“หากกูทำให้อัคคีสนใจกูได้คงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย”
เฟรชไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำมันจะสำเร็จผลหรือเปล่าแต่ยังไงแล้วก็ต้องลองดูสักครั้งเพราะเธออยากเห็นอัคคีถอดอย่างอื่นมากว่าถอดแว่น
“ยากเพราะขนาดที่มึงเป็นเพื่อนในกลุ่มมันยังไม่สนใจ”
เป็นจริงตามที่มะเหมี่ยวพูดออกมาเพราะหากไม่มีเรื่องอะไรจริงๆอัคคีแทบไม่คุยกับใคร เรียกว่านั่งเงียบไม่สนใจสิ่งรอบข้าง สายตาจดจ่อหน้าจอโปรเจ็กเตอร์เพียงเท่านั้น
จะพูดคุยบ้างกับเพื่อนผู้ชายอย่างหลุยส์แต่สำหรับเฟรชกับมะเหมี่ยวเรียกว่านับได้เลยว่าในแต่ละวันคุยอะไรกันบ้าง
“แต่ก็คงไม่ยากเกินความสามารถของกู”
“จะเอาให้ได้”
“ก็อัคคีน่าสนใจ กูชอบนะ”
แน่นอนว่าเฟรชพูดจริง ความสนใจที่เฟรชมีต่ออัคคีมันมากขึ้นเรื่อยๆมากจนเธอไม่อยากเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้อีกแล้ว
ภาพที่เห็นอัคคียกมือถอดแว่นวางลงกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า มือหนาตักน้ำขึ้นล้างหน้าทำเอาเฟรชไม่สามารถลบภาพนี้ออกไปจากหัวได้
“ไม่จริงหน่า เท่าที่กูรู้มาอัคคีไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติของมึงเลยนะเฟรช”
สิ่งที่มะเหมี่ยวพูดออกมามันไม่ผิดเลยเพราะหากพูดถึงผู้ชายในอุดมคติ อัคคีไม่ใช่เลยด้วยซ้ำแต่ใครเขาขีดเส้นไว้ล่ะว่าการสนใจใครสักคนต้องตรงตามกับสิ่งที่เราวางไว้
“มึงต้องเห็นตอนอัคคีถอดแว่น กูเคยเห็นหนึ่งครั้งและหนึ่งครั้งนั้นมันทำให้กูลืมไม่ลง”
“จังหวะตกหลุมรักว่างั้น”
“ไม่ขนาดนั้น กูแค่รู้สึกว่าอัคคีน่าสนใจและน่าเข้าหา”
เพราะหากไม่มีอะไรดึงดูดให้เฟรชสนใจ เฟรชก็คงไม่รู้สึกอะไรแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะใบหน้าหล่อที่พึ่งจะเคยเห็นครั้งแรกตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาสามปี
“ให้พูดตามตรงยังไงกูก็ว่ายาก เนิร์ดๆแบบนั้นคงไม่สนใจใครหรอก” มะเหมี่ยวมั่นใจไม่น้อยเพราะอัคคีในความคิดของเธอแทบจะเป็นพ่อพระและห่างไกลจากเรื่องแบบนี้มาก
“งั้นกูจะลองดู”
“เอาจริงหรอเฟรช มันจะไม่เหมือนมึงเข้าไปยุ่งกับความรู้สึกอัคคีมันใช่ไหม”
แน่นอนว่าอัคคีก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ถึงจะไม่ห้ามไม่ขัดกับสิ่งที่เฟรชจะทำแต่มะเหมี่ยวก็กลัวว่ามันจะกลายเป็นการไปเล่นกับความรู้สึกของอัคคี
เฟรชเป็นคนมีเสน่ห์ มีคนให้ความสนใจเยอะ รอบตัวรายล้อมไปด้วยผู้คนที่ต่างรุมเข้ามาจีบ มะเหมี่ยวก็กลัวว่ามันจะกลายเป็นการไปเล่นกับความรู้สึก
“ก็นิดนึงแต่กูชอบหากกูจะเข้าหาก็คงไม่ผิดอะไร”
สำหรับเฟรชเธอไม่ได้เข้าไปเล่นกับความรู้สึกแต่เธอจะเข้าไปทำให้อัคคีรู้สึกแบบเดียวเธอเพื่อที่จะสานต่อความสัมพันธ์ให้เกินคำว่าเพื่อน
“แล้วมึงจะเข้าหายังไง”
“กูจะเข้าหาในแบบของกู”
“เฟรช”
ในตอนนี้มะเหมี่ยวแทบจะคิดดีไม่ได้เลยเพราะคำว่าในแบบของเฟรชมันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เฟรชเป็นคนจัดจ้าน เป็นผู้หญิงที่มีความแซ่บ ไม่ว่าจะร่างกายรวมถึงการแต่งตัว ไม่อยากคิดเลยว่าถึงตอนนั้นอัคคีจะรู้สึกยังไงหากตัวเองโดนกระทำแบบนี้
“มึงบอกเองว่าอัคคีเนิร์ดและคนเนิร์ดๆแบบนี้คงไม่สนใจใคร หากกูทำให้อัคคีสนใจกูและชอบกูกลับมันก็แฮปปี้นะ”
“รสนิยมมึงไม่ได้ชอบคนจืดๆแบบนี้จะตอบโจทย์หรอ”
มะเหมี่ยวยังคงเป็นห่วง เธอไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เฟรชพูดออกมามันคือความชอบจริงๆหรือเปล่าแต่หากเฟรชเพียงแค่เล่นสนุก คนที่น่าสงสารที่สุดก็คงจะเป็นอัคคี
“หมายถึงเรื่องอะไร เซ็กซ์หรอ”
“เซ็กซ์มึงจัดจ้านมาตลอดแต่กับอัคคีกูคิดภาพไม่ออก”
แน่นอนอายุยี่สิบกว่าแล้ว สำหรับเฟรชเธอไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์ที่เก็บซิงไว้ชิงโชค เธอเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์และทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยก็ไม่พ้นผู้ชายที่ผู้หญิงหลายๆคนอยากได้
“กูไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น เอาตอนนี้ให้รอดหากถึงเวลาก็คงไม่ยากจนเกินไป ยังไงผู้ชายก็มีสันดานดิบในตัว”
สำหรับเฟรชเธอมั่นใจไม่น้อย ถึงจะคิดภาพอัคคีในตอนมีเซ็กซ์ไม่ออกแต่เชื่อเถอะ ! ร้อยทั้งร้อยผู้ชายก็แพ้ทางผู้หญิงและเปิดเผยสันดานดิบในเรื่องนี้ออกมาเมื่อทนไม่ไหว
“คิดภาพอัคคีตอนนั้นไม่ออกจริงๆเป็นเพื่อนใหม่ๆกูทรีตมันราวกับลูก”
“กูก็คิดภาพนั้นไม่ออกแต่ก็นั่นแหละ ลองดูก็คงไม่เสียหายอะไรหรอก”
“กูรอฟังผลลัพธ์แล้วกันแล้วมึงจะเริ่มยังไง”
“ก็คงเริ่มที่ไปให้อัคคีติวให้” เพราะข้ออ้างชั้นดีในการไปหาอัคคีไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าเรื่องเรียน การจะเข้าหาเด็กเรียนยังไงก็ต้องใช้เรื่องเรียน ถึงมันจะไม่อยู่ในหัวเฟรชเลยก็เถอะ
“หากเป็นเรื่องติวก็คงอาทิตย์หน้า” ทุกคนในกลุ่มรู้ดีว่าก่อนสอบหรือควิซอัคคีจะติวให้เสมอแต่ในครั้งนี้เฟรชขอแตกต่างหน่อย
“ติวของวันนี้”
“มันจะยอมไหม”
“ไม่ยอมก็ต้องยอมเพราะกูจะไปแบบไม่บอกไปเซอร์ไพรส์หน้าห้อง”
แน่นอนว่าหลังพูดจบ เฟรชก็กลับห้องมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่รวมถึงฝากให้มะเหมี่ยวเพื่อนสนิทซื้อกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่มาให้ด้วยเพราะเฟรชจะใช้เวลาตรงนี้ไปกับการแต่งตัวพรมน้ำหอมไปหาอัคคี
อยู่สองต่อสองทั้งทีก็ต้องจัดเต็มหน่อยเพราะที่ผ่านมาจะมาห้องอัคคีได้ก็ตอนที่มีหลุยส์กับมะเหมี่ยวมาด้วยแบบพร้อมติว
ตกเย็น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำคิ้วหนาขมวดเข้าหากับราวกับจะมัดเป็นโบว์ อัคคีแปลกใจไม่น้อยว่าทำไมถึงมีคนมาเคาะประตูห้องเขาทั้งๆที่เขาไม่ได้นัดใครมา
“เฟรช”
ทันทีเมื่อเปิดประตูปากหนากระจับได้รูปเอ่ยเรียกคนตรงหน้าด้วยความตกใจเพราะเขาแปลกใจไม่น้อยว่าทำไมเพื่อนสนิทคนนี้ถึงมาอยู่หน้าห้อง
“มาหาผมมีอะไรครับ” ไม่รอให้ความสงสัยมีมากกว่านี้ อัคคีเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง
“เฟรชแค่อยากให้อัคคีช่วยทบทวนเนื้อหาวันนี้ให้หน่อย” เฟรชพูดขึ้นพร้อมปัดผมลอนไปด้านหลังเผยให้เห็นไหล่มนที่สวมเสื้อสายเดี่ยวโชว์ให้เห็นหน้าอกอวบ
“จะ…จริงๆค่อยติวพร้อมเพื่อนก็ได้ ยังไงผมก็เตรียมติวให้ทุกคนอยู่แล้ว” อัคคีตอบกลับไปเพราะเฟรชมาผิดเวลา ปกติแล้วต้องมาพร้อมๆเพื่อนทุกคนและใช่มันไม่ใช่วันนี้
แน่นอนว่าอัคคีแทบไม่กล้ามองเฟรชเลยด้วยซ้ำ ชุดที่เฟรชสวมอยู่มันคือเสื้อสายเดี่ยวที่เห็นหน้าอกอวบทั้งสองข้างที่ตอนนี้ชิดติดกันเป็นก้อนกลมโต ความขาวเนียนทำอัคคีไม่แม้แต่จะตวัดสายตามองเพราะต้องการให้เกียรติเพื่อนสนิท
ส่วนกางเกงก็สวมเพียงกางเกงยีนขาสั้นสีซีดที่มันสั้นจนแทบจะปกปิดแก้มก้นขาวๆไม่มิด ให้ตายเถอะ ! ปกติทุกครั้งที่มาติว เฟรชไม่เคยแต่งตัวแบบนี้เลย แล้วทำไมวันนี้ถึงมาชุดนี้ได้
ในใจของอัคคีร้อนรนแทบจะไม่เป็นตัวเองกับภาพตรงหน้าที่เห็น ในตอนนี้เขาต้องอดทนอย่างหนักกับการที่เฟรชยืนอยู่ตรงหน้า
“ไหนๆก็มาแล้ว ให้เฟรชเข้าไปก่อนได้ไหมล่ะ”
“เชิญครับ” แน่นอนว่าอัคคีไม่ปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะเป็นการหักหน้าเพื่อน ถึงแม้ในใจจะไม่ได้อยากเชิญชวนก็ตาม
“อัคคีอยู่คนเดียวหรอ” เฟรชถามออกไปด้วยความอยากรู้ ถึงจะรู้คำตอบแต่ก็ถามออกไปเพราะอยากรู้ว่าเพื่อนคนนี้มีใครอะไรบ้างไหม
“เฟรชอยากทบทวนเนื้อหาใช่ไหม มาครับ ผมจะติวเนื้อหาที่เรียนวันนี้ให้”
“รีบทำไม กินอะไรก่อนไหมเฟรชหิวมากเลยนะ”
“ดึกกว่านี้จะอันตรายนะครับและที่สำคัญอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้มันไม่ดีเลย”
❤️
ไม่ดีตรงไหน ?
อยู่สองต่อสองถูกใจยัยเฟรชมาก