บทที่ 9 ทำงานวันแรก
หมิงเผิงก้าวเข้าสู่พื้นที่บริษัทเอ็มพีกรุ๊ป ด้วยชุดสูทสีดำเข้ม ใบหน้าของเขาเรียบนิ่ง ไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา ตอนนี้พนักงานสาวน้อยใหญ่ต่างกรี๊ดร้องอยู่ในใจอย่างตื่นเต้น เพราะได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของประธานบริษัทอีกครั้ง หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุอาการโคม่าไป 1 เดือนเต็ม
“สวัสดีครับ/ค่ะ”
พนักงานในบริษัทไม่ว่าตำแหน่งอะไร ต่างโค้งศีรษะให้เขาด้วยความเคารพ ส่วนชายหนุ่มได้แต่พยักหน้าเบา ๆ แต่ยังคงสีหน้าเรียบนิ่งเอาไว้เช่นเดิม
ขณะนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงตรง เหลือเวลาแค่ 15 นาทีจะประชุมบริษัท ไม่รอช้าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลารีบเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง โดยด้านนอกมีโต๊ะทำงานของสาลี่อยู่
แม้ว่าหมิงเผิงจะทำงานมานานหลายปี แต่เขายังคงเข้ามาทำความเข้าใจหัวข้อในการประชุมก่อนทุกครั้ง เพราะนอกจากจะทำให้การประชุมไม่ติดขัดแล้ว ยังทำให้คนอื่น ๆ เชื่อถือในข้อมูลที่เขาได้นำเสนออีกด้วย
ทันทีที่มาถึงบริเวณหน้าโต๊ะทำงานของเลขาสาว คนตัวสูงได้เดินเข้าไปหาสาลี่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกมา หญิงสาวก็ได้พูดออกมาก่อนว่า
“นี่ค่ะ ข้อมูลการประชุมในวันนี้ ส่วนด้านหลังจะเป็นโครงการข้อมูลการประชุมในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา ฉันสรุปมาให้แล้วค่ะ อ่านได้เลย คุณจะได้รู้ว่า 1 เดือนนั้นมีอะไรคืบหน้าขึ้นมาบ้าง”
สาลี่ร่ายยาว ก่อนจะยื่นเอกสารในมือส่งให้ผู้เป็นเจ้านาย
“ครับ ผมขอเวลา 15 นาที คุณไปรอผมก่อนได้เลย เดี๋ยวผมตามไป”
“ค่ะ”
เลขาสาวคนสวยตอบรับก่อนจะโค้งศีรษะลงเล็กน้อย จากนั้นหมุนตัวเดินออกไปยังห้องประชุม
ผ่านไป 1 ชั่วโมง
หลังจากการประชุมได้จบลง คุณชายตระกูลดังเริ่มเดินออกมาจากห้องประชุม โดยมีสาลี่เดินตามมาติด ๆ จากนั้นหมิงเผิงเอ่ยถามเลขาคนสนิทว่า
“วันนี้คุณบอกว่าเรียกสัมภาษณ์งานใช่ไหม ไหนล่ะ คนที่จะมาทำงานแทนคุณ”
ผู้เป็นเจ้านายเอ่ยถาม เพราะจำเรื่องเมื่อวานได้ สาลี่มาขอบาออกแบะนัดสัมภาษณ์พนักงานวันนี้
“อ๋อ ค่ะ ได้แล้วนะคะ น่าจะมาเริ่มงานใหม่พรุ่งนี้ เดี๋ยวก็เจอค่ะ”
“ครับ”
หมิงเผิงตอบพลางพยักหน้าเบา ๆ เขาไม่ได้ซักถามอะไรมาก หากผู้หญิงคนนั้นทนไม่ได้ คงต้องลาออกตั้งแต่วันแรกอย่างแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้น สาลี่คงจะอยู่กับเขาไปอีกหลายเดือน
อีกด้านของยี่หวา
ดวงตาอันคมเฉี่ยวมองใบหน้าหล่อเหลาของหมิงเผิงสลับกับรูปเบอร์มือถือที่เขาได้ทิ้งลงขยะ โดยคนที่เธอจ้างให้ไปสืบถ่ายมา
ให้ดู
‘น้ำค้างคือใคร’
หญิงสาวได้แต่คิดอยู่ในใจอย่างกังวล เธอกลัวว่าคนที่เธอรักจะมีใจให้คนอื่นจริง ๆ เมื่อนึกได้แบบนั้น มือเรียวจึงรีบพิมพ์ข้อความไปหานักสืบที่จ้างเอาไว้ให้ไปสืบว่าผู้หญิงที่ชื่อน้ำค้างคือใคร
วันรุ่งขึ้น
กริ้ง กริ้ง !
น้ำค้างงัวเงียตื่นขึ้นมายังไม่เต็มตามากนัก เนื่องจากตอนเย็นหลังจากการเลิกงาน เธอยังอยู่เฝ้ายายที่โรงพยาบาลต่อ
จนเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า จนเวลาประมาณตี 3
เศษ ๆ หญิงสาวเรียกรถแท็กซี่กลับมายังบ้านเช่าก็เกือบจะ
เช้าแล้ว ทำให้เธอนอนหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
~ซ่า ซ่า~ เสียงน้ำไหลจากฝักบัวกระทบผิวขาวเนียนละเอียดราวกับสำลี พร้อมกับกลิ่นครีมอาบน้ำหอมอ่อน ๆ อบอวล
กลิ่นโรสแมรี่ทำให้ร่างเล็กสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
หลังจากอาบน้ำไม่นานหญิงสาวก็ได้ออกมาสวมชุดสูทกระโปรงสีเข้ม แต่งหน้าอ่อน ๆ รวบผมเป็นหางม้า ก่อนจะหมุนตัวอยู่หน้ากระจกหนึ่งรอบ เพื่อดูความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย โดยทั่วไปแล้วภาพลักษณ์ย่อมสำคัญเสมอ
“ฟู่วว”
เจ้าของใบหน้าสวยถอนหายออกมาเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะหยิบขนมปังที่เหลือจากร้านสะดวกซื้อเมื่อคืนเข้าปาก ดูเหมือนว่าวันนี้คงไม่ได้ซื้อข้าวอีกเหมือนเคย คงต้องไปทานมื้อกลางวันทีเดียว เพราะสถานการณ์การเงินของน้ำค้างร่อยหรอแล้วเช่นกัน
แม้จะรู้ว่าตัวเองจะท้องอยู่ควรเลือกทานอาหารดี ๆ ทว่าเงินตอนนี้ได้จ่ายค่าโรงพยาบาลไปบางส่วนแล้ว ทำให้เหลือเงินจำกัด เธอคิดเอาไว้ว่าไว้รอเงินเดือนออกค่อยไปหาอะไรทานก็ยังไหวอยู่
จนกระทั่ง มาถึงที่บริษัท
“สวัสดีค่ะ”
เสียงเล็กกล่าวทักทายพนักงานที่บริษัทพลางโค้งศีรษะลงเล็กน้อย ตั้งแต่ผู้รักษาความปลอดภัย ตลอดจนแม่บ้านที่กำลังยืนทำความสะอาดอยู่หน้าลิฟต์ ซึ่งน้ำค้างก็ได้รับการตอบกลับจากผู้คนมาเช่นกัน
ติ้ง! เสียงลิฟต์บริเวณชั้นล่างได้เปิดออก หลายต่อหลายคนต่างพยายามแทรกตัวเข้าไปภายในลิฟต์ จนใครบางคนเผลอชนเข้ากับร่างเล็กเซถลาเล็กน้อย ทว่ากลับถูกคนปริศนาคว้าขอมือเล็กนั่นเอาไว้ ทำให้ร่างเล็กไม่เซจนล้มลงกับพื้น
หมับ!
“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณหมิงเผิง”
เสียงพนักงานทุกคนกล่าวทักทายคนที่จับข้อมือเล็กเอาไว้เป็นเสียงเดียวกัน นั่นทำให้น้ำค้างรับรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าคือประธานบริษัทนี้อย่างแน่นอน
“ขอบคุณนะคะ”
เรียวปากสีหวานพูดและรีบกลับมายืนในท่ายืนปกติ พร้อมทั้งโค้งศีรษะให้เขาเล็กน้อย ประธานบริษัทถือว่าเป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่านิสัยเป็นอย่างไร อีกอย่างเธอกลับจำไม่ได้ว่าผู้ชายตรงหน้าคือคนที่นอนกับเธอในคืนนั้น
“อืม”
หมิงเผิงตอบเพียงสั้น ๆ หลังจากนั้นพนักงานทุกคนเดินออกจากลิฟต์ และผายมือเชิญหมิงเผิงให้เข้าไปก่อน ซึ่งเขาก็เดินเข้าไปตามปกติโดยไม่มีพนักงานคนไหนตามเข้าไป ยกเว้นน้ำค้าง เธอไม่รู้ว่าผู้เป็นเจ้านายไม่ชอบให้ใครขึ้นลิฟต์ไปด้วย เนื่องจากกลัวเสียเวลา คนตัวเล็กจึงแทรกตัวผ่าฝูงชนตามเข้าไป
จนกระทั่งลิฟต์ได้ปิดตัวลง
“พนักงานใหม่เหรอ”
ชายหนุ่มถามออกไป เพราะไม่มีพนักงานเก่าคนไหนกล้าเข้ามาในลิฟต์กับเขา อีกอย่างเป็นเพราะเขาไม่คุ้นกับหญิงสาวตรงหน้า
“ค่ะ พนักงานใหม่พึ่งมาทำวันนี้ค่ะ”
น้ำค้างตอบพร้อมกับโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม ทว่าคนเป็นเจ้านายไม่พูดอะไรตอบกลับ พอถึงชั้น 40 เขาก็เดินออกไป โดยมีน้ำค้างตามมาทางด้านหลังเช่นกัน
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเหลือบมองคนตัวเล็กเพียงแค่หางตา บนชั้น 40 นี้เป็นห้องทำงานส่วนตัวของเขาทั้งชั้น หากคนจะขึ้นมาได้คงจะเป็นเลขาคนสนิทหรือสาลี่นั่นเอง
ดวงตาอันคมกริบของชายหนุ่มหันกลับมาโดยไม่พูดอะไรต่อ เพราะพอจะเดาออกว่าหญิงสาวที่เดินตามมานั้นคงจะเป็นเลขาคนใหม่ที่มาทดลองงาน ทว่าทำไมเขาถึงกลับคุ้นหน้าหญิงสาวคนนี้ ราวกับว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหน กลับนึกไม่ออก
อีกทั้งตอนนี้การตามหาผู้หญิงที่เขานอนด้วยยังไม่พบว่าอยู่ที่ไหน นั่นเป็นอีกอย่างที่ทำให้คนตัวสูงอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แค่การตามหาคน ๆ หนึ่งสำหรับเขาแล้วเป้นเรื่องที่ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่รับโทรศัพท์ นอกจากชื่อน้ำค้างแล้ว ไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มอีก