EP 36

1257 Words
“น้องรักกลัวเขาโค่นต้นไม้สุ่มสี่สุ่มห้าอีกค่ะ ลุงจวบติดป้ายเพิ่มหรือยังคะ” เมื่อวานสั่งให้ลุงเอาสังกะสีเก่ามาตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมขนาดเอสี่ แล้วเขียนตัวหนังสือสีแดงตัวใหญ่ๆ ติดไว้กับต้นไม้ กันความผิดพลาด “เรียบร้อยแล้วครับ” “เดี๋ยวน้องรักไปดูก่อนค่ะ” รักศิกาญจน์รีบเดินหนีจากตรงนั้น เพราะรำคาญเสียงรถ ฝุ่นก็กระจายคละคลุ้ง ขนาดใส่กางเกงยาวกับเสื้อแขนยาวมา เมื่อวานกลับไปคันเนื้อตัวไปหมดจนต้องรีบอาบน้ำ ยังดีหน้าไม่เป็นอะไร พวกหน้าหนาว่างั้นแก แต่ก็ไม่วางใจ พรุ่งนี้จะหาซื้อโม่งหรือแมชมาใส่ด้วยดีกว่า เกิดเป็นสิวเป็นฝ้าขึ้นมา ไม่คุ้มสักนิด คิดๆ แล้วก็ตลกตัวเอง ตอนเรียนอยู่อังกฤษ ก็วาดฝันว่ากลับมาแล้วจะได้ทำงานในออฟฟิศหรูหรา เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ที่ไหนได้ งานแต่ละอย่างที่คุณท่านโยนให้ หินๆ ทั้งนั้น ให้ไปรบกับอีคุมปั่นงี้ รบกับคุณนายปานและคนในบ้านงี้ รบกับคนถมที่ มีแต่ผู้ชายหน้าโหดๆ คุยกันเสียงดังๆ งี้ เฮ้อ ต่อไปจะรบกับใครต่อกันนะรักศิกาญจน์เอ๊ย “สู้ๆ ไปสิมึง ได้เงินเดือนตั้งแสนนี่หว่า แต่ถ้าไม่ไหว มึงบอกคุณท่านมาจ้างกูแทนนะเว้ย กูจะรีบลาออกจากที่นี่เลย เบื่อพวกประจบชิปห๊าย” คิดถึงคำของอีจีน่าขึ้นมา ตอนกลับบ้านเมื่อวานแล้วบ่นในไลน์กลุ่มกับเพื่อน เลยถูกพวกมันอัดกลับมาแบบเถียงไม่ออก "คุณนิคจะรับกาแฟเพิ่มมั้ยคะ” จิตกำลังจะไปสวน เห็นสถาปนิกยืนหยั่งเชิงอยู่ เลยรีบมาถามก่อน “ไม่ครับป้า ขอบคุณครับ” ภาคินัยยิ้มให้ป้าผู้มีน้ำใจไม่เปลี่ยนแล้ว ก็หันกลับไปมองเจ้าของร่างเล็กๆ เดินดูนั่นนี่อยู่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยต่อ “เห้อ อย่างหนาจริงๆ คุณน้องรัก” เลยได้แต่ส่ายหน้า ขนาดเขาเป็นผู้ชาย เคยทำงานคลุกดินคลุกฝุ่นมาก่อน ยังยืนคิดอยู่ใต้ชายคาบ้านตั้งแต่มาถึงเกือบชั่วโมงแล้ว ว่าจะเดินฝ่าแดดไปดูหรือแค่นั่งสังเกตการณ์อยู่ตรงนี้ ควบคู่กับทำงานเอกสารที่หอบมาด้วยเพื่อฆ่าเวลา ไว้แดดร่มลมตกค่อยไปกันแน่ กลัวอะไรกับแดดกับฝุ่นวะไอ้นิค เมื่อก่อนมึงลุยเยอะกว่านี้อีกนี่หว่า ทำงานใหญ่ให้คุณท่านใจต้องถึงเว้ย เชี่ย ถ้ามึงไม่ออกไป อายน้องรักตายห่า ด่าตัวเองแล้ว ก็กำลังจะเดินไป แต่ดันมีรถที่ไม่ค่อยคุ้นขับเข้ามาก่อน แล้วเขาก็ยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าใครอยู่ข้างใน ฉิบหายละ มาได้ไงวะ ปกติอยู่แต่ในห้องแอร์นี่นา ไม่ใช่ง่ายๆ ที่ผู้บริหารใหญ่แห่ง AV จะออกมาดูหน้างานด้วยตัวเอง แถมผู้ช่วยมือฉมังจ์อีกหนึ่ง “สวัสดีครับคุณปั่น” เขายกมือไหว้ เพราะอายุน้อยกว่าอาชาถึงห้าปี “สวัสดีครับ” อีกฝ่ายก็กระพุ่มมือรับ “ผมไม่รู้ว่าคุณปั่นจะมา มีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ” “ก็มาดูงานตามปกติครับ แล้วนี่ยัยแคระของผมไปไหนแล้วล่ะ” อาชากำลังกวาดสายตาขึ้นไปบนบ้าน กับใต้ถุน เพื่อหวังจะได้เจอคนที่ทำให้เขาต้องทิ้งงานมาถึงนี่ หลังมีสายลับโทรไปรายงาน เน้นเชียวนะคุณปั่น ขี้ตู่ชะมัด ถ้าคุณน้องรักมาได้ยิน จะว่าไงวะ “โน่นแน่ะครับ” ภาคินัยชี้ไปทางยัยแคระที่ถูกทายาทราชรักษ์ประกาศว่าเป็นเจ้าของ กำลังคุยกับผู้รับเหมาถมที่อยู่ “ตากแดดขนาดนั้น เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี” เห็นคนอยู่กลางแดดแล้วก็อดห่วงไม่ได้ “นั่นน่ะสิครับ ตากแดดมาตั้งแต่เริ่มถมดินจนจะเสร็จแล้ว ยังไม่เลิกอีกครับ นี่ผมกำลังจะไปดูอยู่เหมือนกัน ไปด้วยกันมั้ยครับ” “ถ้าไม่ไปคุณแม่ได้สวดยับผมสิครับ งานนี้ลงทุนน้อยซะที่ไหน” “ครับ” ภาคินัยไม่แน่ใจนัก ว่าที่อีกฝ่ายจะไปดูนั้น งานหรือคนหน้าหวานๆ กันแน่ เพราะคำตอบคลุมเครือชอบกล แต่สุดท้ายเขาก็คว้าร่มในรถกางออกแล้วเดินตามไป แล้วยื่นร่มอีกใบที่ยังไม่กางให้สิรภพ “ใครมาล่ะครับนั่น” รักศิกาญจน์หันไปตามทิศทางที่จวบชี้ไป ก็เห็นผู้ชายอกสามศอกเดินมา ที่แปลกตาก็ตรงมีร่ม หมวก แว่นกันแดดเหมือนตัวเองเปี๊ยบ พวกผู้ชายนี่กลัวหน้าดำด้วยเหรอวะ ที่น่าขำก็ตรงสองชายหนึ่งร่มที่เดินจนจะชิดกันนั่นล่ะ ยิ่งมาใกล้ๆ ยิ่งเหมือนคู่เกย์เข้าไปทุกทีๆ ช่างหาความแมนไม่ได้จากชายเหล่านี้เลย ไม่เห็นเหมือนลุงจวบกับพวกถมที่ ไม่มีใครกลัวแดดสักคน ร้อนหนักเข้าๆ ถึงค่อยเดินไปพึ่งร่มไม้บ้างแค่นั้น ขนาดเธอเอง บางทีก็ยังรำคาญร่ม เลยวางมันไว้กับพื้น ตอนคุยกับคนงาน “คุณน้องรักมานานแล้วเหรอครับ” ภาคินัยทักทายแล้วยิ้มให้ รักศิกาญจน์รีบไหว้สามชายด้วยตัวเด็กกว่ามาก “ชั่วโมงกว่าๆ แล้วค่ะ” “แดดแรงขนาดนี้ ใครใช้ให้มาเดินร่อนกันฮึยัยแคระ” อาชาเดินไปยืนข้างๆ ยัยแคระ ตรงตำแหน่งที่สถาปนิกหนุ่มกำลังจะเดินไปพอดี คุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้สักพัก “ป้าโทรมาบอกว่ามื้อเที่ยงเสร็จแล้วครับคุณๆ แกให้ถามว่าจะไปกินที่บ้าน หรือจะให้ยกมานี่ครับ” จวบก็เดินมาบอกแบบเกร็งๆ เพราะเห็นกำลังคุยงานกันอย่างเข้มข้นอยู่ “ข้างบนดีกว่าครับ ตรงนี้ร้อน ไปยัยแคระ” อาชาคว้าร่มของยัยแคระมากางกับคว้ามือบางให้เดินไปด้วยกันทันที แล้วก็ไม่ได้สนด้วย ว่าจะมีตาใครบ้างมองตาม “ป้าทำมื้อเที่ยงรอด้วยเหรอคะ น้องรักเกรงใจจังเลยค่ะ ไม่ได้บอกกับไม่ได้ให้ค่ากับข้าวไว้ด้วยค่ะ” บนโต๊ะตรงใต้ถุนบ้าน ก็มีกะเพราเครื่องในไก่ ไข่ดาว กับต้มจืดซี่โครงหมูวางรอแล้ว เสียงรถก็เงียบแล้ว คนงานต่างพากันนั่งกินข้าวใต้ต้นไม้เป็นหย่อมๆ “ทำสิคะ คุณท่านสั่งไว้ตั้งแต่วันแรกๆ แล้วล่ะค่ะ ว่าให้คอยดูแลคุณๆ กลัวทำงานจนไม่มีเวลากินข้าวค่ะ” “ขอบคุณค่ะ แล้วนั่นป้ากับลุงจะไปไหนคะ ไม่กินด้วยกันเหรอคะ” “ตามสบายเลยค่ะ ป้ากับลุงมีที่ประจำแล้วค่ะ” รักศิกาญจน์รู้ว่าเป็นบนชานบ้าน เพราะเห็นทั้งสองนั่งกินตั้งแต่วันแรกแล้ว เลยไม่เซ้าซี้ใดๆ อีกทั้งรู้สึกเหนื่อยๆ ปวดหัวนิดๆ มือไม้ก็สั่นๆ ยังไงชอบกล เลยรีบกินข้าวเอาแรงไว้ก่อน “อะ! กินเยอะๆ ยัยแคระ จะได้โตไวๆ” อาหารถูกอีคุมปั่นตักมาใส่จานข้าวให้ แม้จะไม่ชอบใจเอามากๆ ที่ถูกเรียกแบบนี้ไม่เลิก แต่จะทำยังไงล่ะ ห้ามได้ที่ไหนกัน การทำใจยอมรับนั่นล่ะคือทางออกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD