บทที่ 1 โดนวางยา
บทที่ 1 โดนวางยา
ท่ามกลางแสงไฟหลากสี เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม มีหญิงสาว
คนหนึ่งกำลังขมักเขม้นในการทำงาน เธอกำลังตั้งใจเก็บกวาดเศษแก้วที่แตกละเอียด เพื่อไม่ให้ลูกค้าเหยียบ หรือเป็นอันตรายกับคนที่เดินผ่านแถวนี้
วันนี้ลูกค้ามาใช้บริการที่ผับมากกว่าปกติเพราะเป็นวันศุกร์ หลายคนเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้ามาจากการทำงาน มักจะมาผ่อนคลายปลดปล่อยกันที่นี่
น้ำค้าง หญิงสาวหน้าตาสละสลวย หน้าเรียวบาง ปากเป็นรูปกระจับ จมูกโด่งเป็นสัน คล้ายลูกครึ่ง รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ผิวนวล เปล่งปลั่งมีออร่า น้ำค้างจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง เพียงแค่มองแวบแรก ก็ชวนให้หลงไหล
เจ้าของใบหน้าสวยไม่ได้แต่งหน้าจัดเต็ม หรือแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมังสาเหมือนคนอื่นๆ เธอแต่งตัวแบบเด็กเสิร์ฟธรรมดาเท่านั้น
คนตัวเล็กมาทำงานที่นี่เป็นแค่เด็กเสิร์ฟทำงานอยู่เบื้องหลัง คอยเก็บโต๊ะ ทำความสะอาดเท่านั้น เธอไม่ได้ขายตัว บ่อยครั้งมีคนรวยหลายคนเห็นเธอ และเสนอจะเลี้ยงดูเธอ เพื่อแลกกับการให้เธอมีความสัมพันธ์ด้วย แต่เธอก็ปฏิเสธ ถึงเธอจะทำงานแบบนี้แต่เธอไม่ได้ง่าย ที่จะยอมขายตัวแลกเงิน
น้ำค้างจะเป็นเด็กเสิร์ฟต่อไป เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ส่งเสียตัวเอง เรียนมหาลัย ซึ่งรายได้ที่นี่ค่อนข้างดี เพียงพอที่จะช่วยให้เธอเรียนต่อได้ และปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายที่เธอจะเรียนจบมหาลัยสักที
หญิงสาวคิดว่า เมื่อเรียนจบมหาลัยจะได้ทำงานที่ดีๆ มีเงินไว้เลี้ยงครอบครัว จะได้เลิกทำงานแบบนี้
ทว่าน้ำค้างต้องดรอปเรียน 1 ปี เพื่อหาเงินไปรักษายายที่ป่วยอยู่โรงพยาบาล
ในชีวิตนี้เธอมีแค่คุณยายเป็นญาติเพียงคนเดียว ทุกอย่างที่เธอสามารถทำได้ เธอยินดีที่จะทำ
ในขณะที่น้ำค้างกำลังกวาดเศษแก้วอยู่นั้นก็มีเสียงหนึ่งเรียกเธอ
"น้ำค้าง" เสียงผู้จัดการร้านเรียกเธอ
"ช่วยอะไรเจ้หน่อยได้ไหมจ้ะ"
พี่หยาด ชื่อเดิมคือ ทรงยศ ผู้จัดการซึ่งเป็นสาวประเภทสอง หุ่นล่ำบึก พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"มีอะไรให้น้ำค้างช่วยหรอคะ?"
" คือน้องแพมไม่สบาย ไม่มีคนทำงานแทนน้องแพมเลยจ้ะ เจ้ก็มองหาใครไม่เห็นแล้วนอกจากน้ำค้างน้ำค้างช่วยเจ้หน่อยนะ นะๆ"
เจ้พูดพลางเขย่ามือน้ำค้างเบาๆเชิงอ้อนวอน
"เอ่อ...คือ"
เสียงหวานตอบอย่างกระอักกระอ่วนใจ เพราะตำแหน่งนี้มันแต่งตัวค่อนข้างเปิดเผยไปหน่อย
"นะ ได้ไหม น้ำค้าง ไม่งั้นเจ้ตายแน่เลย เจ้รับปากเขาไว้แล้ว "
"ไม่อันตรายใช่ไหมคะเจ้"
น้ำค้างถามเพื่อความแน่ใจ เธอไม่รับงานที่เป็นอันตรายเสี่ยงต่อตัวเธอเด็ดขาด
"ไม่จ้ะ แค่คอยรินไวน์ให้แขกเฉยๆ ไม่ได้เรื่องเชิงชู้สาวเลย เจ้สาบาน เอางี้เจ้เพิ่มเงินให้ 3 เท่าเลย "
"ถ้าเจ้พูดขนาดนั้น ตกลงค่ะ"
เธอตกลงเพราะเจ้มีบุญคุณกับน้ำค้าง ที่เธออยู่มาได้ทุกวันนี้ เป็นเพราะเจ้สนับสนุนส่วนหนึ่ง รายได้ส่วนใหญ่เจ้เป็นคนหามาให้ อีกเพราะน้ำค้างต้องการเงินจำนวนมากไปรักษายายให้หายป่วย เธอจึงตอบตกลงรับงานนี้
"งั้น ไปเปลี่ยนชุดกัน วางๆ เดี๋ยวเจ้ให้คนมาเก็บแทน"
"เด็กๆ มาเก็บแทนน้ำค้างหน่อยเร็ว "
เจ้หยาดเรียกเด็กที่ร้านมาเก็บแก้วที่แตก พร้อมกับพาน้ำค้างมาเปลี่ยนชุดที่ห้อง และแต่งหน้าให้น้ำค้างใหม่
"ว้าวว สวยมาก นึกว่านางฟ้าตกสวรรค์ "
น้ำค้างจ้องมองคนในกระจก นั่นใช่เธอจริงๆหรือ ราวกับเป็นคนละคน
เจ้าของร่างเล็กใส่ชุดเดรสรัดรูปสีแดง โชว์หน้าอกที่ซ่อนรูปของเธอ เดรสสั้นประมาณ 2 คืบ ปากเธอถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสด แก้มชมพูระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ
"เจ้ มันโป๊เกินไปไหม"
น้ำค้างรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเพราะชุดมันโชว์เนื้อหนังมังสาเธอมากเกินไปเธอเอามือมาดึงชายกระโปรงลง เพราะมันสั้นเกินไป
"ไม่หรอก ผู้หญิงสวยๆเขาใส่แบบนี้กันทั้งนั้นแหละ หุ่นดีขนาดนี้ หน้าอกหน้าใจบึ้มขนาดนี้ เก็บไว้เก็บไว้เสียดายแย่ อิจฉาเสียจริง เจ้อยากเป็นผู้หญิงใส่ชุดแบบนี้บ้าง"
"ฮ่า ๆ จะดีเหรอเจ้"
น้ำค้างพูดพลางหัวเราะเจ้ เพราะนึกถึงภาพที่เจ้หุ่นล่ำเหมือนผู้ชายใส่ชุดเดรส
"อ่ะๆ ไปได้แล้ว ใกล้ถึงเวลาแล้ว"
"ไปตรงไหนเจ้ น้ำค้างไม่เคยไป"
"เดี๋ยวเจ้จะบอกนะ ขึ้นไปชั้น 2 ห้อง VIP 2512 เปิดประตูเข้าไปเลย ในนั้นจะเพื่อนผู้หญิงด้วย ไม่ต้องกลัว เสร็จงานแล้วมาเจอเจ้ห้อง VIP 2510 ประมาณ 4 ทุ่ม "
"ค่ะ ห้อง VIP 2512 นะ
น้ำค้างทวนเลขห้องอีกรอบ ฟังเจ้บรีพะงานอยู่ประมาณ 5 นาที ว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง
ร่างบางเดินขึ้นมาชั้น 2 อ่านเลขห้องไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่ห้อง VIP 2512 อย่างที่เจ้หยาดได้บอกเอาไว้
น้ำค้างถอนหายใจเฮือกหนึ่ง และสูดลมหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้าที่จะเข้าไป ร่างบางเอื้อมมือไปเปิดประตูช้า ๆ
แกร็ก!! เสียงเปิดประตู
"ขอโทษนะคะ ขอเข้าไปนะคะ"
เสียงหวานเอ่ยเพื่อเป็นการขออนุญาตตามมารยาท ก่อนจะแทรกร่างเล็กเข้าไปในห้องด้วยอาการที่ประหม่า
ในขณะเดียวกันทุกสายตาจับจ้องมาที่ร่างบางระหง สายตาแขกแต่ละคนเต็มไปด้วยสายตาแทะโลม และหื่นกระหาย มีเพียงชายหนุ่มหนึ่งคนมองเธอแค่เพียงสายตาเรียบนิ่ง
"เข้ามาสิ" เสียงนิ่งขรึม ของชายหนุ่มเอ่ยให้เธอเข้ามา
เขาคือ หมิงเผิง เป็นลูกครึ่งไทย-จีน อายุ 25 ปี พ่อของเขาเป็นธุรกิจชื่อดังจากเมืองจีนและมีภรรยาเป็นคนไทย หมิงเผิง เป็นคนที่มีความสามารถพูดได้หลายภาษา โดยเฉพาะภาษาจีนและภาษาไทย และด้วยความที่บริษัทนี้เดิมที่เป็นของคุณตาที่ตอนนี้แก่ชรามากแล้ว ท่านจึงวางมือจากธุรกิจและอยากให้ลูกหลานมาบริหารเพื่อสืบทอดธุรกิจต่อ ทางคุณพ่อและคุณแม่ของ หมิงเผิงจึงได้ส่งให้เขาเดินทางจากเมืองจีนเพื่อมาบริหารธุรกิจแทนคุณตา
เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่มาด้วยความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องหน้าตาและความหล่อกับส่วนสูงถึง 180เซนติเมตร และด้วยความเป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย ความหล่อสมาร์ทจึงแทบเรียกได้ว่า ไม่ต่างจากนายแบบชื่อดังทั่วไป
"ค่ะ"
ร่างบางตอบพร้อมกับเดินไปยืนอยู่กับผู้หญิงที่อยู่หลังโซฟาอย่างรู้งาน และคอยรินไวน์ อำนวยความสะดวกให้แขก
หลังจากที่แขกประชุมเสร็จ น้ำค้างดีใจที่จะได้เปลี่ยนชุดแล้ว เธอไม่ค่อยชินนักกับการที่ใส่กระโปรงสั้นแบบนี้
ผ่านไปไม่นาน เสียงทุ้มของหมิงเผิงก็ได้พูดขึ้นว่า
"ผมขอตัวนะครับ"
ชายหนุ่มไม่รอให้ใครได้อนุญาต ไม่รอช้า เท้าหนาก็รีบเดินออกจากห้องไป ราวกับมีธุระเร่งด่วน
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไป
"ประชุมเสร็จแล้ว เรามาดื่มกันหน่อยสิสาว ๆ "
ชายวัยกลางคน คนหนึ่งพูดขึ้น แล้วหันไปกระซิบกระซาบกับผู้หญิงอีกคน
ไม่ถึง 5 นาที ผู้หญิงคนนั้นหายไปสักพัก จากนั้นกลับมาพร้อมกับถาดใบกลม กับแก้วสองใบ มีน้ำผสมอะไรบางอย่างอยู่ในแก้ว
"เธอดื่มสิ "
ผู้หญิงคนนั้น เชิญชวนให้เธอดื่ม พร้อมกัน
"ฉันไม่ดื่ม"
ร่างบางปฏิเสธเพราะเธอเองไม่เคยดื่มมาก่อน
"ไม่เป็นไรหรอก ไม่งั้นเธอไม่ได้กลับนะ"
ชายวัยกลางคนกระซิบกระซาบ ทำเอาร่างเล็กถอยร่นไปทางด้านหลังหลายก้าว ด้วยความที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เธอจำเป็นต้องหยิบแก้วใบนั้นขึ้นมาจากถาดกลม จากนั้นก็กระดกไวน์ในแก้วรวดเดียวจนหมด
ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ใกล้เวลาเลิกงาน
ในขณะนี้ทุกคนทยอยออกจากห้องไปเรื่อยๆ เหลือเพียงน้ำค้าง หญิงสาวที่มาทำงานกับเธอ และชายวัยกลางคนที่ชวนน้ำค้างดื่ม
น้ำค้างเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลา 4 ทุ่ม เธอเลิกงานพอดี
น้ำค้างจึงรีบบอกลาชายวัยกลางคน โดยไม่รอคำอนุญาตจากเขา และร่างเล็กรีบสาวเท้าก้าวออกไปทันที โดยที่น้ำค้างไม่รู้ว่าตัวเองโดนวางยา