EP 13

1243 Words
“ในใบสมัครงาน เธอไม่เห็นเหรอ ว่ามีช่อง ‘สถานะ’ ให้กรอก” “เห็นค่ะ” “นั่นก็แปลว่านายจ้างอยากรู้ข้อมูลของลูกจ้างไง แต่เธอดันได้มาทำงานแบบใช้เส้นโคตรใหญ่ ใบสมัครอะไรก็ยังไม่ได้กรอก ฉัน ในฐานะนายจ้างอีกคน ก็ต้องถามเพื่อให้รู้ไง ทำไมเธอถึงทำหน้าแบบนั้น บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ได้อยากสอดรู้เรื่องส่วนตัว แต่เพราะเธอทำงานใกล้ชิดกับคุณแม่ ฉันเลยต้องรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเธอ เข้าใจมั้ย” “ค่ะ” สรุปว่าฉันเป็นลูกจ้างใครกันแน่เนี่ยะ นายหรือคุณท่านนะ “ตอบ” “ยังค่ะ” “ยังไม่มีเป็นตัวเป็น หรือว่ายังไม่มีเลยล่ะ” นี่ก็เพราะห่วงแม่ล้วนๆ เช่นกัน (เหรอ) “ขออนุญาตไม่ตอบได้มั้ยคะ ให้รู้ว่ายังไม่มีก็แล้วกันค่ะ” มันจะมากไปแล้วนะนายนี่ “อย่าให้เห็น ว่าแอบหอบใครเข้าไปประจบคุณแม่เพื่อปอกลอกสมบัติก็แล้วกัน” ไม่งั้นเจอดีแน่ ยัยแคระขี้ประจบ “คุณคะ ช่วยกรุณาให้เกียรติ...” โมโหนิดๆ ละ เลยส่งเสียงแข็งใส่ แต่ยังพูดไม่จบ เขาก็เสียงแข็งกว่าตอกกลับมา “ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ช่วยกรุณาเรียกฉันว่า ท่านประธานด้วย อย่าเรียกแบบนี้ เพราะฉันไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจว่าเราสนิทกัน เข้าไจ๊” “ค่ะ ท่านประธาน” เอาเหอะๆ ยอมๆ ไป จะได้จบๆ จะได้กลับบ้านสักทีน้องรักเอ๊ย “อยู่เป็นนี่เรา” ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มอย่างไม่ปิดบัง “มิน่าล่ะ” ตาดุๆ ก็จ้องเอาจับผิด “มิน่าอะไรคะ” ในใจก็พยายามนับหนึ่งถึงสิบให้ได้ “คุณแม่ถึงได้รัก ได้เอ็นดูเธอเป็นพิเศษไงล่ะ บางทีก็อาจจะเอ็นดูมากกว่าลูกอย่างฉันอีก” ว่าจะไม่วกมาเรื่องนี้แล้วเชียวนะ แต่ก็อดไม่ได้ “ไม่จริงหรอกค่ะ คุณท่านจะรู้สึกแบบนั้นกับฉัน มากกว่าคุณได้ยังไงคะ” ต่อให้รู้ว่าคุณท่านเมตตายังไง รักศิกาญจน์ก็มองไม่เห็นว่าจะเทียบเท่ากับลูกหลานของท่านสักนิดเดียว “นั่นน่ะสิ มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ ฉันก็ยังงงๆ อยู่ เธอไม่ได้เป็นอะไรกับคุณแม่นี่นา หรือว่าจะเป็นนะ” ยังไม่เลิกอีก “ทำไมไม่ไปถามคุณท่านล่ะคะ ถ้าคุณอยากรู้จริงๆ” ใจเย็นๆ นะน้องรัก อดทนไว้ นายนี่แค่อยากยั่วประสาทเท่านั้น “ไม่ต้องหรอก เพราะฉันพอจะเดาได้อยู่แล้ว วกกลับมาเรื่องที่ฉันจะสอนต่อดีกว่า เวลาฉันมีน้อย” ขืนถาม คงได้ถูกคุณแม่ตอกหน้าหงายมาน่ะสิ รู้ๆ อยู่แล้วว่าคุณแม่เอ็นดูยัยแคระขี้ฟ้องนี่ขนาดไหน เอ็นดูมาตั้งแต่แม่ยัยแคระโน่น ไม่รู้มีอะไรดี ถึงมัดใจคุณแม่ได้ขนาดนี้ หึ 4 อีกแล้ว ที่อาชาต้องยกเลิกนัดสำคัญ เพียงเพราะแม่ให้ยัยแคระบอกตั้งแต่มาทำงานเมื่อวานแล้ว ว่าให้ไปกินข้าวที่บ้าน มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ทั้งจะเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของลูกสาวหนึ่งในคณะกรรมบริษัท โป๊ะเช๊ะ ได้ยินแค่นี้ก็รู้ละ ว่าแม่กำลังคิดจะทำอะไรอีก จริงๆ เขาจะดื้อแพ่งไม่รับนัดก็ได้ แต่ที่ยอมรับปาก เพราะเดือนก่อนออกลายไว้เยอะ ขืนเบี้ยวอีก เดี๋ยวความดันแม่ขึ้นจนต้องเข้าโรงพยาบาล เขาจะได้บาปมากกว่านี้ เจ้าของส่วนสูงร้อยเก้าสิบห้ามองเสื้อเชิ้ตคอจีนสีเทา ตรงชายเหน็บเข้ากับกางเกงยีนผ้านิ่มสีขาว ในห้องแต่งตัวมีกระจกหน้าตู้เสื้อผ้ารอบด้าน นาฬิกาแบรนด์ดัง ราคายี่สิบกว่าล้าน ถุงเท้า รองเท้าถูกคว้าติดมือออกไปยังห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ค่อยๆ ใส่ไปทีละรายการด้วยความใจเย็น วันหยุดจริงๆ แล้วไม่อยากออกไปไหน เขาชอบใช้เวลาอยู่ในเพนต์เฮ้าส์ขนาดสามร้อยหกสิบเก้าตารางเมตรแห่งนี้มากกว่า เพราะรู้สึกสบายใจ โล่ง โปร่ง เป็นส่วนตัวเต็มที่ ถึงแม้บางครั้งจะมีคนมาร่วมใช้ด้วย แต่ก็ไม่ได้ลดทอนพื้นที่ลงไปสักนิด เขาชอบการออกแบบและตกแต่งที่นี่ เห็นแล้วก็ตัดสินใจควักกระเป๋าจ่ายไปร่วมสองร้อยล้านแบบไม่ต้องคิดนาน เงินทองเป็นของนอกกาย หาได้ก็ใช้ไป ต้องซื้อความสะดวกสบายให้ตัวเอง จะเก็บไว้อะไรนักหนา ที่มีก็ใช้ไม่หมดในชาตินี้ด้วยซ้ำ นี่แค่กำไรจากการบริหารงานของเขากับพ่อเท่านั้นนะ ไม่นับรวมสมบัติส่วนตัวของแม่ ซึ่งอันที่จริงเขาไม่อยากยุ่ง และไม่คิดจะยุ่ง ถ้าไม่จำเป็น “ไปไหนครับคุณปั่น” โปรแกรมใหม่ที่เจ้านายเพิ่งเปลี่ยนใจปุบปับนี้ ผู้ช่วยอย่างชลกรไม่รู้ เลยต้องหันไปถาม เมื่อส่วนหลังของรถยุโรปถูกจับจองแล้ว “ม็องปาร์นาส” เสียงของเจ้านายตอนนี้ ผู้ช่วยรู้ดีว่าเซ็งนิดๆ เลยไม่ถามอะไรอีก นอกจากพารถคันละสิบล้านแล่นไปยังคฤหาสน์หรูที่พักนี้ไม่ค่อยได้มาบ่อยๆ “คุณท่านอยู่ห้องนั่งเล่นค่ะ” ปานชีวันมายืนรอรับด้วยใบหน้าชื่นมื่น ริมฝีปากฉาบไว้ด้วยลิปสติกสีนาถคลี่ยิ้มน้อยๆ บ่งบอกว่าดีใจ ซึ่งจะผิดจากปกติที่จะตีหน้าเรียบใส่ผู้คนรอบกาย หนึ่งคือเพื่อให้คนยำเกรง กับสองคือเป็นนิสัยส่วนตัว ที่ไม่ค่อยยิ้มอยู่แล้ว “คุณปั่นมาเร็วจังนะคะ” “คุณแม่บอกว่ามีธุระจะคุยด้วย ผมเลยต้องมาก่อนเวลาหน่อย” “ใช่ค่ะ” “แล้วมีใครมาบ้างยังครับ” อาชาเอ่ยไปแบบนั้น และไม่ได้ต้องการคำตอบสักเท่าไหร่ เพราะเดินไปถึงห้องนั่งเล่น ก็เห็นแล้วว่ามีใครบ้าง ครอบครัวของไกรสรนั้นเขารู้จักดี ครอบครัวของทนายสุเทพก็รู้จักดี ทั้งสองครอบครัวมาพร้อมหน้า คือหิ้วลูกสาวกับลูกชายมาด้วย “คุณปั่นมานั่งตรงนี้กับคุณแม่ค่ะ” ไหว้ทุกคนแล้ว อาชาก็เดินไปนั่งข้างๆ แม่ตามคำบอก ฟังคนนั้นคนนี้คุยไปไม่กี่นาที ก็เผลอมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นยัยแคระกับแม่กำลังง่วนอยู่กับการตัดกุหลาบ เดาว่าน่าจะเอามาปักแจกันบนโต๊ะอาหาร ชุดจั๊มสูทสีเบจพริ้วไปตามแรงลม รัดรึงรูปร่างผอมเพรียวและสูงเกินมาตรฐานหญิงไทยหลายคน อันที่จริงเขาน่าจะเลิกเรียกยัยแคระได้แล้วล่ะ แต่ทำยังไงได้ มันติดปากไปแล้ว กำลังมองเพลินๆ ดันมีเจ้าของหุ่นสูงไม่หนีร้อยแปดสิบที่เขาเพิ่งคุยด้วยเมื่อกี้เข้าไปสมทบ ทำให้วิวตรงนั้นหมองลงในความรู้สึก ‘เสือก’ เขาด่าในใจ ตาก็จ้องมองภาคินัย ทายาทสถาปนิกผู้โด่งดัง ติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย อย่างภายัพ และผลงานอีกชิ้นคือคฤหาสน์ของแม่เขานี่เอง ตึกของ AV ก็ด้วย และเพนต์เฮ้าส์ของเขาก็ด้วย เขาคุ้นเคยกับภายัพมากกว่าลูกชายและคิดว่าไม่อยากคุ้นด้วย ก็ตรงไปเสนอหน้าคุยไปกับยัยแคระของเขานี่ล่ะ ของแกรึ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD