เหมือนจะสงบเลยเงยหน้าขึ้นมามองดูรอบด้าน ก่อนที่ใบหน้าของฉันจะชาไปทั้งแถบเมื่อเหลือบไปเห็นกระบอกปืนสั้นในมือของเขา ถ้าปืนอยู่ในมือแล้วอะไรแข็ง ๆ ที่มันทิ่มหน้าเธอล่ะ… ฉันคิดอย่างเหม่อลอย ก่อนจะลุกพรวดอย่างรวดเร็วเพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนกับเหตุการณ์ตรงหน้า และไม่อยากจะก้มไปมองตรงที่เคยซุกหน้าลงไปด้วยว่ามันคืออะไรกันแน่ …ฉันกำลังกลัวความจริง ปัง! “กรี๊ด!!” เสียงยิงปืนดังขึ้นอีกครั้งทำให้ฉันตกใจผวาเข้าหาคนที่นั่งอยู่บนเบาะทันที จากตอนแรกลุกพรวดออกห่างจากเขา แต่ดูตอนนี้สิราวกับลูกลิงแม่ลิงเพราะทั้งมือทั้งขาเกาะเกี่ยวพัวพันตัวเขาไว้แน่น ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอสายตาคมดุดัน “เอ่อคือ” “ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้า ฉันจะคิดบัญชีกับเธอทีหลัง” เขาเอ่ยอย่างคาดโทษก่อนจะกดศีรษะฉันแนบกับอกแกร่งอย่างแรงจนได้ยินเสียงดังปั๊ก! “เจ็บ อ๊ะ!” เสียงสาดกระสุนดังเข้ามาราวห่าฝนยิ่งทำให้ฉันกดหน้าลงกับอกของเขามากยิ่งขึ้น ไม่รู้ทำไมทั้งที่เหตุการณ์ตรงหน้ามันดูอันตรายมากแต่ใจกลับสงบลงเมื่ออยู่กับเขา “ฟาบิโอใกล้จะมาถึงหรือยัง” “ใกล้แล้วครับผมจะถ่วงเวลามันไว้” เวกัสเอ่ยตอบผู้เป็นนายพลางมองกระจกหลังไปด้วยเครื่องมือสื่อสารของพวกเขามีการเชื่อมไปยังบอดี้การ์ดทุกคนและเมื่อเห็นว่ามีรถหรือบุคคลต้องสงสัยเข้าใกล้เกินไปเครื่องมือสื่อสารจะส่งสัญญาณเตือนทันทีและฟาบิโอที่ไปจัดการงานอย่างอื่นก็พาลูกน้องขับรถเพื่อมาสมทบ “ข้างหลังมีกี่คัน” “สองคันครับ” ซันเอี่ยวตัวไปมองข้างหลังแม้จะมีเพียงแสงไฟสลัว แต่เขาและเวกัสต่างถูกเคี่ยวกรำเรื่องประสาทสัมผัสมาตั้งแต่เด็กดังนั้นการเพ่งสายตามองในความมืดเลยไม่ลำบากนัก “โค้งข้างหน้าชะลอความเร็วลง ฉันจะสกัดมันเอง” “ไม่ได้นะครับมันอันตราย!” เวกัสโพลงขึ้นมาเสียงดังเพราะเขาไม่เห็นด้วย ยังไงกลุ่มของฟาบิโอก็กำลังจะมาถึงอีกไม่เกินสิบนาที ตอนนี้แค่ขับหนีก็น่าจะพอ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ การที่จะปะทะกับพวกที่มากกว่ามันเสี่ยงเกินไป “กูหรือมึงที่เป็นเจ้านาย” นัยน์ตาคมกริบจ้องมองลูกน้องผ่านกระจกหลังแววตากดข่มทำให้เวกัสได้แต่เม้มปากแน่น เขาเชื่อใจซันเพียงแต่ว่าอีกใจก็อดเป็นห่วงความปลอดภัยผู้เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านาย “นี่คิดจะทำอะไร” ร่างบางที่ซบกับอกแกร่งยกมือปิดหูไว้แต่ได้ยินเสียงบทสนทนาของทั้งคู่ เงยหน้าขึ้นมามองเสี้ยวหน้าคมของเขาด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ว่าเขาจะทำอะไรและลึกไปกว่านั้นคือ เขาเป็นใครกันแน่ ถึงขนาดโดนตามไล่ยิงแบบนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดา “ไม่ใช่เรื่องของเธอ” ร่างสูงก้มหน้าลงมาปรายตามองเธออย่างเย็นชาก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องทำตามแผน ร่างบางเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขาลดกระจกลงและจับเธอออกจากตักของเขา แม้จะกลัวแต่ในสถานการณ์แบบนี้เธอก็ควรเชื่อใจเขา “อย่าเป็นอะไรนะ” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเองก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดหูอีกครั้งเมื่อร่างสูงลดกระจกลงจนสุด แม้เสียงจะเบาผสานกับเสียงลมแต่ซันกลับได้ยินมันเต็มสองหู ริมฝีปากบางกระตุกเบา ๆ ก่อนจะสอดตัวออกไปนอกรถ เป็นจังหวะเดียวกับที่เวกัสชะลอความเร็วลง ทุกอย่างต้องทำด้วยความชำนาญและสถานการณ์ตรงหน้าร่างสูงยกปืนเล็งไปยังรถคันแรกที่ขับตามประกบ ก่อนจะยิงไปที่ล้อหน้าจนรถของฝ่ายนั้นเสียหลักไป เขาจึงหลบเข้ามาในรถอีกครั้งเพื่อหลบกระสุนของศัตรูที่ยิงโต้ตอบกลับมา ปัง! ปัง! ปัง “ฟาบิโอกำลังไล่กวดมาจากด้านหลังครับ” เวกัสเห็นสัญญาณของทีมตัวเองก็รีบรายงานเจ้านายไปด้วย ซึ่งซันก็ครางรับในลำคอก่อนจะเหลือบมองร่างบางที่ทำตัวคุดคู้หมอบตัวอยู่บนเบาะ ยังไม่ทันให้เขาได้เอ่ยอะไรกับเธอเวกัสก็สบถเสียงดังลั่น เอี๊ยดดดดด “เชี่ยเอ๊ย! มันยิงล้อเราครับ” “เกิดอะไรขึ้น” จันทร์เจ้าเงยหน้าขึ้นมามองสถานการณ์แต่โดนนัยน์ตาคมดุตวัดมองอย่างไม่พอใจ “หมอบลงไป” “จะทำอะไรอีก” “ฆ่าคน” มือหนายกปืนขึ้นมาก็จะเหลือบสายตามามองร่างบางที่ทำหน้าซีดเผือด ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นจนเธอลอบกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ เพราะกลัวว่าเขาจะหันปลายกระบอกมาทางตัวเอง “ฆ่าเลยเหรอ..” “ใช่ ถ้าไม่อยากเป็นคนนั้นก็นั่งอยู่เฉย ๆ” ร่างบางพยักหน้าอย่างว่าง่าย ความหวาดกลัวเกาะกุมขึ้นในจิตใจ แค่วันแรกเธอก็เจอดีเข้าแล้วไม่อยากจะคิดเลยว่าในอนาคตจะเจออะไร รู้อย่างนี้จะได้เรียนศิลปะป้องกันตัวไว้ เธอเกลียดอะไรที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมหรือต่อสู้ได้เลยดังนั้นเลยต้องอยู่เฉย ๆ แม้ไม่มีประโยชน์แต่ไม่เป็นภาระก็พอ “ฟาบิโอยิงสกัดรถคันหลังของพวกมันแล้วครับ แต่เรา” “จอดรถ” “หา” เวกัสเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยยิ้มของเจ้านาย ก่อนจะมองรถที่กำลังตามมาในระยะประชิด เขาจึ้งเบรกกะทันหันก่อนจะลอบพยักหน้ากับเจ้านาย ทั้งคู่เตรียมปืนพร้อมแล้วก็เปิดประตูลงจากรถทันที “ห้ามตายนะ!” ร่างสูงเหลือบตามองคนขี้ขลาดที่เอ่ยส่งกำลังใจ แต่เขาทำเพียงทิ้งสายตาเย็นชาและก้าวลงจากรถพร้อม ๆ กับเวกัส เขาหันไปเผชิญหน้ากับรถยนต์ที่กำลังขับตรงเข้ามา มือหน้ายกขึ้นเล็งไปที่หน้ากระจกและเหนี่ยวไกทันที ปัง!!ปัง!!ปัง!! เขาสาดกระสุนใส่จนกระจกหน้ารถแตก และหนึ่งในห่ากระสุนก็พุ่งทะลุกระจกทะลวงเข้าสู่ศีรษะของศัตรูที่นั่งในตำแหน่งคนขับ ก่อนจะกระโดดหลบรถที่กำลังเสียหลักและพุ่งตรงมาทางเขาเมื่อไร้คนขับ บรรดามือปืนในรถต่างก็เปิดประตูกระโดดออกจากรถกันให้วุ่น ร่างสูงได้ทียิงลูกกระสุนเข้าใส่มือปืนคนแรกที่ลงมาจากรถอย่างแม่นยำจนอีกฝ่ายล้มลงโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ส่วนเวกัสก็จัดการยิงพวกที่เหลือ “เหลือไว้สักคน” เวกัสพยักหน้ารับ ก่อนจะถอนหายใจเมื่อเหลือมือปืนแค่สองคน เขาจึงเล็งปืนยิงไปที่ขาของคนแรกที่กำลังจะลุกขึ้นยืน จนทำให้อีกฝ่ายทรุดกายล้มลงกับพื้นทันที ชายหนุ่มผมสีขาวโดดเด่นยกยิ้มเมื่อเห็นรถของฟาบิโอกำลังขับเข้ามาในบริเวณ ทำให้เขาลดการป้องกันลงเปิดโอกาสให้มือปืนอีกคนที่เหลือรอดเล็งปลายกระบอกปืนมาทางเวกัส “เวกัสระวัง!!” ฟาบิโอที่นั่งมาในรถอีกคันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขารีบเลื่อนกระจกรถลงชะโงกตัวออกมาเตรียมยิงและยังตะโกนเตือนเพื่อน สถานการณ์ตรงหน้าพลันกดดันขึ้นมาทันที แต่เหมือนจะไม่ทันแล้ว ปัง! กระสุนนัดสุดท้ายถูกยิงออกไปเข้าที่ตำแหน่งอวัยวะสำคัญของมือปืนคนนั้นจนล้มลงกับพื้น กระอักเลือดออกมาคำโต ความเจ็บปวดทรมานแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ลมหายใจผะแผ่ว ก่อนที่สติจะเลื่อนหายไป เขาเห็นว่ามีรองเท้าหนังอย่างดีปรากฏตรงหน้า ก่อนที่มันจะเหยียบซ้ำลงบนแผลที่ถูกยิงเข้าอย่างจังจนกระอักเลือดออกมาเปื้อนรองเท้า ใบหน้าดุดันดูเลือนราง รอยยิ้มของคนตรงหน้าถูกยกขึ้นต่างกับแววตาดำมืดเหมือนปีศาจ บรรยากาศน่าหวาดหวั่นทำให้มือปืนสั่นสะท้าน ได้ยินว่าคนที่เจ้านายสั่งให้มาลอบฆ่าได้ชื่อว่า ปีศาจ วันนี้เขาเชื่อแล้วเมื่อคนตรงหน้ายกเท้าออกแล้วกระทืบลงมาบนอกอีกครั้ง ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเขากำลังตายซ้ำ ๆ เจ็บ ปวด รวดร้าว และทรมาน อย่างถึงที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD